คำถามของการทบทวนวรรณกรรม
ผู้ทบทวนวรรณกรรม ได้ตรวจสอบว่าระบบมดลูกที่ได้ levonorgestrel-releasing intrauterine system (LNG-IUS) สามารถลดความเสี่ยงของการเกิดติ่งเนื้อเยื่อบุโพรงมดลูก ความหนาผิดปกติของเยื่อบุโพรงมดลูก และมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูกในสตรีที่ได้รับยา Tamoxifen หลังเป็นมะเร็งเต้านมได้หรือไม่ การทบทวนวรรณกรรมนี้ยังตรวจสอบว่าการใช้ LNG-IUS มีผลต่อความเสี่ยงของการมีเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด เนื้องอกมดลูก การกลับเป็นซ้ำของมะเร็งเต้านม หรือการเสียชีวิตในสตรีที่ได้รับ Tamoxifen หลังจากเป็นมะเร็งเต้านม
ความเป็นมา
Tamoxifen มักให้เพื่อลดความเสี่ยงของการกลับเป็นซ้ำของมะเร็งเต้านม Tamoxifen อาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ผิดปกติของเยื่อบุโพรงมดลูก (เยื่อบุโพรงมดลูก) รวมทั้งติ่งและมะเร็ง LNG-IUS เป็นอุปกรณ์ที่ใส่ในโพรงมดลูกที่ปล่อยฮอร์โมนสังเคราะห์ Levonorgestrel เข้าไปในเยื่อบุโพรงมดลูกและทำให้เกิดการกดการเติบโตของเยื่อบุโพรงมดลูก เนื่องจาก Levonorgestrel เป็นโปรเจสตินและมะเร็งเต้านมหลายชนิดมีความไวต่อฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนจึงจำเป็นต้องศึกษาความปลอดภัยของ LNG-IUS ในผู้รอดชีวิตจากมะเร็งเต้านม
ลักษณะของการศึกษา
เรารวบรวมการทดลองแบบสุ่มที่มีกลุ่มควบคุม 4 รายการ ซึ่งมีผู้เข้าร่วมโครงการจำนวน 543 คน การศึกษาเกิดขึ้นในสหราชอาณาจักร ตุรกี อียิปต์ และฮ่องกงและผลลัพธ์หลักในการศึกษาทั้งหมดคือการเปลี่ยนแปลงที่ผิดปกติของเยื่อบุโพรงมดลูก การศึกษา 3 รายการ รายงานเกี่ยวกับผลต่อเนื้องอกมดลูก มีการศึกษา 3 รายการ รายงานเกี่ยวกับเรื่องเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด การศึกษา 2 รายการ รายงานเกี่ยวกับการกลับเป็นซ้ำของมะเร็งเต้านมและสามการศึกษารายงานเกี่ยวกับการเสียชีวิตที่เกี่ยวข้องกับมะเร็งเต้านม หลักฐานเป็นปัจจุบันจนถึง เดือนมิถุนายน 2020
ผลการศึกษาที่สำคัญ
การทบทวนวรรณกรรมนี้ชี้ให้เห็นว่า LNG-IUS อาจช่วยลดความเสี่ยงของการเป็นติ่งเนื้อเยื่อบุโพรงมดลูกและภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกหนามากผิดปกติได้เล็กน้อยในช่วง 2 ถึง 5 ปีในสตรีที่ได้รับ Tamoxifen หลังจากเป็นมะเร็งเต้านม หลักฐานแสดงให้เห็นว่าหากอุบัติการณ์ของติ่งเนื้อเยื่อบุโพรงมดลูกตามการเฝ้าระวังเยื่อบุโพรงมดลูกเพียงอย่างเดียวจะเท่ากับ 23.5% อุบัติการณ์ที่ตามมาจากการได้รับ LNG-IUS ร่วมกับการเฝ้าระวังเยื่อบุโพรงมดลูกจะอยู่ระหว่าง 3.8% ถึง 10.7% หลักฐานยังชี้ให้เห็นว่าหาก 2.8% ของสตรีที่เฝ้าระวังเยื่อบุโพรงมดลูกเพียงอย่างเดียวพัฒนาเป็นภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญมากผิดปกติ โอกาสที่จะเกิดภาวะนี้หลังจากได้ LNG-IUS ร่วมกับการเฝ้าระวังเยื่อบุโพรงมดลูกอยู่ระหว่าง 0.1% ถึง 1.9%
