รายการตรวจสอบและทีมผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับรู้และจัดการผู้ป่วยในโรงพยาบาล

วัตถุประสงค์ของการทบทวนวรรณกรรมนี้

ผู้ใหญ่ในโรงพยาบาลที่ไม่สบายจะต้องได้รับการตรวจพบอย่างรวดเร็วจากเจ้าหน้าที่คลินิกว่าต้องการความช่วยเหลือ วิธีหนึ่งในการทำเช่นนี้คือให้แพทย์และพยาบาลที่ทำงานในหอผู้ป่วยในโรงพยาบาลใช้รายการตรวจสอบสัญญาณชีพ (เช่น ความดันโลหิต ชีพจร) เพื่อช่วยให้พวกเขารับรู้สัญญาณที่บ่งบอกว่าผู้ป่วยมีอาการแย่ลง รายการตรวจสอบเหล่านี้จะใช้เพื่อส่งต่อผู้ป่วยไปยังทีมแพทย์และพยาบาลผู้เชี่ยวชาญเพื่อการประเมินและการรักษาอย่างรวดเร็ว เราดำเนินการทบทวนวรรณกรรมนี้เพื่อทำความเข้าใจว่าการใช้รายการตรวจสอบและการส่งต่อทีมผู้เชี่ยวชาญช่วยลดจำนวนผู้เสียชีวิต การเข้ารับการรักษาในหอผู้ป่วยหนักโดยไม่ได้วางแผน (ICU) หรือการกลับเข้ารับการรักษาอีกครั้ง ระยะเวลาพักรักษาตัวในโรงพยาบาล และภาวะหัวใจหยุดเต้นหรือระบบทางเดินหายใจเมื่อเปรียบเทียบกับหอผู้ป่วยที่ไม่มีทรัพยากรเหล่านี้ .

ข้อความสำคัญ

เราพบหลักฐานที่แสดงว่ารายการตรวจสอบเพื่อช่วยให้แพทย์และพยาบาลพบและส่งต่อผู้ป่วยที่อาการแย่ลงแต่เนิ่นๆ ไปให้ทีมผู้เชี่ยวชาญเพื่อการจัดการ อาจส่งผลให้จำนวนผู้เสียชีวิตแตกต่างกันเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลยสำหรับ การเข้ารับการรักษาใน ICU โดยไม่ได้วางแผน ระยะเวลาการรักษาตัวในโรงพยาบาล หรือภาวะหัวใจหยุดเต้นในโรงพยาบาล

เราศึกษาอะไรในการทบทวนวรรณกรรม

Cochrane Review นี้นำเสนอสิ่งที่เรารู้จากการวิจัยเกี่ยวกับผลของรายการตรวจสอบของโรงพยาบาลเพื่อช่วยให้แพทย์และพยาบาลพบและส่งต่อผู้ป่วยที่อาการแย่ลงในโรงพยาบาลไปยังทีมผู้เชี่ยวชาญเพื่อขอความช่วยเหลือ การวิจัยพบว่าผู้ป่วยในหอผู้ป่วยในโรงพยาบาลแบบเฉียบพลันมักแสดงอาการและอาการแสดงในระยะเริ่มแรก เช่น การหายใจและชีพจรเปลี่ยนแปลงไป เมื่ออาการแย่ลง คิดว่าหากเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลสามารถระบุและส่งต่อผู้ป่วยที่อาการแย่ลงก่อนหน้านี้ไปยังทีมผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้และทักษะที่เหมาะสมในการดูแลแบบเฉียบพลัน (การรักษาแบบแอคทีฟแต่เป็นระยะสั้น) ก็จะมีผู้เสียชีวิตน้อยลง การรับเข้าไอซียูโดยไม่ได้วางแผน โรคหัวใจ การจับกุมและลดระยะเวลาการเข้าพัก

