การปรับปรุงการใช้ความระมัดระวังมาตรฐานของบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข (healthcare workers) เพื่อลดการติดเชื้อในสถานดูแลสุขภาพ

วัตถุประสงค์ของการทบทวนวรรณกรรมนี้คืออะไร

เพื่อหากลยุทธ์ที่สามารถนำมาใช้ในการปรับปรุงวิธีการที่บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขทำตามระบบการดำเนินการที่เรียกว่า ' ข้อควรระวังมาตรฐาน ' เพื่อลดการติดเชื้อในสถานดูแลสุขภาพ

ใจความสำคัญ

ผู้ประพันธ์ตรวจสอบระบุความหลากหลายของกลยุทธ์ซึ่งส่วนใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับการใหความรู้แก่บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขอย่างเดียวหรือมีกลยุทธ์เพิ่มเติม มันไม่ชัดเจนว่ากลยุทธ์เดียวหรือการรวมกันของกลยุทธ์ใดที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในการปรับปรุงการปฏิบัติตามข้อควรระวังมาตรฐานหรือความรู้ของข้อควรระวังมาตรฐานหรือสำหรับการลดเชื้อประจำถิ่น (การติดเชื้อที่อาจเกิดขึ้น) เนื่องจากเราพบหลักฐานเพียงเล็กน้อย ข้อเท็จจริงนี้, ร่วมกับความไม่สอดคล้องของผล, ลดความเชื่อมั่นของเราหรือความแน่นอนเกี่ยวกับหลักฐานที่พบ

การศึกษานี้ทบทวนเรื่องอะไร

เป็นที่คาดว่า ผู้ป่วยในยุโรปกว่าสี่ล้านรายและในประเทศสหรัฐอเมริกา 1.7 ล้านราย ที่เกิดการติดเชื้อในแต่ละปี และความชุกดังกล่าวนั้นสูงขึ้นในประเทศกำลังพัฒนา การติดเชื้อมีความเกี่ยวข้องกับระยะเวลาที่เพิ่มขึ้นของการนอนโรงพยาบาล, การตายที่มากขึ้น และค่าใช้จ่ายโรงพยาบาลเป็นพันล้านดอลลาร์ การยึดมั่นในข้อควรระวังมาตรฐาน เช่น การใช้อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคลหรือการปฏิบัติตามแนวทางการใช้เข็มที่ปลอดภัยสามารถลดการแพร่กระจายของเชื้อโรคในสถานดูแลสุขภาพ จุดมุ่งหมายของการทบทวนวรรณกรรมนี้คือการค้นหาวิธีการที่มีประสิทธิภาพในการปรับปรุงการปฏิบัติตามข้อควรระวังมาตรฐาน

ผลลัพธ์หลักของการทบทวนวรรณกรรมนี้คืออะไร

ผู้ประพันธ์ตรวจสอบพบการศึกษาที่เกี่ยวข้องแปดเรื่อง โดยมีผู้เข้าร่วมทั้งหมด 673 ราย การศึกษาสามเรื่องได้รายงานจากเอเชีย, สองเรื่องจากยุโรป, สองเรื่องจากอเมริกาเหนือ, และหนึ่งเรื่องจากออสเตรเลีย กลยุทธ์ประกอบด้วยการให้ความรู้แก่บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขเพียงอย่างเดียวหรือมีการให้ความรู้ประเภทอื่นๆ เช่น การแสดงวิธีการแพร่กระจายของละอองน้ำมูกหรือด้วยการช่วยเหลือควบคุมการติดเชื้อเพิ่มเติม กลยุทธ์อื่นๆ เป็นการประเมินด้วยบุคคลระดับเดียวกันและการใช้รายการตรวจสอบและสัญลักษณ์สี การศึกษาทั้งหมดใช้มาตรการที่แตกต่างกันเพื่อประเมินว่าบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขปฏิบัติตามข้อควรระวังมาตรฐานอย่างดีหรือไม่ สองการศึกษาประเมินว่ามีการปรับปรุงใดๆ ในความรู้ของบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข (ของข้อควรระวังมาตรฐาน), และการศึกษาหนึ่งเรื่องวัดอัตราของเชื้อ MRSA (การพาเชื้อ MRSA ที่เพิ่มโอกาสในการติดเชื้อ) ในหมู่แพทย์ประจำบ้านและเจ้าหน้าที่ในการดูแลผู้ป่วยระยะยาว

