เราควรให้ taxane เป็นยาเคมีบำบัดตัวเดียวแก่สตรีที่เป็นมะเร็งรังไข่ชนิดเยื่อบุผิวที่กลับเป็นซ้ำอย่างไร

ความเป็นมา
มีตัวเลือกมากมายสำหรับการรักษาด้วยเคมีบำบัดสำหรับมะเร็งรังไข่ชนิดเยื่อบุผิวที่กำเริบ การตัดสินใจตอนที่โรคกำเริบไม่ได้หมายความถึงแค่ยาชนิดใด แต่ยังรวมถึงขนาดยาและระยะเวลาในการให้ด้วย taxanes สามารถให้เป็นสูตรยาสัปดาห์ละครั้ง (ในขนาดที่ต่ำกว่า) หรือสูตร 3 สัปดาห์ต่อครั้ง (ในขนาดที่สูงขึ้น) ซึ่งอาจมีความแตกต่างในความรุนแรงของผลข้างเคียงและประสิทธิผล เนื่องจากโรคที่กำเริบแสดงให้เห็นว่าโรคที่รักษาไม่หาย การพิจารณาผลข้างเคียงและผลกระทบของการรักษา ตลอดจนคุณภาพชีวิตจึงมีความสำคัญมากกว่า โดยไม่เพียงดูแต่ผลการรักษาที่ยืดอายุเท่านั้น

วัตถุประสงค์
เพื่อประเมินประโยชน์และผลข้างเคียงของระยะห่างของการรักษาที่แตกต่างกันและขนาดยาเคมีบำบัด taxane ที่แตกต่างกันสำหรับสตรีที่เป็นมะเร็งรังไข่ชนิดเยื่อบุผิวที่กำเริบ

วิธีการศึกษา
เรารวมการศึกษาวิจัยแบบสุ่มที่มีกลุ่มควบคุม (RCTs) (การศึกษาทางคลินิกที่สุ่มเลือกคนให้อยู่ในกลุ่มการรักษากลุ่มใดกลุ่มหนึ่งจากสองกลุ่มหรือมากกว่า) โดยการให้ taxane สองแบบหรือมากกว่าสำหรับสตรีที่เป็นมะเร็งรังไข่เยื่อบุผิวที่กำเริบ ผลลัพธ์ทางคลินิกที่เราตรวจสอบคือ: 1) การอยู่รอดโดยรวม - ผู้เข้าร่วมจะมีชีวิตอยู่ได้นานแค่ไหนหลังจากการวินิจฉัย 2) อัตราการตอบสนอง - จำนวนผู้เข้าร่วมที่มีหลักฐานการสแกนหรือการตรวจเลือดว่ามะเร็งรังไข่ของพวกเขาลดขนาดลงโดยตอบสนองต่อเคมีบำบัด 3) การอยู่รอดที่ปราศจากการเป็นมากขึ้น - ระยะเวลาที่ผู้เข้าร่วมมีชีวิตอยู่กับโรคโดยไม่มีหลักฐานว่ามะเร็งยังคงโตต่อ 4) ความเป็นพิษต่อระบบประสาท - จำนวนผู้เข้าร่วมที่มีประสบการณ์ความเสียหายของเส้นประสาทที่นำไปสู่ปัญหาการประสานงานทางประสาทสัมผัสหรือมอเตอร์ ซึ่งมักจะอยู่ที่มือและเท้า; 5) นิวโทรพีเนีย - มีผู้เข้าร่วมกี่คนที่พบว่าเซลล์เม็ดเลือดขาว (นิวโทรฟิล) ลดลงอย่างเป็นอันตรายซึ่งอาจนำไปสู่การติดเชื้อ 6) ผมร่วง - มีผู้เข้าร่วมกี่คนที่มีปัญหาผมร่วงในระดับสูง 7) คุณภาพชีวิต - การวัดผลกระทบโดยรวมของโรคและการรักษาต่อชีวิตประจำวันของผู้เข้าร่วม นี้ถูกบันทึกโดยใช้แบบสอบถาม

