คำถามของการทบทวนวรรณกรรม
นี่คือการปรับปรุงของ Cochrane Review เราประเมินว่า botulinum toxin type A (BtA) มีประสิทธิผลมากกว่า (ลดความรุนแรง ความพิการ และความเจ็บปวด) และปลอดภัยกว่ายา anticholinergic สำหรับผู้ที่เป็นโรคคอบิดเกร็ง (การวางตำแหน่งศีรษะโดยไม่ได้ตั้งใจ)
ความเป็นมา
โรคคอบิดเกร็ง หรือที่เรียกว่า spasmodic torticollis เป็นความผิดปกติที่ทำให้เกิดการวางศีรษะที่ไม่ต้องการ ไม่สามารถควบคุมได้ มักเจ็บปวดและผิดปกติ ถือเป็นภาวะที่ค่อนข้างน้อย ส่งส่งผลกระทบ 57 ถึง 280 คนต่อต่อประชากรหนึ่งล้านคน สามารถmำให้ไร้ความสามารถได้มาก และส่งผลเสียต่อคุณภาพชีวิต ในกรณีส่วนใหญ่ไม่ทราบสาเหตุ ไม่มีทางรักษาให้หายขาด เนื่องจากโรคคอบิดเกร็งมักเป็นความผิดปกติในระยะยาวจึงต้องได้รับการรักษาในระยะยาว
Botulinum toxin type A และยา anticholinergic เป็นสารเคมีที่มีฤทธิ์รุนแรง ซึ่งทำให้เกิดการตอบสนองที่หลากหลายในร่างกายมนุษย์ BtA ทำให้เกิดอัมพาตเฉพาะที่อย่างรุนแรง (ไม่สามารถเคลื่อนไหวส่วนของร่างกายที่ฉีดเข้าไป) Anticholinergics มักใช้โดยการรับประทาน ทำให้เกิดอาการที่แพร่หลายมากกว่า และอาจส่งผลให้เกิดอาการปากแห้ง การมองเห็นผิดปกติ ปัญหาเกี่ยวกับลำไส้และกระเพาะปัสสาวะ เพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจ การกดประสาท และความไขว้เขวหรือสับสน ทั้งสองอย่างสามารถใช้ในการรักษาภาวะหลายอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ที่มีการหดตัวของกล้ามเนื้อที่ไม่ได้ตั้งใจ เช่น โรคคอบิดเกร็ง
ลักษณะของการศึกษา
เราสืบค้นวรรณกรรมทางการแพทย์จนถึงเดือนกรกฎาคม 2020 เราพบการศึกษา 1 รายการที่เปรียบเทียบการรักษาด้วย BtA (Dysport) กับยา anticholinergic (trihexyphenidyl) เป็นเวลา 12 สัปดาห์ การศึกษานี้รวมผู้เข้าร่วม 66 คนที่มีอาการคอบิดเกร็ง โดยเฉลี่ย 9.4 ปี แต่ไม่เคยได้รับการรักษาโดย BtA โดยเฉลี่ยแล้ว มีความผิดปกติในระดับปานกลาง อายุเฉลี่ยของคนในการศึกษาคือ 50.7 ปี การทดลองนี้ได้รับทุนจากผู้ผลิตยา BtA
ผลการศึกษาที่สำคัญ
ผลการวิจัยแสดงให้เห็นว่า Dysport เมื่อเปรียบเทียบกับ trihexyphenidyl อาจช่วยปรับปรุงอาการของโรคคอบิดเกร็ง ความเจ็บปวด และคุณภาพชีวิตได้ ความเสี่ยงของการมีเหตุการณ์ที่ไม่พึงประสงค์หรือไม่พึงปรารถนา โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาปากแห้ง และความจำเพิ่มขึ้นในผู้ที่รับประทาน trihexyphenidyl
เราไม่พบข้อมูลเกี่ยวกับผลกระทบของ BtA ในปริมาณที่แตกต่างกัน สูตร BtA ที่แตกต่างกัน หรือประเภทของ anticholinergics ประโยชน์ของการฉีดยาด้วย electromyography หรือระยะเวลาที่ผลจะคงอยู่
ความเชื่อมั่นของหลักฐาน
เนื่องจากข้อจำกัด ในวิธีการศึกษาและขนาดของการศึกษา เรามีความเชื่อมั่นในผลลัพธ์น้อยมาก
ข้อสรุปเหล่านี้อาจใช้ไม่ได้กับทุกคนที่เป็นโรคคอบิดเกร็ง ไม่สามรถใช้สำหรับการรักษาอย่างใดอย่างหนึ่งในระยะยาว
เราพบหลักฐานที่มีความเชื่อมั่นต่ำมาก ว่า BtA มีประสิทธิผลมากกว่าทนได้ดีกว่า และปลอดภัยกว่า trihexyphenidyl
เราไม่พบข้อมูลเกี่ยวกับ dose-response relationship สำหรับ BtA ความแตกต่างระหว่างสูตร BtA หรือยา anticholinergic ที่แตกต่างกัน ประโยชน์ของการฉีดยาด้วย electromyograph หรือระยะเวลาของผลการรักษา