การให้การศึกษาเกี่ยวกับการแพร่กระจายของละอองน้ำมูก, การประเมินด้วยบุคคลระดับเดียวกันและการใช้รายการตรวจสอบและสัญลักษณ์สีอาจปรับปรุงการปฏิบัติตามข้อควรระวังมาตรฐานและการใหความรู้เพียงอย่างเดียว และการให้ความรู้ร่วมกับการสนับสนุนการควบคุมการติดเชื้ออาจช่วยปรับปรุงการปฏิบัติตามข้อควรระวังมาตรฐานได้เล็กน้อย

การให้ความรู้เพียงอย่างเดียวอาจปรับปรุงองค์ความรู้, และการใหความรู้ที่แสดงถึงการแพร่กระจายของละอองน้ำมูกอาจทำให้เกิดความแตกต่างเล็กน้อยหรือไม่มีความต่างเลยในองค์ความรู้ การให้ความรู้ร่วมกับการสนับสนุนการควบคุมการติดเชื้อเพิ่มเติมอาจทำให้เกิดความแตกต่างเล็กน้อยหรือไม่มีความแตกต่างในอัตราของเชื้อประจำถิ่น MRSA

ความเป็นปัจจุบันของการทบทวนนี้

ผู้ทบทวนสืบค้นการศึกษาที่ได้รับการตีพิมพ์จนถึง14 กุมภาพันธ์ 2017

ข้อสรุปของผู้วิจัย: 

เนื่องจากความหลากหลายในวิธีการและในวิธีการวัดผล ร่วมกับความเสี่ยงของการเกิดอคติสูงและความแปรปรวนในหลักฐาน ทำให้ยากที่จะสรุปเกี่ยวกับประสิทธิผลของวิธีการ การทบทวนวรรณกรรมนี้ชี้ให้เห็นความจำเป็นในการดำเนินการศึกษาที่ถูกต้องมากขึ้นเพื่อประเมินวิธีการที่คล้ายกันและการใช้วิธีการวัดผลที่คล้ายกัน

อ่านบทคัดย่อฉบับเต็ม
บทนำ: 

'ข้อควรระวังมาตรฐาน' หมายถึงระบบการดำเนินการ เช่น การใช้อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคลหรือปฏิบัติตามแนวทางการใช้เข็มที่ปลอดภัย โดยบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขที่ใช้ในการลดการแพร่กระจายของเชื้อโรคในสถานดูแลสุขภาพ เช่น โรงพยาบาลและสถานอนามัย

วัตถุประสงค์: 

เพื่อประเมินประสิทธิผลของวิธีการที่มุ่งเป้าไปยังบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขเพื่อปรับปรุงการการปฏิบัติตามข้อควรระวังมาตรฐานในการดูแลผู้ป่วย

วิธีการสืบค้น: 

เราค้นหา CENTRAL, MEDLINE, Embase, CINAHL, LILACS, สองฐานข้อมูลอื่นๆ, และสองทะเบียนการทดลอง โดยไม่จำกัดภาษา วันที่ของการค้นหาล่าสุดคือ 14 กุมภาพันธ์ 2017

เกณฑ์การคัดเลือก: 

เรารวมการศึกษาประเภท randomised trials of individuals, cluster-randomised trials, non-randomised trials, controlled before-after studies, และ interrupted time-series studies ที่ประเมินวิธีการใดๆเพื่อปรับปรุงการปฏิบัติตามข้อควรระวังมาตรฐานโดยบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขที่มีความรับผิดชอบในการดูแลผู้ป่วยในโรงพยาบาลใดๆ, การดูแลรักษาในระยะยาวหรือสถานพยาบาลชุมชนหรือสถานที่สมมติ เช่น ห้องเรียนหรือห้องทดลอง

การรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล: 

ผู้ทบทวนวรรณกรรมสองคนได้คัดกรองผลการค้นหา ดึงข้อมูลจากการทดลองที่เป็นไปตามเกณฑ์การคัดเข้าและประเมินความเสี่ยงของอคติสำหรับแต่ละการศึกษาอย่างอิสระต่อกัน โดยใช้ระเบียบวิธีวิจัยมาตรฐานตาม Cochrane เนื่องจากมี heterogeneity ที่สูงระหว่างวิธีการและการวัดผลลัพธ์ การวิเคราะห์เมตต้าจึงไม่สามารถทำได้ เราได้ประเมินความเชื่อมั่นของหลักฐานโดยใช้วิธีการ GRADE และนำเสนอผลการวิเคราะห์แบบบรรยายในตาราง ‘Summary of Findings'

ผลการวิจัย: 