เราทำการวิเคราะห์ทางสถิติตามวิธี Cochrane

ผลการศึกษา
เรารวม RCTs 4 ฉบับที่เราประเมินว่ามีความเสี่ยงของอคติต่ำ กล่าวคือ ผลลัพธ์น่าจะเป็นการสะท้อนที่ยุติธรรมของความแตกต่างระหว่างกลุ่มที่ศึกษา การศึกษาเหล่านี้รวมข้อมูลของสตรี 981 ราย ที่เป็นมะเร็งรังไข่ชนิดเยื่อบุผิวที่กำเริบ

การรักษา taxane รายสัปดาห์กับทุก 3 สัปดาห์
เราพบว่าอาจมีความแตกต่างเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลยในระยะเวลาที่ผู้หญิงรอดชีวิตหลังการรักษา และอาจมีความแตกต่างเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลยในระยะเวลาที่มะเร็งจะเติบโตใหม่หากให้ taxanes ทุกสัปดาห์หรือทุก 3 สัปดาห์ อาจมีความแตกต่างเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลยในจำนวนสตรีที่มีหลักฐานว่าขนาดมะเร็งลดลงตามการรักษาด้วย taxane หากได้รับรายสัปดาห์หรือราย 3 สัปดาห์

อย่างไรก็ตาม เราพบว่าอาจมีความแตกต่างในผลข้างเคียงระหว่างสูตรการรักษาแบบรายสัปดาห์และแบบราย 3 สัปดาห์ สตรีอาจมีอาการผมร่วงรุนแรงขึ้น (ผมร่วง) และอาจมีแนวโน้มที่จะมีภาวะนิวโทรพีเนีย (เซลล์เม็ดเลือดขาวในระดับต่ำกว่า ซึ่งอาจนำไปสู่การติดเชื้อ) ในการรักษาด้วย paclitaxel รายสามสัปดาห์ เมื่อเทียบกับขนาดยาที่ต่ำกว่าของ taxane ที่ให้บ่อยกว่า ด้วยการรักษารายสัปดาห์ อาจมีหรือไม่มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นต่อความเป็นพิษต่อระบบประสาท (ความเสียหายของเส้นประสาท) กับ paclitaxel 3 สัปดาห์เมื่อให้ในขนาดที่สูงขึ้น แต่เรามีความแน่นอนต่ำเกี่ยวกับผลลัพธ์นี้

Taxane ปริมาณที่แตกต่างกันให้ทุก 3 สัปดาห์
สตรีที่ได้รับ taxane ขนาดต่ำทุก 3 สัปดาห์อาจมีความเป็นพิษต่อระบบประสาทน้อยกว่าและเรามีความแน่นอนปานกลางในผลลัพธ์นี้ เราพบว่าอาจมีความแตกต่างเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลยในระยะเวลาที่สตรีรอดชีวิตหรือระยะเวลาที่มะเร็งจะดำเนินต่อไปหลังการรักษาระหว่างกลุ่มต่างๆ

บทสรุป
สตรีที่ได้รับ paclitaxel ทุกสัปดาห์อาจมีผลข้างเคียงน้อยกว่า เช่นเดียวกับสตรีที่ได้รับขนาดยาที่ต่ำกว่าทุก 3 สัปดาห์ การเปลี่ยนขนาดยาที่ต่ำลงโดยให้ทุก ๆ 3 สัปดาห์หรือการจัดตารางขนาดยาที่ต่ำกว่าให้ทุกสัปดาห์ อาจทำให้ระยะเวลาที่สตรีอยู่รอดหลังการรักษาแตกต่างกันเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลย การรักษารายสัปดาห์อาจให้ผลการรักษาที่คล้ายคลึงกันโดยมีผลข้างเคียงน้อยกว่า แม้ว่าจะมีค่าใช้จ่ายในการเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลบ่อยกว่าก็ตาม

ข้อสรุปของผู้วิจัย: 

