Etidronate ป้องกันกระดูกหักที่เกิดจากโรคกระดูกพรุนในสตรีวัยหมดประจำเดือนได้หรือไม่

ใจความสำคัญ

สำหรับผู้หญิงที่มีความหนาแน่นของกระดูกใกล้เคียงปกติ (ความแข็งแรงของกระดูก) และไม่มีกระดูกสันหลังหักมาก่อน etidronate อาจสร้างความแตกต่างเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลยต่อแนวโน้มที่จะเกิดสะโพกหรือข้อมือหัก หรือเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ร้ายแรง (ไม่พึงประสงค์/เป็นอันตราย)
สำหรับผู้หญิงที่มีความหนาแน่นของกระดูกต่ำและมีความเสี่ยงหรือเคยมีกระดูกสันหลังหักมาก่อน etidronate อาจสร้างความแตกต่างเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลยในการป้องกันกระดูกหักในกระดูกอื่นที่ไม่ใช่กระดูกสันหลัง

โรคกระดูกพรุนคืออะไร

กระดูกเป็นส่วนที่มีชีวิตและเติบโตในร่างกายของคุณ ตลอดชีวิตของคุณ เซลล์กระดูกใหม่จะเติบโตและเซลล์กระดูกเก่าจะถูกสลายไปเพื่อให้มีที่ว่างสำหรับกระดูกใหม่ที่แข็งแรงขึ้น เมื่อคุณเป็นโรคกระดูกพรุน กระดูกเก่าจะถูกสลายเร็วกว่าที่กระดูกใหม่จะมาแทนที่ได้ เมื่อเป็นเช่นนี้ กระดูกจะสูญเสียแร่ธาตุ (เช่น แคลเซียม) ซึ่งจะทำให้กระดูกอ่อนแอลงและมีแนวโน้มที่จะแตกหักมากขึ้น แม้ว่าจะได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย เช่น การกระแทกหรือการล้มเล็กน้อยก็ตาม ผู้หญิงที่ผ่านวัยหมดประจำเดือนมักจะเป็นโรคกระดูกพรุนมากกว่าคนอื่นๆ

Etidronate คืออะไร

Etidronate อยู่ในกลุ่มยาที่เรียกว่า bisphosphonates ซึ่งชะลอเซลล์ที่สลายกระดูกเก่า ให้ทางปากเป็นระยะๆ หรือเป็นรอบๆ ตัวอย่างเช่น รับประทานยาเม็ดขนาด 400 มก. ทุกวันเป็นเวลาสองสัปดาห์ทุกๆ 90 วัน ตามด้วยแคลเซียมหรือไม่ให้การรักษาเลยในช่วงที่เหลือของรอบการรักษา 90 วันแต่ละรอบ

เราต้องการค้นหาอะไร

เราต้องการทราบว่า etidronate ดีกว่ายาหลอก (ยาที่ไม่มีฤทธ์หรือยาหลอก) หรือยาอื่นสำหรับโรคกระดูกพรุนในการป้องกันโรคกระดูกหักในสตรีวัยหมดประจำเดือน สำหรับความเกี่ยวข้องทางคลินิก เราพิจารณาผลกระทบของ etidronate ต่อสตรี โดยจัดกลุ่มตามความเสี่ยงของกระดูกหัก (ความเสี่ยงต่ำเมื่อเทียบกับความเสี่ยงสูง) เรายังต้องการทราบว่า etidronate เกี่ยวข้องกับผลกระทบที่ไม่พึงประสงค์ใดๆ หรือไม่

เราทำอะไร

เราค้นหาการศึกษาที่เปรียบเทียบ etidronate กับยาหลอกหรือยาอื่น ๆ ในการป้องกันโรคกระดูกพรุน เราเปรียบเทียบและสรุปผล และให้คะแนนความเชื่อมั่นของเราในหลักฐาน โดยพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ เช่น วิธีการศึกษาและขนาดการศึกษา