LNG-IUS อาจเพิ่มการมีเลือดออกผืดปกติทางช่องคลอด หลังจากหนึ่งปี หลักฐานแสดงให้เห็นว่าหากอุบัติการณ์ของการมีเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอดหลังจากการเฝ้าระวังเยื่อบุโพรงมดลูกเพียงอย่างเดียวถือว่าเป็น 1.7% อุบัติการณ์ของการมีเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอดตามหลังจาก LNG-IUS ร่วมกับการเฝ้าระวังเยื่อบุโพรงมดลูกจะอยู่ระหว่าง 5.6% ถึง 21.5% หลังจาก 2 ปี หาก 4.2% ของสตรีที่เฝ้าระวังเยื่อบุโพรงมดลูกเพียงอย่างเดียวพบว่ามีเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด พบระหว่าง 4.4% ถึง 23.9% ของสตรีที่ได้รับการเฝ้าระวังและได้ LNG-IUS คาดว่าจะประสบปัญหานี้ อย่างไรก็ตามจากการติดตามผลเป็นเวลา 5 ปี ไม่มีสตรีในกลุ่มใดรายงานว่ามีเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด
เราพบหลักฐานไม่เพียงพอที่จะหาข้อสรุปเกี่ยวกับผลกระทบต่ออุบัติการณ์ของมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก (มะเร็งที่เกิดในเนื้อเยื่อต่อม) เนื้องอกมดลูก การกลับเป็นซ้ำของมะเร็งเต้านม หรือการเสียชีวิตที่เกี่ยวข้องกับมะเร็งเต้านม
ความเชื่อมั่นของหลักฐาน
เราตัดสินความเชื่อมั่นของหลักฐานว่าอยู่ในระดับปานกลางเนื่องจากการศึกษามีสตรีจำนวนจำกัด และไม่มีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมากนัก จำเป็นต้องมีการศึกษาขนาดใหญ่เพื่อประเมินผลของ LNG-IUS ต่ออุบัติการณ์ของมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูกและผลกระทบของ LNG-IUS ต่อความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งเต้านมที่ตามมาในภายหลัง
LNG-IUS อาจช่วยลดอุบัติการณ์ของติ่งเนื้อเยื่อบุโพรงมดลูกและเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญมากผิดปกติในสตรีที่เป็นมะเร็งเต้านมที่รับประทาน Tamoxifen ได้เล็กน้อย เมื่อติดตามผลที่ 12 และ 24 เดือน LNG-IUS อาจเพิ่มการเกิดเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอดในสตรีกลุ่มที่ได้รับการรักษาเมื่อเทียบกับสตรีที่อยู่ในกลุ่มควบคุม ไม่มีข้อมูลว่า LNG-IUS สามารถป้องกันมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูกในสตรีกลุ่มนี้ จากการทดลองแบบสุ่มที่มีกลุ่มควบคุม ไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนว่า LNG-IUS มีผลต่อความเสี่ยงของการกลับเป็นซ้ำของมะเร็งเต้านมหรือการเสียชีวิตจากมะเร็งเต้านม จำเป็นต้องมีการศึกษาขนาดใหญ่เพื่อประเมินผลของ LNG-IUS ต่ออุบัติการณ์ของมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูกและผลกระทบของ LNG-IUS ต่อความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งเต้านมกระจายไปที่อื่น
การให้การรักษาเพิ่มเติมด้วย Tamoxifen ช่วยลดความเสี่ยงของการกลับเป็นซ้ำของมะเร็งเต้านมในสตรีที่เป็นมะเร็งเต้านมที่มีตัวรับฮอร์โมนเอสโตรเจน Tamoxifen ยังเพิ่มความเสี่ยงของการมีเลือดออกทางช่องคลอดหลังหมดประจำเดือนแล้ว ติ่งเนื้อเยื่อบุโพรงมดลูก การเกิดเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญมากผิดปกติและมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก Levonorgestrel-release intrauterine system (LNG-IUS) ทำให้เกิดการกดการเจริญของเยื่อบุโพรงมดลูก การทบทวนอย่างเป็นระบบนี้เพื่อพิจารณาถึงหลักฐานที่แสดงว่า LNG-IUS ป้องกันการเกิดพยาธิสภาพของเยื่อบุโพรงมดลูกในสตรีที่รับประทาน Tamoxifen เพื่อเป็นการรักษามะเร็งเต้านม