ผู้มีภาวะ neutropenia เมื่อได้รับยา paclitaxel ทุกสัปดาห์ อาจน้อยกว่าเมื่อเทียบกับการให้ทุก 3 สัปดาห์ (หลักฐานมีความเชื่อมั่นต่ำ) แม้ว่าอาจมีความแตกต่างเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลยต่อความเสี่ยงของการเกิดพิษต่อระบบประสาท (หลักฐานที่มีความเชื่อมั่นต่ำมาก) ขึ้นอยู่กับผู้เข้าร่วมที่ได้รับยาในปริมาณที่น้อยลงแต่บ่อยขึ้น อย่างไรก็ตามความเชื่อมั่นของเราในการประมาณการผลนี้มีจำกัด ผลที่แท้จริงอาจแตกต่างอย่างมากจากการประมาณการเหล่านี้ paclitaxel สัปดาห์ละครั้งอาจช่วยลดความเสี่ยงของอาการผมร่วงได้ แม้ว่าอัตราในทั้งสองกลุ่มจะสูง (46% เทียบกับ 79%) (หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำ) การเปลี่ยนแปลงจากการให้เคมีบำบัดสัปดาห์ละคร้ังเป็นการรักษาด้วยเคมีบำบัดทุก 3 สัปดาห์อาจพิจารณาเพื่อลดโอกาสของความเป็นพิษ เนื่องจากอาจมีผลกระทบทางลบเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลยต่ออัตราการตอบสนอง (หลักฐานที่มีความเชื่อมั่นต่ำมาก), PFS (หลักฐานที่มีความเชื่อมั่นต่ำมาก) หรือ OS ( หลักฐานที่มีความเชื่อมั่นต่ำมาก)

Paclitaxel ทุก 3 สัปดาห์ ให้ในขนาดยา 175 มก./ม. 2 เทียบกับขนาดยาที่สูงขึ้นอาจลดความเสี่ยงต่อความเป็นพิษต่อระบบประสาทเราค่อนข้างมั่นใจในผลลัพธ์นี้ ผลกระทบที่แท้จริงมีแนวโน้มที่จะใกล้เคียงกับการประมาณการของผลกระทบ แต่มีความเป็นไปได้ที่จะแตกต่างอย่างมาก การเปลี่ยนขนาดเป็น 175 มก./ม. 2 paclitaxel (จากขนาดที่สูง) หากใช้สูตรการรักษาทุก 3 สัปดาห์ อาจมีผลกระทบทางลบเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลยต่อ PFS หรือ OS (หลักฐานที่มีความเชื่อมั่นต่ำมาก)

อ่านบทคัดย่อฉบับเต็ม
บทนำ: 

มะเร็งรังไข่เป็นการวินิจฉัยโรคมะเร็งที่พบบ่อยที่สุดเป็นอันดับที่ 7 ของโลก และเป็นสาเหตุอันดับที่ 8 ของการเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง มะเร็งรังไข่ชนิดเยื่อบุผิวเป็นมะเร็งรังไข่ชนิดที่พบบ่อยที่สุด โดยคิดเป็น 90% ของผู้ป่วยทั้งหมด การรักษาขั้นแรกสำหรับสตรีที่เป็นมะเร็งรังไข่ชนิดเยื่อบุผิวประกอบด้วยการผ่าตัดและให้ยาเคมีบำบัดแบบแพลตตินัมและแทกเซน อย่างไรก็ตาม สตรีมากกว่า 50% ที่เป็นมะเร็งรังไข่ชนิดเยื่อบุผิวจะมีอาการกำเริบและต้องได้รับเคมีบำบัดเพิ่มเติม และในบางจุดจะมีความดื้อต่อยาที่ใช้แพลตตินัม

ในปัจจุบัน คำแนะนำเกี่ยวกับการใช้ยาเคมีบำบัดส่วนใหญ่ รวมทั้ง Taxanes ยังไม่เป็นที่แน่ชัดสำหรับผู้หญิงที่เป็นมะเร็งรังไข่ชนิดเยื่อบุผิวที่กลับเป็นซ้ำ Paclitaxel, topotecan, pegylated liposomal doxorubicin hydrochloride, trabectedin และ gemcitabine ได้รับอนุญาตให้ใช้ในสหราชอาณาจักรตามดุลยพินิจของแพทย์ หลังจากการปรึกษาหารือกับสตรีเกี่ยวกับผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น Taxanes สามารถให้ในสูตรยาสัปดาห์ละครั้ง (ในขนาดที่ต่ำกว่า) หรือสูตรสามสัปดาห์ต่อครั้ง (ในขนาดที่สูงขึ้น) ซึ่งอาจมีความแตกต่างในความรุนแรงของผลข้างเคียงและประสิทธิผล เนื่องจากโรคที่กำเริบน่าจะบ่งบอกว่ารักษาไม่หาย การพิจารณาผลข้างเคียงและผลกระทบของการรักษา ตลอดจนคุณภาพชีวิตจึงมีความสำคัญมากกว่า และไม่เพียงคำนึงถึงแค่ผลการยืดอายุโดยการรักษาเท่านั้น

