Corticosteroids แบบฉีดหรือรับประทานสำหรับรักษาโรคเกาต์เฉียบพลัน

บทสรุปของการทบทวน Cochrane นี้นำเสนอสิ่งที่เรารู้จากการวิจัยเกี่ยวกับผลของคอร์ติโคสเตียรอยด์แบบฉีดหรือรับประทานสำหรับโรคเกาต์เฉียบพลัน การทบทวนนี้แสดงให้เห็นว่าในผู้ที่เป็นโรคเกาต์:

- คอร์ติโคสเตียรอยด์แบบฉีดหรือรับประทานอาจปรับปรุงการประเมินความเจ็บปวดและความทุพพลภาพของผู้ป่วยได้เล็กน้อย อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้อาจเกิดขึ้นโดยบังเอิญ
- ไม่มีข้อมูลที่แม่นยำเกี่ยวกับผลข้างเคียงและภาวะแทรกซ้อน มีเพียงผู้ป่วยส่วนน้อยที่ได้รับยา steroid oral prednisolone เท่านั้นที่รายงานผลข้างเคียงเล็กน้อย


โรคเกาต์คืออะไร และคอร์ติโคสเตียรอยด์แบบฉีดหรือรับประทานคืออะไร

โรคเกาต์เป็นอาการอักเสบของข้อต่ออย่างฉับพลันและเจ็บปวดมาก (ข้ออักเสบ) มักจะส่งผลต่อหัวแม่เท้า การอักเสบซึ่งเกิดจากผลึกของยูเรต ทำให้เกิดอาการบวมและแดงของข้อ และทำให้รู้สึกเจ็บปวดเมื่อขยับหรือสัมผัส
คอร์ติโคสเตียรอยด์แบบฉีดหรือรับประทานคือยาที่เลียนแบบคอร์ติโคสเตียรอยด์ที่ผลิตขึ้นเองตามธรรมชาติโดยร่างกายของคุณ และอาจช่วยลดอาการบวม รอยแดง และปวดข้อได้ corticosteroids มาในรูปแบบเม็ดหรือเป็นการฉีดที่แพทย์ของคุณกำหนด

ข้อสรุปของผู้วิจัย: 

มีหลักฐานที่แน่ชัดเกี่ยวกับประสิทธิภาพและประสิทธิผลของคอร์ติโคสเตียรอยด์แบบฉีดหรือรับประทานในการรักษาโรคเกาต์เฉียบพลัน ผู้ป่วยโรคเกาต์ไม่ได้รายงานผลข้างเคียงที่ร้ายแรงจากคอร์ติโคสเตียรอยด์แบบฉีดหรือรับประทาน เมื่อใช้ในระยะสั้น

อ่านบทคัดย่อฉบับเต็ม
บทนำ: 

โรคเกาต์เป็นหนึ่งในโรคเกี่ยวกับรูมาติกที่เกิดขึ้นบ่อยที่สุดทั่วโลก เนื่องจากข้อเสียที่ทราบกันดีของการรักษาปกติสำหรับโรคเกาต์เฉียบพลัน (ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) โคลชิซิน) คอร์ติโคสเตียรอยด์แบบฉีดหรือรับประทานอาจเป็นทางเลือกที่ปลอดภัย

วัตถุประสงค์: 

เพื่อประเมินประสิทธิภาพและความปลอดภัยของยาคอร์ติโคสเตียรอยด์แบบฉีดหรือรับประทานในการรักษาโรคเกาต์เฉียบพลันโดยเปรียบเทียบกับยาหลอก, NSAIDs, โคลชิซิน, ยาที่ออกฤทธิ์อื่น ๆ, การรักษาอื่น ๆ หรือไม่มีการรักษา

วิธีการสืบค้น: 

เราสืบค้นในฐานข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ดังต่อไปนี้: Cochrane Central Register of Controlled Trials (CENTRAL) ( The Cochrane Library 2007); MEDLINE (1966 ถึง 2007) ผ่าน PubMed; EMBASE (1974 ถึง 2007); Web of Science (1975 ถึง 2007); LILACS (1986 ถึง 2007); และฐานข้อมูลของการทดลองที่กำลังดำเนินการอยู่ (จนถึงเดือนเมษายน 2007)

เกณฑ์การคัดเลือก: 

รวมการทดลองแบบสุ่มที่มีกลุ่มควบคุมและการทดลองทางคลินิกแบบควบคุมที่ตรวจสอบการใช้คอร์ติโคสเตียรอยด์แบบฉีดหรือรับประทานในการรักษาโรคเกาต์เฉียบพลัน

การรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล: 

ผู้ทบทวน 2 คนตัดสินใจอย่างอิสระว่าควรรวมการทดลองใด ผู้ทบทวนคนเดียวกันยังรวบรวมข้อมูลในรูปแบบมาตรฐานและประเมินคุณภาพระเบียบวิธีของการศึกษาวิจัยโดยใช้เกณฑ์ที่ผ่านการตรวจสอบแล้ว เมื่อเป็นไปได้ ข้อมูลแบบต่อเนื่องและแบบกลุ่มถูกสรุปด้วยค่าทางสถิติ

ผลการวิจัย: 

การทดลองแบบตัวต่อตัว 3 ครั้งกับผู้ป่วย 148 ราย (74 คอร์ติโคสเตียรอยด์แบบฉีดหรือรับประทาน;ยา 74 ชนิดถูกเปรียบเทียบ) ถูกรวมไว้ ไม่พบการทดลองที่ควบคุมด้วยยาหลอก ในการศึกษานี้มีการใช้คอร์ติโคสเตียรอยด์แบบฉีดหรือรับประทานแต่ละชนิดและยาควบคุมชนิดต่างๆ ในรูปแบบต่างๆกัน Intramuscular triamcinolone acetonide ถูกเปรียบเทียบตามลำดับกับ oral indomethacine และ intramuscular adrenocorticotropic hormone (ACTH); prednisolone ชนิดรับประทาน (ร่วมกับการฉีด diclophenac ครั้งเดียว) กับ oral indomethacine (ร่วมกับการฉีดยาหลอกครั้งเดียว) การวัดผลลัพธ์แตกต่างกันไป: จำนวนวันโดยเฉลี่ยจนกว่าจะบรรเทาอาการทั้งหมด ความเจ็บปวดลดลงเฉลี่ยต่อหน่วยเวลาในหน่วยมิลลิเมตรบนสเกลอนาลอกที่มองเห็น (VAS) ระหว่างการพักผ่อนและทำกิจกรรม ในการทดลอง Triamcinolone-indomethacine สถานะข้อต่อทางคลินิกถูกใช้เป็นผลลัพธ์เพิ่มเติม ไม่พบความแตกต่างที่เกี่ยวข้องทางคลินิกระหว่างคอร์ติโคสเตียรอยด์แบบฉีดหรือรับประทานที่ศึกษากับยาที่ใช้เปรียบเทียบ ไม่ได้รายงานปัญหาด้านความปลอดภัยที่สำคัญที่เกี่ยวข้องกับคอร์ติโคสเตียรอยด์ที่ใช้ คุณภาพของการศึกษาทั้ง 3 มีระดับต่ำมากถึงปานกลาง ไม่สามารถรวมผลลัพธ์ทางสถิติได้

บันทึกการแปล: 

แปลโดย Dr. Chutimar Chunhawijitr

Tools
Information