เราพบอะไร

โดยรวมแล้ว เราพบการศึกษา 30 ฉบับ แต่การศึกษา 4 ฉบับให้ข้อมูลไม่เพียงพอเกี่ยวกับผลลัพธ์ของพวกเขา ดังนั้นเราจึงสามารถวิเคราะห์ผลลัพธ์ของการศึกษา 26 ฉบับ ศึกษาในผู้หญิง 2770 คน การศึกษา 9 ฉบับ สนใจ "การป้องกันปฐมภูมิ" ของกระดูกหักจากโรคกระดูกพรุน ซึ่งหมายความว่าพวกเขามุ่งเน้นไปที่ผู้หญิงที่มีความเสี่ยงกระดูกหักต่ำกว่า ซึ่งมีกระดูกที่มีความหนาแน่น/แข็งแรงใกล้เคียงปกติ และไม่มีกระดูกสันหลังหักมาก่อน การศึกษา 17 ฉบับ สนใจใน 'การป้องกันขั้นทุติยภูมิ' ด้วย etidronate ซึ่งหมายความว่าพวกเขามุ่งเน้นไปที่ผู้หญิงที่มีความเสี่ยงกระดูกหักสูงกว่า ซึ่งมีกระดูกอ่อนแออยู่แล้ว (ความหนาแน่นของกระดูกต่ำ) เคยมีกระดูกสันหลังหัก หรือทั้งสองอย่าง การศึกษาส่วนใหญ่รวมผู้หญิงผิวขาวเป็นหลัก การศึกษาใช้เวลาระหว่าง 1 ถึง 4 ปี การศึกษาบางชิ้นให้สตรีได้รับยาเอทิโดรเนต 400 มก./วัน ในขณะที่การศึกษาอื่น ๆ ให้ยาเอทิโดรเนต 200 มก./วัน

ผลลัพธ์หลักสำหรับการศึกษาการป้องกันปฐมภูมิที่ให้สตรีได้รับ etidronate 400 มก./วัน

เปรียบเทียบกับยาหลอก พบว่า etidronate:

อาจสร้างความแตกต่างเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลยต่อการหักที่ไม่ใช่กระดูกสันหลัง (ไม่ใช่กระดูกสันหลัง) และเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ร้ายแรง;

อาจสร้างความแตกต่างเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลยต่อการหักของกระดูกสันหลังทางคลินิก (นั่นคือ กระดูกสันหลังหักที่วินิจฉัยโดยอาการแสดงและอาการทางคลินิก) และจำนวนสตรีที่ออกจากการศึกษาเนื่องจากเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์

หลักฐานยังไม่ชัดเจนมากเกี่ยวกับผลของ etidronate ต่อกระดูกสะโพกหัก ไม่มีการศึกษาใดรายงานเกี่ยวกับผลกระทบต่อกระดูกข้อมือหัก

ผลลัพธ์หลักสำหรับการศึกษาการป้องกันทุติยภูมิที่ให้สตรีได้รับ etidronate 400 มก./วัน

เมื่อเปรียบเทียบกับยาหลอก etidronate อาจสร้างความแตกต่างเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลยในการป้องกันกระดูกหักนอกเหนือจากกระดูกสันหลัง หลักฐานมีความไม่แน่นอนอย่างมากเกี่ยวกับผลของ etidronate ต่อกระดูกสะโพกและข้อมือหัก จำนวนสตรีที่ออกจากการศึกษาเนื่องจากเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ และเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ร้ายแรง ไม่มีการศึกษาใดที่รายงานผลของ etidronate ต่อการหักของกระดูกสันหลังทางคลินิก

ข้อจำกัดของหลักฐานคืออะไร

ความเชื่อมั่นในหลักฐานมีตั้งแต่ต่ำไปจนถึงปานกลาง โดยทั่วไป เรามีความมั่นใจเพียงเล็กน้อยในหลักฐาน เนื่องจากเป็นไปได้ที่สตรีในการศึกษาจะทราบว่าตนได้รับการรักษาแบบใด ซึ่งอาจส่งผลต่อผลลัพธ์ และเนื่องจากการศึกษาจำนวนมากมีขนาดเล็กมาก

หลักฐานนี้เป็นปัจจุบันแค่ไหน

หลักฐานเป็นปัจจุบันถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2023

ข้อสรุปของผู้วิจัย: 