เพื่อตรวจสอบประสิทธิผลและความปลอดภัยของ Levonorgestrel intrauterine system (LNG-IUS) ในสตรีก่อนและวัยหมดประจำเดือนที่รับประทาน Tamoxifen เสริมหลังเป็นมะเร็งเต้านม สำหรับผลลัพธ์ของพยาธิสภาพของเยื่อบุโพรงมดลูกและมดลูก รวมถึงการมีเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอดหรือการทำให้เกิดมะเร็งเต้านมกระจายไปที่อื่น
เราค้นหาฐานข้อมูลนี้ในวันที่ 29 มิถุนายน 2020; จาก The Cochrane Gynaecology and Fertility Group specialised register, Cochrane Central Register of Controlled Trials, MEDLINE, Embase, PsycINFO และ Cumulative Index to Nursing and Allied Health Literature. เราค้นหาจาก Cochrane Breast Cancer Group specialised register เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2020 นอกจากนี้เรายังค้นหาในทะเบียนการทดลอง 2 แหล่ง ตรวจสอบข้อมูลอ้างอิงสำหรับการทดลองที่เกี่ยวข้องและติดต่อผู้เขียน และผู้เชี่ยวชาญในสาขา เพื่อค้นหาการศึกษาเพิ่มเติม
เราได้รวมการทดลองแบบสุ่มที่มีกลุ่มควบคุม (RCTs) ของสตรีที่เป็นมะเร็งเต้านมที่ใช้ยา Tamoxifen เสริมเพื่อเปรียบเทียบประสิทธิผลของ LNG-IUS ร่วมกับการเฝ้าระวังเยื่อบุโพรงมดลูกเทียบกับการเฝ้าระวังเยื่อบุโพรงมดลูกเพียงอย่างเดียว เพื่อศึกษาอุบัติการณ์ของพยาธิสภาพของเยื่อบุโพรงมดลูก
เราใช้ระเบียบวิธีวิจัยมาตรฐานในการดำเนินการศึกษาตามที่แนะนำโดย Cochrane ผลลัพธ์หลักคือพยาธิสภาพของเยื่อบุโพรงมดลูก (รวมถึงติ่งเนื้อเยื่อบุโพรงมดลูก เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญมากเจริญผิดปกติหรือมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก) ซึ่งได้รับการวินิจฉัยโดยการส่องกล้องหรือการตรวจชิ้นเนื้อเยื่อบุโพรงมดลูก ผลลัพธ์รอง ได้แก่ เนื้องอกมดลูก การมีเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด หรือการตรวจพบการกลับเป็นซ้ำของมะเร็งเต้านมและการเสียชีวิตที่เกี่ยวข้องกับมะเร็งเต้านม เราได้ประเมินความเชื่อมั่นของหลักฐานที่ได้โดยวิธีการ GRADE
เราได้รวมการทดลองแบบสุ่มที่มีกลุ่มควบคุม (RCT) 4 รายการ (สตรี 543 คน) ในการทบทวนวรรณกรรมครั้งนี้ เราตัดสินความเชื่อมั่นของหลักฐานว่าอยู่ในระดับปานกลางสำหรับผลลัพธ์ทั้งหมดเนื่องจากความไม่แม่นยำ (เช่นขนาดตัวอย่างที่จำกัด และอัตราการเกิดเหตุการณ์ที่ต่ำ) ในการศึกษาที่รวมอยู่มี แขนที่ได้รับการรักษา คือ การรักษาที่ใช้ LNG-IUS 20 ไมโครกรัมต่อวัน ร่วมกับการเฝ้าระวังเยื่อบุโพรงมดลูก แขนควบคุม คือการเฝ้าระวังเยื่อบุโพรงมดลูกเพียงอย่างเดียว
ในผู้ที่ได้ Tamoxifen, LNG-IUS อาจช่วยลดอุบัติการณ์ของติ่งเนื้อเยื่อบุโพรงมดลูกเมื่อเทียบกับกลุ่มควบคุมในช่วง 12 เดือน (Peto odds Ratio (OR) 0.22, 95% CI 0.08 ถึง 0.64, I² = 0 %; 2 RCTs, n = 212; หลักฐานมีความเชื่อมั่นในระดับปานกลาง) และในช่วงติดตามผลระยะยาว (24 ถึง 60 เดือน) (Peto หรือ 0.22, 95% CI 0.13 ถึง 0.39; I² = 0%; 4 RCTs, n = 417; หลักฐานมีความเชื่อมั่นในระดับปานกลาง) สำหรับการติดตามผลในระยะยาวสิ่งนี้ชี้ให้เห็นว่าหากอุบัติการณ์ของติ่งเนื้อเยื่อบุโพรงมดลูกตามมาจากการเฝ้าระวังเยื่อบุโพรงมดลูกเพียงอย่างเดียวถือว่าเป็น 23.5% อุบัติการณ์ที่ตามมาจาก LNG-IUS ร่วมกับการเฝ้าระวังเยื่อบุโพรงมดลูกจะอยู่ระหว่าง 3.8% ถึง 10.7%