วัตถุประสงค์: 

เพื่อประเมินประสิทธิภาพและความเป็นพิษของการรักษาโดยการใช้ Taxane เพียงตัวเดียวสำหรับสตรีที่เป็นมะเร็งแบบกลับเป็นซ้ำที่รังไข่ชนิดเยื่อบุผิว มะเร็งท่อน้ำดี หรือมะเร็งเยื่อบุช่องท้องแบบปฐมภูมิ

วิธีการสืบค้น: 

เราค้นหา CENTRAL, MEDLINE และ Embase จนถึงวันที่ 22 มีนาคม 2022 ฐานข้อมูลที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ และทะเบียนการทดลองถูกค้นหาเช่นเดียวกับวรรณกรรมที่ไม่มีการตีพิมพ์ และไม่พบการศึกษาเพิ่มเติม พบบทความวิจัยทั้งหมด 1500 รายการ

เกณฑ์การคัดเลือก: 

เรารวบรวมการทดลองแบบสุ่มที่มีกลุ่มควบคุมของการใช้ Taxane ตัวเดียวสำหรับสตรีที่เป็นผู้ใหญ่ที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งชนิดกลับเป็นซ้ำของเยื่อบุผิวที่รังไข่ มะเร็งท่อนำไข่ หรือมะเร็งเยื่อบุช่องท้องปฐมภูมิ ซึ่งก่อนหน้านี้ได้รับการรักษาด้วยเคมีบำบัดที่มีแพลตตินัมเป็นพื้นฐาน เรารวบรวมการทดลองที่เปรียบเทียบสูตรการรักษาเดี่ยวของ taxane สองสูตรหรือมากกว่า ผู้เข้าร่วมอาจประสบกับการกลับเป็นซ้ำของโรคครั้งแรกหรือการกลับเป็นซ้ำใดๆ

การรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล: 

ผู้ทบทวน 2 คนได้ทำการประเมินคุณภาพของการศึกษาและดึงข้อมูลอย่างเป็นอิสระต่อกัน ผลลัพธ์ทางคลินิกที่เราตรวจสอบ ได้แก่ การรอดชีวิตโดยรวม อัตราการตอบสนอง การรอดชีวิตที่ปราศจากการลุกลามของโรค ความเป็นพิษต่อระบบประสาท ภาวะนิวโทรพีเนีย ผมร่วง และคุณภาพชีวิต เราทำการวิเคราะห์ทางสถิติโดยใช้แบบจำลองเอฟเฟกต์คงที่และเอฟเฟกต์แบบสุ่มตามวิธีมาตรฐานของ Cochrane เราจัดอันดับคุณภาพของหลักฐานตามเกณฑ์ GRADE

ผลการวิจัย: 

เราพบรายงานวิจัย 1500 รายการ จากการศึกษา 1466 ฉบับ; ไม่พบการศึกษาเพิ่มเติมโดยการค้นหาวรรณกรรมสีเทาหรือการค้นหาด้วยมือ เราอัปโหลดผลการค้นหาไปยัง Covidence หลังจากนำ 92 รายการที่ซ้ำกันออก เราได้คัดเลือกจาก ชื่อเรื่องและบทคัดย่อจำนวน 1374 รายการ ในจำนวนนี้ เราพบการศึกษา 24 ฉบับ สำหรับการคัดกรองบทความแบบเต็ม เรารวบรวมการศึกษาวิจัยแบบ parallel-group randomised controlled trials (RCTs) การทดลองทั้งหมดเป็นแบบหลายศูนย์และดำเนินการในสถานพยาบาล การศึกษาได้รวมผู้เข้าร่วมที่มีเข้าข่าย 981 รายที่เป็นมะเร็งรังไข่เยื่อบุผิวที่เกิดซ้ำ มะเร็งท่อนำไข่หรือมะเร็งช่องท้องปฐมภูมิ โดยมีอายุเฉลี่ยระหว่าง 56 ถึง 62 ปี ผู้เข้าร่วมทั้งหมดมีสถานะการทำงาตามเกณฑ์นของ WHO (องค์การอนามัยโลก) ระหว่าง 0 ถึง 2 สัดส่วนของผู้เข้าร่วมที่มีผลเนื้อเยื่อชนิดรุนแรง อยู่ระหว่าง 56% ถึง 85% ผู้เข้าร่วมการศึกษา มีสตรีที่มีอาการกำเริบทั้งที่ตอบสนองต่อแพลตตินัม (71%) และดื้อต่อแพลตตินั่ม (29%) ผู้เข้าร่วมบางรายได้รับการรักษาด้วย taxane มาก่อน (5.6%) ในขณะที่ผู้เข้าร่วมส่วนใหญ่เป็นแบบไม่เคยได้ taxane มาก่อน (94.4%) ไม่มีการศึกษาใดที่มีความเสี่ยงสูงที่จะมีอคติสำหรับประเด็นต่างๆ จากการใช้เครื่องมือประเมินการมีความเสี่ยงของอคติของ Cochrane