การปรับปรุงการทบทวนวรรณกรรมนี้สะท้อนการค้นพบที่สำคัญของการทบทวนครั้งก่อนของเราว่า etidronate อาจสร้างหรืออาจสร้างความแตกต่างเพียงเล็กน้อยหรือไม่สร้างความแตกต่างเลยต่อการหักของกระดูกสันหลังและไม่ใช่กระดูกสันหลังสำหรับการป้องกันทั้งในระดับปฐมภูมิและทุติยภูมิ

อ่านบทคัดย่อฉบับเต็ม
บทนำ: 

โรคกระดูกพรุนคือการลดลงของมวลกระดูกอย่างผิดปกติและการเสื่อมสภาพของกระดูกทำให้เสี่ยงต่อการหักเพิ่มขึ้น etidronate อยู่ในกลุ่มยา bisphosphonate ซึ่งทำหน้าที่ยับยั้งการสลายของกระดูกโดยรบกวนการทำงานของเซลล์ osteoclasts ซึ่งเป็นเซลล์กระดูกที่สลายเนื้อเยื่อกระดูก และนี่เป็นการปรับปรุงการทบทวนวรรณกรรมของ Cochrane ที่เผยแพร่ครั้งแรกในปี 2008 สำหรับความเกี่ยวข้องทางคลินิก เราได้ตรวจสอบผลกระทบของ etidronate ต่อสตรีวัยหมดประจำเดือนโดยแบ่งตามความเสี่ยงกระดูกหัก (ต่ำเทียบกับสูง)

วัตถุประสงค์: 

เพื่อประเมินประโยชน์และอันตรายของยา etidronate ที่ให้ไม่ต่อเนื่อง/เป็นรอบในการป้องกันภาวะกระดูกพรุนปฐมภูมิและทุติยภูมิในสตรีวัยหมดประจำเดือนที่มีความเสี่ยงต่ำและสูงต่อกระดูกหัก ตามลำดับ

วิธีการสืบค้น: 

เราค้นหาใน Cochrane Central Register of Control Trials (CENTRAL), MEDLINE, Embase, ทะเบียนการทดลองทางคลินิก 2 แหล่ง, เว็บไซต์ของหน่วยงานอนุมัติยา และบรรณานุกรมของการทบทวนอย่างเป็นระบบที่เกี่ยวข้อง เราระบุการทดลองที่เข้าเกณฑ์ซึ่งเผยแพร่ระหว่างปี 1966 ถึงกุมภาพันธ์ 2023

เกณฑ์การคัดเลือก: 

เรารวมการทดลองแบบสุ่มที่มีกลุ่มควบคุมที่ประเมินประโยชน์และโทษของ etidronate ในการป้องกันกระดูกหักของสตรีวัยหมดประจำเดือน ผู้หญิงในกลุ่มทดลองต้องได้รับยา etidronate อย่างน้อย 1 ปี ร่วมกับยาต้านโรคกระดูกพรุนอื่นๆหรือไม่มียาต้านโรคกระดูกพรุนอื่นๆ และควบคู่กับแคลเซียม/วิตามินดี กลุ่มเปรียบเทียบที่ตรงตามเกณฑ์คือยาหลอก (กล่าวคือ ไม่มีการรักษา หรือแคลเซียม วิตามินดี หรือทั้งสองอย่าง) หรือยาต้านโรคกระดูกพรุนอย่างอื่น ผลลัพธ์ที่สำคัญ ได้แก่ การหักทางคลินิกของกระดูกสันหลัง ไม่ใช่กระดูกสันหลัง สะโพกและข้อมือ การถอนตัวจากการศึกษาเนื่องจากเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ และเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ร้ายแรง เราจัดการศึกษาเป็นการป้องกันทุติยภูมิ หากประชากรเป็นไปตามเกณฑ์ลำดับชั้นต่อไปนี้ 1 รายการหรือมากกว่า ได้แก่ การวินิจฉัยโรคกระดูกพรุน, ประวัติกระดูกสันหลังหัก, คะแนน T-score ความหนาแน่นของกระดูกต่ำ (≤ -2.5) หรืออายุ 75 ปีขึ้นไป หากไม่ตรงตามเกณฑ์เหล่านี้ เราจะถือว่าการศึกษานี้เป็นการป้องกันแบบปฐมภูมิ

การรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล: 

เราใช้ระเบียบวิธีการมาตรฐานที่ Cochrane กำหนดไว้ การทบทวนมีการเปรียบเทียบหลัก 3 ประการ คือ (1) etidronate 400 มก./วัน เทียบกับยาหลอก; (2) etidronate 200 มก./วัน เทียบกับยาหลอก; (3) etidronate ในขนาดยาต่างๆ เทียบกับสารต้านโรคกระดูกพรุนชนิดอื่น เราแบ่งชั้นการวิเคราะห์สำหรับการเปรียบเทียบแต่ละรายการในการศึกษาการป้องกันระดับปฐมภูมิและการศึกษาการป้องกันระดับทุติยภูมิ สำหรับผลลัพธ์ที่สำคัญในการศึกษาที่ควบคุมด้วยยาหลอกของ etidronate 400 มก./วัน เราทำตามการทบทวนเดิมของเราโดยกำหนดการเปลี่ยนแปลงสัมพัทธ์มากกว่า 15% ว่ามีความสำคัญทางคลินิก สำหรับผลลัพธ์ทั้งหมดที่น่าสนใจ เราใช้การวัดผลลัพธ์ ณ จุดเวลาที่ยาวที่สุดในการศึกษา

ผลการวิจัย: 

มีการศึกษา 30 ฉบับ ที่ตรงตามเกณฑ์การคัดเข้า จากทั้งหมดนี้มีการศึกษา 26 ฉบับ ซึ่งมีสตรีทั้งหมด 2770 คน รายงานข้อมูลที่เราสามารถสกัดและสังเคราะห์ในเชิงปริมาณได้ มีการศึกษาที่เป็นการป้องกันระดับปฐมภูมิ 9 ฉบับ และการศึกษาที่เป็นการป้องกันระดับทุติยภูมิ 17 ฉบับ

เรามีความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงของการมีอคติอย่างน้อย 1 โดเมนในแต่ละการศึกษา ไม่มีการศึกษาใดที่อธิบายวิธีการที่เหมาะสมสำหรับการปกปิดการจัดกลุ่ม แม้ว่า 27% อธิบายวิธีการสร้างลำดับแบบสุ่มอย่างเพียงพอ เราตัดสินว่ามีเพียง 8% ของการศึกษาเท่านั้นที่หลีกเลี่ยงอคติด้านการปฏิบัติต่อผู้เข้าร่วมโครงการ (performance bias) และให้คำอธิบายที่เพียงพอเกี่ยวกับวิธีการปกปิดกลุ่มที่เหมาะสม มีการศึกษา 1 ใน 4 ที่รายงานผลลัพธ์ ซึ่งมีความเสี่ยงของการมีอคติสูงในการติดตามผู้เข้าร่วมโครงการ ในขณะที่ 23% ของการศึกษาที่รายงานผลลัพธ์ด้านความปลอดภัยมีความเสี่ยงของการมีอคติสูงในด้านนี้

การศึกษา 30 ฉบับ ที่รวบรวมมาได้เปรียบเทียบ (1) etidronate 400 มก./วัน กับยาหลอก (การศึกษา 13 ฉบับ: การป้องกันในระดับปฐมภูมิ 9 ฉบับและการป้องกันทุติยภูมิ 4 ฉบับ); (2) etidronate 200 มก./วัน เทียบกับยาหลอก (การศึกษา 3 ฉบับ ทั้งหมดเป็นการป้องกันทุติยภูมิ); หรือ (3) etidronate (ทั้งสองสูตร) ​เทียบ​กับยาต้านโรคกระดูกพรุนอีกตัวหนึ่ง (การศึกษา 14 ฉบับ: การป้องกันระดับปฐมภูมิ 1 ฉบับ และการป้องกันทุติยภูมิ 13 ฉบับ) เราจะกล่าวถึงเฉพาะการเปรียบเทียบ etidronate 400 มก./วัน กับยาหลอกในที่นี้