นี่เป็นการปรับปรุง Cochrane Review ที่เผยแพร่ครั้งแรกในปี 2005 โรคคอบิดเกร็ง เป็นการบิดเกร็งของกล้ามเนื้อเฉพาะที่ที่พบบ่อยที่สุด และเป็นความผิดปกติของการเคลื่อนไหวที่ทำให้เกิดปัญหาได้อย่างมาก โดยมีลักษณะท่าทางของศีรษะที่ไม่ได้ตั้งใจ และมักจะเจ็บปวด ปัจจุบัน botulinum toxin type A (BtA) ถือเป็นการรักษาทางเลือกแรกสำหรับภาวะนี้ ก่อนที่จะมี BtA, anticholinergics เป็นวิธีการรักษาที่ได้รับการยอมรับมากที่สุด
เพื่อเปรียบเทียบประสิทธิภาพ ความปลอดภัย และการยอมรับของ BtA เทียบกับยา anticholinergic ในผู้ใหญ่ที่เป็นโรคคอบิดเกร็ง
เราสืบค้นทะเบียนการทดลองของ Cochrane Movement Disorders จนถึงเดือนมิถุนายน 2003 คัดกรองรายการอ้างอิงของบทความ และ conference proceedings ถึงเดือนกันยายน 2018 และค้นหา CENTRAL, MEDLINE และ Embase โดยไม่มีข้อ จำกัด ด้านภาษาจนถึงกรกฎาคม 2020
Double-blind, parallel, randomized trials (RCTs) ของ BtA เทียบกับยา anticholinergic ในผู้ใหญ่ที่เป็น โรคคอบิดเกร็ง
ผู้ประพันธ์การทบทวนวรรณกรรม 2 คนประเมินรายงาน การศึกษาที่เลือก รวมถึงการคัดลอกข้อมูลโดยใช้แบบฟอร์มกระดาษ และประเมินความเสี่ยงของอคติ และคุณภาพของหลักฐาน โดยอิสระ เราแก้ไขข้อขัดแย้งโดยฉันทามติหรือปรึกษาผู้ทบทวนวรรณกรรมคนที่สาม หากมีข้อมูลเพียงพอเราจะทำ meta-analysis โดยใช้ random-effects model สำหรับการเปรียบเทียบ BtA กับยา anticholinergic เพื่อประมาณผลรวมและช่วงความเชื่อมั่น 95% (95% CI) ผลการรักษาหลักคือการดีขึ้นของ ความบกพร่องเฉพาะของ โรคคอบิดเกร็ง ผลลัพธ์ด้านความปลอดภัยเบื้องต้นคือสัดส่วนของผู้เข้าร่วมการศึกษาที่เกิดเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ใด ๆ
เราได้รวม RCT 1 รายการที่มีความเสี่ยงของอคติโดยรวมในระดับปานกลาง (เนื่องจากหลายโดเมนมีความเสี่ยงของดอคติที่ไม่ชัดเจน) ซึ่งรวมผู้เข้าร่วมที่ไม่เคยได้ BtA 66 คนที่เป็น โรคคอบิดเกร็ง BtA 2 ครั้ง (Dysport; สัปดาห์ที่ 0 และ 8; ปริมาณเฉลี่ย 262 ถึง 292 U) ถูกเปรียบเทียบกับ trihexyphenidyl ทุกวัน (มากถึง 24 มก.ต่อวัน) การทดลองนี้ได้รับการสนับสนุนจากผู้ผลิต BtA
BtA ลดความรุนแรงของโรคคอบิดเกร็งโดยเฉลี่ย 2.5 คะแนน (95% CI 0.68 ถึง 4.32) ใน Toronto Western Spasmodic Torticollis Rating Scale (TWSTRS) subscale 12 สัปดาห์หลังการฉีดเมื่อเทียบกับ trihexyphenidyl ผู้เข้าร่วมจำนวนมากกว่ารายงานเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ในกลุ่มที่ให้การรักษาด้วย trihexyphenidyl (76 เหตุการณ์) เปรียบเทียบกับกลุ่ม BtA (31 เหตุการณ์) อย่างไรก็ตามความแตกต่างของการออกกลางคันเนื่องจากเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ระหว่างกลุ่มไม่สามารถสรุปได้ มีความเสี่ยงที่ลดลงของอาการปากแห้ง และปัญหาความจำใน BtA แต่ความแตกต่างระหว่างกลุ่ม ยังสรุปไม่ได้สำหรับผลข้างเคียงอื่น ๆ ที่รายงาน (ตาพร่ามัวเวียนศีรษะซึมเศร้าอ่อนเพลียปวดบริเวณที่ฉีดยากลืนลำบากและคออ่อนแรง)
ผู้แปล ศ.นพ ภิเศก ลุมพิกานนท์ ภาควิชาสูติศาสตร์และนรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่นเมื่อวันที่ 23 เมษายน 2021