เรารวบรวมการศึกษาแปดเรื่องที่มีผู้เข้าร่วมทั้งหมด 673 ราย; มีการศึกษาสามเรื่องได้ดำเนินการในเอเชีย, สองเรื่องในยุโรป, สองเรื่องในทวีปอเมริกาเหนือ, และหนึ่งเรื่องในออสเตรเลีย การศึกษาห้าเรื่องเป็น randomised trials การศึกษาสองเรื่องเป็น cluster-randomised trials และการศึกษาหนึ่งเรื่องเป็น non-randomised trial การศึกษาสามเรื่องเปรียบเทียบกับวิธีการการให้ความรู้ที่แตกต่างกันกับการไม่ให้ความรู้ การศึกษาหนึ่งเรื่องเปรียบเทียบกับการจำลองการกระจายตัวของอนุภาคละอองน้ำมูกกับการให้ความรู้เพียงอย่างเดียว, การศึกษาสองเรื่องเปรียบเทียบการใหความรู้ร่วมกับการสนับสนุนการควบคุมการติดเชื้อเทียบกับการไม่ใช้วิธีการใดเลย, การศึกษาหนึ่งเรื่องเปรียบเทียบการประเมินผลโดยบุคคลระดับเดียวกันกับการไม่ใช้วิธีการใดเลยและการศึกษาหนึ่งเรื่องประเมินการใช้รายการตรวจสอบและสัญลักษณ์สี เราถือว่าการศึกษาทั้งหมดมีความเสี่ยงของการมีอคติสูง โดยมีความเสี่ยงที่แตกต่างกัน การศึกษาทั้งหมดใช้มาตรการที่แตกต่างกันเพื่อประเมินว่าบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขปฏิบัติตามข้อควรระวังมาตรฐานอย่างดีหรือไม่ การศึกษาสามเรื่องยังประเมินความรู้ของบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข และการศึกษาหนึ่งเรื่องวัดอัตราของเชื้อประจำถื่น Staphylococcus aureus (MRSA) ในแพทย์ประจำบ้านและเจ้าหน้าที่ของสถานพยาบาลที่ดูแลระยะยาว เนื่องจากการมี heterogeneity ในวิธีการและวิธีการวัดผล, เราไม่ได้ดำเนินการวิเคราะห์เมตต้า

การให้ความรู้อาจช่วยปรับปรุงการปฏิบัติตามข้อควรระวังมาตรฐานได้เล็กน้อย (การศึกษาสามเรื่อง; สถานพยาบาลสี่แห่ง) และระดับความรู้ของพวกเขา (การศึกษาสองเรื่อง; สถานพยาบาลสามแห่ง; หลักฐานมีความเชื่อมั่นต่ำสำหรับผลลัพธ์ทั้งสอง)

การให้ความรู้ที่มีการแสดงผลของการกระจายตัวของอนุภาคน้ำมูกอาจช่วยเพิ่มการใช้อุปกรณ์ป้องกันหน้าในบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข แต่อาจทำให้เกิดความแตกต่างเพียงเล็กน้อยหรือไม่แตกต่างในด้านความรู้ (การศึกษาหนึ่งเรื่อง; พยาบาล 20 คน. หลักฐานมีความเชื่อมั่นปานกลางในทั้งสองผลลัพธ์)

การให้ความรู้ร่วมกับการสนับสนุนการควบคุมการติดเชื้อเพิ่มเติมอาจจะช่วยเพิ่มการปฏิบัติตามข้อควรระวังมาตรฐานให้กับบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข (การศึกษาสองเรื่อง; สถานดูแลรักษาในระยะยาว 44 แห่ง; หลักฐานมีความเชื่อมั่นต่ำ) แต่อาจทำให้เกิดความแตกต่างน้อยหรือไม่มีความแตกต่างในอัตราของ เชื้อประจำถิ่น MRSA ที่เกี่ยวข้องกับการรักษาพยาบาล (การศึกษาหนึ่งเรื่อง; สถานดูแลรักษาในระยะยาว 32 แห่ง; หลักฐานมีความเชื่อมั่นปานกลาง)

การประเมินผลโดยบุคคลระดับเดียวกันอาจช่วยเพิ่มการปฏิบัติตามข้อควรระวังมาตรฐานในบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข (การศึกษาหนึ่งเรื่อง; โรงพยาบาลหนึ่งแห่ง; หลักฐานมีความเชื่อมั่นปานกลาง)

รายการตรวจสอบและสัญลักษณ์สีอาจปรับปรุงการปฏิบัติตามข้อควรระวังมาตรฐาน (การศึกษาหนึ่งเรื่อง; โรงพยาบาลหนึ่งแห่ง; หลักฐานมีความเชื่อมั่นปานกลาง)

บันทึกการแปล: 

ผู้แปล นพ.เจน โสธรวิทย์ ภาควิชาสูติศาสตร์และนรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น 6 มีนาคม 2020

Tools
Information