การผ่าตัดคลอดตามแผนสำหรับสตรีที่ตั้งครรภ์แฝด

อุบัติการณ์ของฝาแฝดแตกต่างกันไปอย่างมากระหว่างชุมชนและครอบครัว และเพิ่งเพิ่มขึ้นเนื่องจากจำนวนของมารดาที่มีอายุมากและการใช้การรักษาภาวะเจริญพันธุ์และการช่วยการปฏิสนธิ ทารกจากการตั้งครรภ์แฝดมีความเสี่ยงสูงที่จะเสียชีวิตในช่วงเวลาที่เกิดมากกว่าทารกจากการตั้งครรภ์เดี่ยว สาเหตุบางส่วนเกิดจากความเสี่ยงสูงที่จะคลอดก่อนกำหนด ลูกแฝดเกิดใหม่มีความเสี่ยงที่จะคลอดบุตรได้ไม่ดีเมื่อเทียบกับแฝดแรกเกิด

นโยบายการคลอดทางช่องคลอดที่วางแผนไว้สำหรับสตรีที่ตั้งครรภ์แฝดในสถานพยาบาลมีความสัมพันธ์กับอัตราการผ่าตัดคลอดฉุกเฉิน 30% ถึง 40% เมื่อแฝดตัวแรกเกิดทางช่องคลอด ก็ยังมีความเสี่ยงที่จะเกิดการผ่าตัดคลอดฉุกเฉินของทารกคนที่สอง เป็นไปได้ว่าผลลัพธ์ที่ไม่พึงประสงค์บางอย่างอาจหลีกเลี่ยงได้โดยการคลอดตามกำหนดเวลาที่เหมาะสมโดยการผ่าตัดคลอด แต่ความเสี่ยงของการผ่าตัดคลอดสำหรับมารดาในการตั้งครรภ์ปัจจุบันและการตั้งครรภ์ที่ตามมาจะต้องนำมาพิจารณาด้วย

ในการทบทวนนี้ เรารวมการทดลองแบบสุ่ม 2 ฉบับที่เปรียบเทียบการผ่าตัดคลอดที่วางแผนไว้กับการคลอดทางช่องคลอดที่วางแผนไว้สำหรับการตั้งครรภ์แฝด ซึ่งรวมสตรี 2864 คน สำหรับผลลัพธ์ที่สำคัญ หลักฐานได้รับการประเมินว่ามีคุณภาพปานกลาง

สำหรับการตายของมารดา ไม่มีรายงานเหตุการณ์ในการทดลองหนึ่ง และมีรายงานการเสียชีวิตสองครั้ง (หนึ่งรายในแต่ละกลุ่ม) ในอีกหนึ่งการทดลอง ไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนของความแตกต่างระหว่างสตรีที่ได้รับการสุ่มตัวอย่างเพื่อการผ่าตัดคลอดที่วางแผนไว้ หรือการคลอดทางช่องคลอดที่วางแผนไว้สำหรับการเสียชีวิตหรือโรคร้ายแรงในมารดาหรือทารก ไม่มีการศึกษาใดรายงานความพิการในวัยเด็ก

ทั้งสองการศึกาามีการรายงานจำนวนสตรีที่เข้ารับการผ่าตัดคลอด สตรีส่วนใหญ่ในกลุ่มผ่าตัดคลอดที่วางแผนไว้ได้รับการรักษาตามที่วางแผนไว้ (90.9% ได้รับการผ่าตัดคลอด) ในขณะที่กลุ่มวางแผนคลอดทางช่องคลอดที่วางแผนไว้ 42.9% มีการผ่าตัดคลอดอย่างน้อยหนึ่งคู่ ไม่มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญระหว่างกลุ่มสำหรับความล้มเหลวในการให้นมลูกหรือสำหรับภาวะซึมเศร้าหลังคลอด

มีหลักฐานการวิจัยที่ชัดเจนน้อยมากที่จะให้คำแนะนำเกี่ยวกับวิธีการคลอดสำหรับการตั้งครรภ์แฝด ประโยชน์และความเสี่ยงควรมีให้สตรี รวมทั้งผลในระยะสั้นและระยะยาวสำหรับทั้งแม่และทารก การวิจัยในอนาคตควรมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ความชัดเจนมากขึ้นในประเด็นนี้ เนื่องจากควรหลีกเลี่ยงวิธีการทางการแพทย์ในกระบวนการคลอด เว้นแต่จะมีความแน่นอนทางคลินิกที่สมเหตุสมผลว่าจะเป็นประโยชน์ในระยะยาว