สำหรับการป้องกันเบื้องต้น เราได้รวบรวมหลักฐานที่มีความเชื่อมั่นระดับปานกลางถึงต่ำมากจากการศึกษา 9 ฉบับ (นาน 1 ถึง 4 ปี) ซึ่งรวมถึงสตรีวัยหมดประจำเดือน 740 คนที่มีความเสี่ยงต่อกระดูกหักน้อยกว่า เมื่อเปรียบเทียบกับยาหลอก ยา etidronate 400 มก./วัน อาจส่งผลแตกต่างเล็กน้อยหรือไม่แตกต่างกันเลยในเรื่องกระดูกสันหลังหัก (อัตราส่วนความเสี่ยง (RR) 0.56, 95% ช่วงความเชื่อมั่น (CI) 0.20 ถึง 1.61); การลดความเสี่ยงสัมบูรณ์ (ARR) น้อยลง 4.8%, CI 95% น้อยลง 8.9% ถึง มากกว่า 6.1%) และเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ร้ายแรง (RR 0.90, 95% CI 0.52 ถึง 1.54; ARR น้อยลง 1.1%, 95% CI น้อยลง 4.9% ถึง มากกว่า 5.3%) หลักฐานที่มีความเชื่อมั่นปานกลาง etidronate 400 มก./วัน อาจส่งผลแตกต่างเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลยในเรื่องกระดูกสันหลังหักทางคลินิก (RR 3.03, 95% CI 0.32 ถึง 28.44; ARR มากกว่า 0.02%, 95% CI น้อยลง 0% ถึง มากกว่า 0%) และการถอนตัวเนื่องจากเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ ( RR 1.41, 95% CI 0.81 ถึง 2.47; ARR มากกว่า 2.3%, 95% CI น้อยลง 1.1% ถึง มากกว่า 8.4%) หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำ เราไม่ทราบผลของ etidronate ต่อกระดูกสะโพกหัก เนื่องจากหลักฐานมีความไม่แน่นอนอย่างมาก (RR ไม่สามารถประมาณได้เนื่องจากหลักฐานมีความเชื่อมั่นต่ำมาก) ไม่มีรายงานการหักของข้อมือในการศึกษาที่รวบรวมมา

สำหรับการป้องกันทุติยภูมิ มีการศึกษา 4 ฉบับ (นาน 2 ถึง 4 ปี) ที่ให้ข้อมูลหลักฐาน มีสตรีวัยหมดประจำเดือน 667 รายที่มีความเสี่ยงสูงที่จะกระดูกหัก เมื่อเปรียบเทียบกับยาหลอก พบว่า etidronate 400 มก./วัน อาจสร้างความแตกต่างเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลยต่อการหักของกระดูกที่ไม่ใช่กระดูกสันหลัง (RR 1.07, 95% CI 0.72 ถึง 1.58; ARR มากกว่า 0.9%, CI 95% น้อยลง 3.8% ถึง มากกว่า 8.1%) โดยขึ้นอยู่กับ หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำ หลักฐานไม่แน่นอนอย่างมากเกี่ยวกับผลกระทบของ etidronate ต่อกระดูกสะโพกหัก (RR 0.93, 95% CI 0.17 ถึง 5.19; ARR น้อยลง 0.0%, 95% CI น้อยลง 1.2% ถึง มากกว่า 6.3%), ข้อมือหัก (RR 0.90, 95% CI 0.13 ถึง 6.04; ARR น้อยลง 0.0%, CI 95% น้อยลง 2.5% ถึง มากขึ้น 15.9%), การถอนตัวเนื่องจากเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ (RR 1.09, 95% CI 0.54 ถึง 2.18; ARR มากขึ้น 0.4%, 95% CI น้อยลง 1.9% ถึง มากขึ้น 4.9%) และเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ร้ายแรง (RR ไม่สามารถประมาณได้) เมื่อเปรียบเทียบกับยาหลอก ไม่มีรายงานการหักของกระดูกสันหลังทางคลินิกในการศึกษาที่รวบรวมมา

บันทึกการแปล: 

แปลโดย พญ.วิลาสินี หน่อแก้ว โรงพยาบาลมะเร็งอุบลราชธานี Edit โดย พ.ญ. ผกากรอง ลุมพิกานนท์ 4 พฤศจิกายน 2024

Tools
Information