LNG-IUS อาจช่วยลดอุบัติการณ์ของภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญมากผิดปกติเล็กน้อยเมื่อเทียบกับกลุ่มควบคุมในการติดตามระยะยาว (24 ถึง 60 เดือน) (Peto หรือ 0.13, 95% CI 0.03 ถึง 0.67; I² = 0%; 4 RCTs, n = 417; หลักฐานมีความเชื่อมั่นในระดับปานกลาง) สิ่งนี้ชี้ให้เห็นว่าหากโอกาสในการเกิดภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญมากผิดปกติที่ตามมาจากการเฝ้าระวังเยื่อบุโพรงมดลูกเพียงอย่างเดียวจะเท่ากับ 2.8% โอกาสที่เกิดตาม LNG-IUS ร่วมกับการเฝ้าระวังเยื่อบุโพรงมดลูกจะอยู่ระหว่าง 0.1% ถึง 1.9% อย่างไรก็ตามควรสังเกตว่ามีเพียง 6 คนที่เป็นโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญมากผิดปกติ
ไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะหาข้อสรุปเกี่ยวกับอุบัติการณ์ของมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูกในผู้ใช้ Tamoxifen เนื่องจากไม่มีการศึกษาใดรายงานกรณีของมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก
เมื่อติดตามผล 12 เดือน LNG-IUS อาจเพิ่มการเกิดเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอดเมื่อเทียบกับกลุ่มควบคุม (Peto หรือ 7.26, 95% CI 3.37 ถึง 15.66; I² = 0%; 3 RCTs, n = 376; หลักฐานมีความเชื่อมั่นในระดับปานกลาง ) สิ่งนี้ชี้ให้เห็นว่าหากโอกาสที่จะมีเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอดที่พบหลังจากการเฝ้าระวังเยื่อบุโพรงมดลูกเพียงอย่างเดียวเป็น 1.7% โอกาสทีจะมีเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอดเกิดตาม LNG-IUS ร่วมกับการเฝ้าระวังเยื่อบุโพรงมดลูกจะอยู่ระหว่าง 5.6% ถึง 21.5% ภายใน 24 เดือนของการติดตามผลเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอดเกิดขึ้นน้อยกว่าการติดตามผลที่ 12 เดือน แต่ยังคงพบได้ในกลุ่ม LNG-IUS มากกว่ากลุ่มควบคุม (Peto หรือ 2.72, 95% CI 1.04 ถึง 7.10; I² = 0%; 2 RCTs, n = 233; หลักฐานมีความเชื่อมั่นในระดับปานกลาง) สิ่งนี้ชี้ให้เห็นว่าหากโอกาสของการมีเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอดเกิดหลังจากการเฝ้าระวังเยื่อบุโพรงมดลูกเพียงอย่างเดียวถือว่าเป็น 4.2% โอกาสของการมีเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอดที่เกิดตาม LNG-IUS ร่วมกับการเฝ้าระวังเยื่อบุโพรงมดลูกจะอยู่ระหว่าง 4.4% ถึง 23.9% จากการติดตามผลที่ 60 เดือนไม่พบว่ามีเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอดในกลุ่มใดเลย
จำนวนเหตุการณ์สำหรับผลลัพธ์ต่อไปนี้อยู่ในระดับต่ำ: เนื้องอกมดลูก (n = 13) การกลับเป็นซ้ำของมะเร็งเต้านม (n = 18) และการเสียชีวิตที่เกี่ยวข้องกับมะเร็งเต้านม (n = 16) ผลที่ตามมาอาจมีความแตกต่างเล็กน้อยหรือไม่มีเลยในผลลัพธ์เหล่านี้ระหว่างกลุ่มที่ได้ LNG-IUS และกลุ่มควบคุม
แปลโดย พญ.วิลาสินี หน่อแก้ว