ผลลัพธ์หลักของการทบทวนวรรณกรรมนี้คืออะไร

เราพบการศึกษา 11 รายการ รวมผู้เข้าร่วม 666,131 คนในโรงพยาบาล 282 แห่ง มาจาก 7 ประเทศที่มีรายได้ปานกลางถึงสูง การใช้รายการตรวจสอบเพื่อหาผู้ป่วยที่แย่ลงและทีมผู้เชี่ยวชาญสามารถประเมินและรักษาอาการปัจจุบันอย่างรวดเร็วสร้างความแตกต่างเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลยต่อการเสียชีวิต การเข้ารับการรักษาใน ICU โดยไม่ได้วางแผน ระยะเวลาในการพักรักษาตัวในโรงพยาบาล หรือภาวะหัวใจหยุดเต้นและระบบทางเดินหายใจเมื่อเปรียบเทียบกับหอผู้ป่วยหรือโรงพยาบาลที่ไม่มีการเข้าถึง ให้กับรายการตรวจสอบและทีมผู้เชี่ยวชาญ ไม่มีการศึกษารายงานอัตราการกลับเข้ารับการรักษาใน ICU

ความเป็นปัจจุบันของการทบทวนวรรณกรรมนี้เป็นอย่างไร

ผู้ทบทวนวรรณกรรมค้นหาการศึกษาที่ตีพิมพ์จนถึงเดือนพฤษภาคม 2020

ข้อสรุปของผู้วิจัย: 

ด้วยหลักฐานความเชื่อมั่นต่ำถึงต่ำมากสำหรับผลลัพธ์ทั้งหมดจากการศึกษาที่ไม่สุ่ม เราได้ข้อสรุปของเราจากหลักฐานแบบสุ่ม หลักฐานนี้ให้หลักฐานที่มีความเชื่อมั่นต่ำว่า EWS และ RRS อาจนำไปสู่ความแตกต่างเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลยใน การเสียชีวิตในโรงพยาบาล การรับเข้า ICU โดยไม่ได้วางแผนไว้ ระยะเวลาการอยู่รักษาในโรงพยาบาลหรือเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ และหลักฐานความแน่นอนปานกลางถึงความแตกต่างเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลยในผลลัพธ์รวม หลักฐานจากการปรับปรุงการทบทวนวรรณกรรมนี้เน้นย้ำถึงความหลากหลายในการเลือกผลลัพธ์และคุณภาพของระเบียบวิธีวิจัยที่ไม่ดีของการศึกษาส่วนใหญ่ที่ตรวจสอบ EWS และ RRS ด้วยเหตุนี้ จึงไม่มีคำแนะนำที่ชัดเจนเกี่ยวกับประสิทธิผลของ EWS และ RRS ตามหลักฐานที่มีอยู่ในปัจจุบัน มีความจำเป็นสำหรับการพัฒนาชุดผลลัพธ์หลักที่ผู้ป่วยได้รับข้อมูลซึ่งประกอบด้วยคำจำกัดความและคำแนะนำที่ชัดเจนและสอดคล้องกันสำหรับการวัด รวมถึงวิธีการ EWS และ RRS ที่สอดคล้องกับมาตรฐานเพื่ออำนวยความสะดวกในการเปรียบเทียบที่มีความหมายและ meta-analysis ในอนาคต

อ่านบทคัดย่อฉบับเต็ม
บทนำ: 

ระบบเตือนภัยล่วงหน้า (EWS) และระบบตอบสนองอย่างรวดเร็ว (RRS) ได้ถูกนำมาใช้ในระดับสากลในโรงพยาบาลเฉียบพลันเพื่ออำนวยความสะดวกในการทราบ แต่เนิ่นๆ การส่งต่อและการตอบสนองต่อการแย่ลงของผู้ป่วยเป็นวิธีการแก้ปัญหาในการดูแลผู้ป่วยตามวอร์ดที่ไม่เหมาะสม EWS และ RRS อำนวยความสะดวกในการตัดสินใจด้านการดูแลสุขภาพโดยใช้รายการตรวจสอบและจัดโครงสร้างแนวทางปฏิบัติขององค์กรผ่านการกำกับดูแลและการตรวจสอบทางคลินิก อย่างไรก็ตาม ยังไม่ชัดเจนว่าระบบเหล่านี้ปรับปรุงผลลัพธ์ของผู้ป่วยหรือไม่ นี่เป็นการปรับปรุงครั้งแรกของ Cochrane Review ที่เผยแพร่ก่อนหน้านี้ (2007)