ข้อสรุปของผู้วิจัย: 

ข้อมูลส่วนใหญ่จากการศึกษาแบบหลายศูนย์ขนาดใหญ่แห่งหนึ่งพบว่าไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนเกี่ยวกับประโยชน์จากการผ่าตัดคลอดที่วางแผนไว้สำหรับการตั้งครรภ์แฝดที่ครบกำหนดที่มีศีรษะเป็นส่วนนำ ข้อมูลเกี่ยวกับผลลัพธ์ของทารกในระยะยาวกำลังรออยู่ สตรีควรได้รับแจ้งถึงความเสี่ยงและผลประโยชน์ที่เป็นไปได้ของการคลอดบุตรและการคลอดทางช่องคลอดที่เกี่ยวข้องกับการนำเสนอทางคลินิกเฉพาะของพวกเขา และผลกระทบในปัจจุบันและระยะยาวของการผ่าตัดคลอดสำหรับทั้งแม่และทารก มีหลักฐานไม่เพียงพอที่จะสนับสนุนการใช้การผ่าตัดคลอดตามแผนเป็นประจำสำหรับการตั้งครรภ์แฝดที่ครบกำหนดที่มีศีรษะเป็นส่วนนำ ยกเว้นในบริบทของการทดลองแบบสุ่มเพิ่มเติม

อ่านบทคัดย่อฉบับเต็ม
บทนำ: 

การตั้งครรภ์แฝดมีความสัมพันธ์กับการตายปริกำเนิดที่เพิ่มขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับการคลอดก่อนกำหนด แต่ภาวะแทรกซ้อนระหว่างการคลอดอาจส่งผลต่อการสูญเสียปริกำเนิดหรือการเจ็บป่วย ทางเลือกของการผ่าตัดคลอดตามแผนจึงอาจจะต้องได้รับการพิจารณาเพื่อหลีกเลี่ยงภาวะแทรกซ้อนดังกล่าว ในทางกลับกัน การทดลองแบบสุ่มของวิธีการทางคลินิกอื่น ๆ ในกระบวนการคลอดเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการคลอดและการคลอด (การผ่าตัดคลอดตามแผนสำหรับทารกท่าก้นและการตรวจสอบอัตราการเต้นของหัวใจของทารกในครรภ์อย่างต่อเนื่อง) ได้แสดงให้เห็นถึงความไม่ลงรอยกันที่ไม่คาดคิดระหว่างการเจ็บป่วยปริกำเนิดในระยะสั้น และผลทางระบบประสาทในระยะยาว ต้องคำนึงถึงความเสี่ยงของการผ่าตัดคลอดสำหรับมารดาในการตั้งครรภ์ในปัจจุบันและครั้งต่อไปด้วย

วัตถุประสงค์: 

เพื่อตรวจสอบผลกระทบระยะสั้นและระยะยาวต่อมารดาและทารกของการผ่าตัดคลอดที่วางแผนไว้สำหรับการตั้งครรภ์แฝด

วิธีการสืบค้น: 

เราค้นหาจาก Cochrane Pregnancy and Childbirth Group's Trials Register (18 พฤศจิกายน 2015) และรายการอ้างอิงของการศึกษาที่รวมเข้ามาได้

เกณฑ์การคัดเลือก: 

การทดลองแบบสุ่มที่มีกลุ่มเปรียบเทียบนโยบายการผ่าตัดคลอดกับการวางแผนคลอดทางช่องคลอดสำหรับสตรีตั้งครรภ์แฝด

การรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล: 

ผู้ทบทวนวรรณกรรม 2 คน ได้ประเมินคุณภาพของการศึกษาวิจัยและรวบรวมข้อมูลอย่างเป็นอิสระต่อกัน ข้อมูลที่ได้มาจะถูกตรวจสอบความถูกต้องด้วย สำหรับผลลัพธ์ที่สำคัญ คุณภาพของหลักฐานได้รับการประเมินโดยใช้แนวทาง GRADE

ผลการวิจัย: 

เรารวบรวมการทดลองสองฉบับที่เปรียบเทียบการผ่าตัดคลอดที่วางแผนไว้กับการคลอดทางช่องคลอดที่วางแผนไว้สำหรับการตั้งครรภ์แฝด