เราพบว่าอาจมีความแตกต่างเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลยในการรอดชีวิตโดยรวม (OS) ระหว่าง paclitaxel รายสัปดาห์กับ paclitaxel รายสามสัปดาห์ แต่หลักฐานมีความไม่แน่นอนมาก (risk ratio (RR) ที่ 0.94, ช่วงความเชื่อมั่น 95% (CI) 0.66 ถึง 1.33 , การศึกษา 2 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 263 คน, หลักฐานที่มีความเชื่อมั่นต่ำมาก) ในทำนองเดียวกัน อัตราการตอบสนองอาจแตกต่างกันเล็กน้อยหรือไม่มีเลย (RR 1.07, 95% CI 0.78 ถึง 1.48, การศึกษา 2 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 263 คน, หลักฐานที่มีความเชื่อมั่นต่ำมาก) และการรอดชีวิตที่ปราศจากการกำเริบของโรค (PFS) (RR 0.83, 95 % CI 0.46 ถึง 1.52 การศึกษา 2 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 263 คน หลักฐานที่มีความเชื่อมั่นต่ำมาก) ระหว่างยา paclitaxel รายสัปดาห์และ 3 สัปดาห์ แต่หลักฐานมีความไม่แน่นอนอย่างมาก

เราพบความแตกต่างในเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ที่เกี่ยวข้องกับเคมีบำบัดระหว่างสูตรยา weekly paclitaxel และแบบให้ทุก 3 สัปดาห์ สูตรยา paclitaxel รายสัปดาห์อาจส่งผลให้ภาวะ neutropenia ลดลง (RR 0.51, 95% 0.27 ถึง 0.95, การศึกษา 2 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 260 คน, หลักฐานที่มีความเชื่อมั่นต่ำ) และผมร่วง (RR 0.58, 95% CI 0.46 ถึง 0.73, การศึกษา 1 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 205 คน , หลักฐานที่มีความเชื่อมั่นต่ำ) ความเป็นพิษต่อระบบประสาทอาจแตกต่างกันเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลย แต่หลักฐานมีความเชื่อมั่นต่ำมาก และเราไม่สามารถบอกว่าไม่มีผลได้ (RR 0.53, 95% CI 0.19 ถึง 1.45 การศึกษา 2 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 260 คน)

เมื่อตรวจสอบผลของขนาดยา Paclitaxel ในสูตรการรักษาราย 3 สัปดาห์ Paclitaxel 250 มก./ม. 2 อาจก่อให้เกิดความเป็นพิษต่อระบบประสาทมากขึ้นเมื่อเทียบกับสูตรยา 175 มก./ม. 2 regimen (RR 0.41, 95% CI 0.21 ถึง 0.80, การศึกษา 1 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 330 คน หลักฐานที่มีความเชื่อมั่นปานกลาง)

ข้อมูลคุณภาพชีวิตไม่สามารถนำมาใช้ได้จากการศึกษาใดๆ ที่รวบรวมมา

บันทึกการแปล: 

แปลโดย พญ.วิลาสินี หน่อแก้ว Edit โดย ผกากรอง 17 พฤศจิกายน 2022

Tools
Information