วัตถุประสงค์: 

เพื่อประเมินผลของการใช้ EWS และ RRS ต่อผู้ใหญ่ที่มีอาการแย่ลง ในหอผู้ป่วยในโรงพยาบาลเฉียบพลัน เปรียบเทียบกับผู้ที่ได้รับการดูแลในโรงพยาบาลที่ไม่มี EWS และ RRS

วิธีการสืบค้น: 

เราค้นหา CENTRAL, MEDLINE, Embase และทะเบียนทดลอง 2 รายการในวันที่ 28 มีนาคม 2019 ต่อมาเราได้ดำเนินการอัปเดต MEDLINE เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2020 ซึ่งพบว่าไม่มีการศึกษาเพิ่มเติม เราตรวจสอบเอกสารอ้างอิงของการศึกษาที่รวบรวมไว้ ดำเนินการค้นหาเอกสาารอ้างอิง และติดต่อผู้เชี่ยวชาญและองค์กรดูแลผู้ป่วยวิกฤต

เกณฑ์การคัดเลือก: 

เรารวมการทดลองแบบสุ่ม การศึกษาที่ไม่สุ่มตัวอย่าง controlled before-after (CBA) และ interrupted time series (ITS) ที่วัดผลลัพธ์ที่เราสนใจหลังจากนำ EWS และ RRS ไปใช้ในหอผู้ป่วยในโรงพยาบาลเฉียบพลัน เปรียบเทียบกับวอร์ดที่ไม่มี EWS และ RRS .

การรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล: 

ผู้ทบทวนวรรณกรรม 2 คนตรวจสอบการศึกษาเพื่อรวมนำเข้า คัดลอกข้อมูล และประเมินคุณภาพระเบียบวิธีโดยอิสระโดยใช้วิธีของ Cochrane and Effective Practice and Organisation of Care (EPOC) หากเป็นไปได้ เราได้กำหนดมาตรฐานข้อมูลเป็นอัตราต่อการรับเข้า 1,000 ครั้ง และคำนวณ risk difference และช่วงความเชื่อมั่น 95% (CI) โดยใช้วิธี Newcombe และ Altman เราวิเคราะห์ 3 การศึกษาแบบ CBA เป็นการออกแบบ ITS โดยใช้ segmented regression analysis และ Newey-West autocorrelation adjusted standard errors with lag of order 1 เราประเมินความเชื่อมั่นของหลักฐานที่ได้โดยวิธี GRADE

ผลการวิจัย: 

เรารวม 4 RCTs (ผู้เข้าร่วม 455,226 คน) และ 7 non-RCTs (ผู้เข้าร่วม 210,905 คนที่รายงานใน 3 การศึกษา) ทั้งหมด 11 การศึกษา ดำเนินวิธีการที่ประกอบด้วย EWS และ RRS ที่ดำเนินการในประเทศที่มีรายได้สูงหรือปานกลาง ผู้เข้าร่วมเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเฉียบพลัน 282 แห่ง เราไม่สามารถทำ meta-analysis ได้เนื่องจากความแตกต่างทางคลินิกและระเบียบวิธีในการศึกษา การทดลองแบบสุ่มได้รับการประเมินว่ามีความเสี่ยงสูงที่จะมีอคติเนื่องจากขาดการปกปิดผู้เข้าร่วมและบุคลากรในการศึกษาทั้งหมด ความเสี่ยงของอคติสำหรับการศึกษาที่ไม่สุ่มตัวอย่างเป็นระดับวิกฤติ (3 การศึกษา) เนื่องจากมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิด confounding และความเสี่ยงที่ไม่ชัดเจนของอคติเนื่องจากการไม่รายงานการเบี่ยงเบนจาก protocol หรือเป็นระดับร้ายแรงแต่ไม่วิกฤติเนื่องจากการใช้วิธีทางสถิติในการควบคุม confounding บางอย่างแต่ไม่ใช่ทั้งหมด หากเป็นไปได้ เรานำเสนอข้อมูลการศึกษาต้นฉบับซึ่งรายงานผลสัมพัทธ์ที่ปรับแล้ว โดยสิ่งเหล่านี้ต้องได้รับการปรับอย่างเหมาะสมสำหรับการออกแบบและคุณลักษณะของผู้เข้าร่วม เราเปรียบเทียบผลลัพธ์ของการศึกษาแบบสุ่มและไม่สุ่มโดยรายงานแยกกัน เพื่อพิจารณาว่าการศึกษาใดมีส่วนทำให้เกิดความเชื่อมั่นโดยรวมของหลักฐาน เรารายงานผลการวิจัยจากการเปรียบเทียบที่สำคัญ