ข้อมูลส่วนใหญ่ที่รวมอยู่ในการตรวจสอบนี้มาจากการทดลองแบบหลายศูนย์ โดยสุ่มตัวอย่างสตรี 2804 คน ใน 106 ศูนย์ใน 25 ประเทศ ศูนย์ทุกแห่งมีสิ่งอำนวยความสะดวกในการผ่าตัดคลอดฉุกเฉินและมีเจ้าหน้าที่ด้านการดมยาสลบ สูติกรรม และพยาบาลอยู่ในโรงพยาบาลในเวลาที่วางแผนจะคลอดทางช่องคลอด ในการทดลองฉบับที่ 2 ที่ดำเนินการในอิสราเอล มีสตรี 60 คนได้รับการสุ่ม เราถือว่าความเสี่ยงของการมีอคติต่ำสำหรับทุกหมวดหมู่ ยกเว้นประสิทธิภาพ (สูง) และอคติในการประเมินผลลัพธ์ (ไม่ชัดเจน )

ไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนของความแตกต่างระหว่างสตรีที่สุ่มเลือกการผ่าตัดคลอดหรือการคลอดทางช่องคลอดที่วางแผนไว้สำหรับการตายของมารดาหรือการเจ็บป่วยที่รุนแรง (risk ratio (RR) 0.86, ช่วงความเชื่อมั่น 95% (CI) 0.67 ถึง 1.11; สตรี 2844 คน; 2 การศึกษา; หลักฐานคุณภาพปานกลาง) ไม่มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญระหว่างกลุ่มสำหรับการตายปริกำเนิดหรือทารกแรกเกิด หรือการเจ็บป่วยของทารกแรกเกิดอย่างร้ายแรง (RR 1.15, 95% CI 0.80 ถึง 1.67; ข้อมูลสำหรับทารก 5565 คน, 1 การศึกษา หลักฐานคุณภาพปานกลาง) ไม่มีการศึกษาใดรายงานความพิการในวัยเด็ก

สำหรับผลลัพธ์รอง ไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนของความแตกต่างระหว่างกลุ่มสำหรับการตายปริกำเนิดหรือการตายของทารกแรกเกิด (RR 1.41, 95% CI 0.76 ถึง 2.62; ทารก 5685 คน; 2 การศึกษา หลักฐานคุณภาพปานกลาง) การเจ็บป่วยของทารกแรกเกิดที่ร้ายแรง (RR 1.03, 95% CI 0.65) ถึง 1.64; ทารก 5644 คน; 2 การศึกษา หลักฐานคุณภาพปานกลาง) หรือผลการศึกษาทารกแรกเกิดอื่น ๆ ที่รายงาน

ทั้งสองการศึกาามีการรายงานจำนวนสตรีที่เข้ารับการผ่าตัดคลอด สตรีส่วนใหญ่ในกลุ่มผ่าตัดคลอดที่วางแผนไว้ได้รับการรักษาตามที่วางแผนไว้ (90.9% ได้รับการผ่าตัดคลอด) ในขณะที่กลุ่มวางแผนคลอดทางช่องคลอดที่วางแผนไว้ 42.9% มีการผ่าตัดคลอดอย่างน้อยหนึ่งคู่ สำหรับการตายของมารดา ไม่มีรายงานเหตุการณ์ในการทดลองหนึ่ง และมีรายงานการเสียชีวิต 2 ครั้ง (หนึ่งรายในแต่ละกลุ่ม) ในอีกหนึ่งการทดลอง ไม่มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญระหว่างกลุ่มสำหรับการเจ็บป่วยของมารดาที่ร้ายแรงโดยรวม (RR 0.86, 95% CI 0.67 ถึง 1.11; สตรี 2844 คน; 2 การศึกษา) หรือสำหรับการเจ็บป่วยระยะสั้นประเภทต่างๆ ไม่มีความแตกต่างที่มีนัยสำคัญระหว่างกลุ่มสำหรับความล้มเหลวในการให้นมลูก (RR 1.14, 95% CI 0.95 ถึง 1.38; สตรี 2570 คน, 1 การศึกษา หลักฐานคุณภาพปานกลาง) หรือจำนวนสตรีที่มีคะแนนมากกว่า 12 ในระดับความซึมเศร้าหลังคลอดของ Edinbugh (RR 0.95, 95% CI 0.78 ถึง 1.14; สตรี 2570 คน, 1 การศึกษา หลักฐานคุณภาพปานกลาง)

บันทึกการแปล: 

แปลโดย พญ.วิลาสินี หน่อแก้ว

Tools
Information