การเสียชีวิตในโรงพยาบาล

การทดลองแบบสุ่มให้หลักฐานที่มีความเชื่อมั่นต่ำว่าวิธีการของ EWS และ RRS อาจส่งผลให้อัตราการเสียชีวิตในโรงพยาบาลแตกต่างกันเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลย (4 การศึกษา ผู้เข้าร่วม 455,226 คน ไม่ได้รวมผลลัพธ์) หลักฐานการเสียชีวิตในโรงพยาบาลจาก 3 การศึกษาที่ไม่สุ่มตัวอย่างมีความเชื่อมั่นต่ำมาก (ผู้เข้าร่วม 210,905 คน)

ผลลัพท์รวม (หัวใจหยุดเต้นกะทันหัน, การรับเข้า ICU โดยไม่ได้ตั้งใจ และการเสียชีวิต)

1 การศึกษาแบบสุ่มพบว่าวิธีการของ EWS และ RRS อาจไม่ส่งผลในผลลัพธ์รวมนี้ (adjusted odds ratio (aOR) 0.98, 95% CI 0.83 ถึง 1.16; ผู้เข้าร่วม 364,094 คน; หลักฐานความเชื่อมั่นปานกลาง) การศึกษาที่ไม่สุ่มตัวอย่างหนึ่งชิ้นชี้ให้เห็นว่าการใช้วิธีการของ EWS และ RRS อาจลดผลลัพธ์รวมนี้เล็กน้อย (aOR 0.85, 95% CI 0.72 ถึง 0.99; ผู้เข้าร่วม 57,858 คน; หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำ)

การรับเข้าไอซียูโดยไม่ได้วางแผน

การทดลองแบบสุ่มให้หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำว่าวิธีการของ EWS และ RRS อาจส่งผลให้อัตราการเสียชีวิตในโรงพยาบาลแตกต่างกันเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลย (4 การศึกษา ผู้เข้าร่วม 455,226 คน ไม่ได้รวมผลลัพธ์) หลักฐานจากการศึกษาที่ไม่สุ่มตัวอย่างมีความเชื่อมั่นต่ำมาก (aOR 0.88, 95% CI 0.75 ถึง 1.02; ผู้เข้าร่วม 57,858 คน)

การเข้าไอซียูซ้ำ

ไม่มีการศึกษารายงานผลลัพธ์นี้

ระยะเวลาพักรักษาตัวในโรงพยาบาล

การทดลองแบบสุ่มให้หลักฐานที่มีความเชื่อมั่นต่ำว่าวิธีการของ EWS และ RRS อาจมีผลเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลยต่อระยะเวลาพักรักษาตัวในโรงพยาบาล (2 การศึกษา ผู้เข้าร่วม 21,417 คน ไม่รวมผลลัพธ์)

เหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ (หัวใจหยุดเต้นหรือหยุดหายใจโดยไม่คาดคิด)

การทดลองแบบสุ่มให้หลักฐานที่มีความเชื่อมั่นต่ำว่าวิธีการของ EWS และ RRS อาจส่งผลให้เกิดเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ที่แตกต่างกันเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลย (3 การศึกษา ผู้เข้าร่วม 452,434 คน ไม่รวมผลลัพธ์) หลักฐานเกี่ยวกับเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์จาก 3 การศึกษาที่ไม่สุ่มตัวอย่าง (ผู้เข้าร่วม 210,905 คน) มีความไม่เชื่อมั่นมาก

บันทึกการแปล: 

แปลโดย ศ.นพ.ภิเศก ลุมพิกานนท์ ภาควิชาสูติศาสตร์และนรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น 8 มกราคม 2022

Tools
Information