การรักษาเพิ่มเติมที่ไม่ใช่การผ่าตัดเพื่อเร่งการเคลื่อนฟันในผู้ป่วยทางทันตกรรมที่รับการจัดฟันแบบติดแน่น

คำถามการทบทวนวรรณกรรม
ขั้นตอนเพิ่มเติมที่ไม่ใช่การผ่าตัดที่อ้างว่าช่วยเร่งการเคลื่อนตัวของฟันจะลดระยะเวลาโดยรวมของการจัดฟันหรือไม่

ความเป็นมา
ทั่วโลกมีการใช้การจัดฟันเพื่อแก้ไขตำแหน่งของฟันในวัยรุ่นและผู้ใหญ่เมื่อพวกเขาประสบปัญหาเกี่ยวกับฟันและการสบฟัน เครื่องมือจัดฟันอาจแตกต่างกันไปตามประเภท และรวมถึงเครื่องมือจัดฟันแบบติดแน่น (ประกอบด้วยแบร็กเก็ตติดฟันแล้วต่อด้วยลวด) และอุปกรณ์แบบถอดได้ เช่น อุปกรณ์จัดฟันแบบใส ซึ่งเป็นชุดแผ่นพลาสติกใสแบบถอดได้ซึ่งครอบเหงือกได้แนบสนิทกับฟัน ขึ้นอยู่กับปัญหาของฟันและการสบฟัน ระยะเวลาในการจัดฟันอาจมีตั้งแต่หลายเดือนจนถึงหลายปี อย่างไรก็ตาม การจัดฟันแบบเต็มรูปแบบส่วนใหญ่จะใช้เวลาประมาณ 20 เดือน เป็นที่ทราบกันดีว่าการรักษาทางทันตกรรมจัดฟันช่วยปรับปรุงรูปลักษณ์ของรอยยิ้ม ซึ่งส่งผลดีต่อผู้ป่วย อย่างไรก็ตาม การจัดฟันอาจมีความเสี่ยงที่ไม่พึงประสงค์ เช่น ฟันผุและรากฟันสั้น การเร่งอัตราการเคลื่อนฟันอาจช่วยลดระยะเวลาที่จำเป็นสำหรับการรักษาและอาจลดผลกระทบที่ไม่พึงประสงค์จากการจัดฟันที่อาจเกิดขึ้นได้ในบางครั้ง มีการแนะนำให้ใช้หลายวิธีรวมทั้งการรักษาโดยการผ่าตัดและไม่ผ่าตัดเพื่อเร่งการเคลื่อนของฟัน หลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการรักษาโดยไม่ผ่าตัดเพื่อเร่งการเคลื่อนของฟันในการจัดฟันได้รับการประเมินในการทบทวนวรรณกรรมนี้

ผู้เขียน Cochrane Oral Health ดำเนินการปรับปรุงการทบทวนการศึกษาที่มีอยู่อย่างเป็นระบบ หลักฐานที่เป็นฐานเป็นปัจจุบันจนถึงเดือนกันยายน 2022

ลักษณะการศึกษา

เรารวมการศึกษา 23 ฉบับที่มีผู้เข้าร่วมทั้งหมด 1027 คน ทั้งชายและหญิง เด็กและผู้ใหญ่ สิ่งเหล่านี้ทำการตรวจสอบอุปกรณ์ที่มีแรงสั่นสะเทือนด้วยแสง การรักษาด้วยเลเซอร์ระดับต่ำ และการรักษาด้วยไดโอดเปล่งแสง (LED) เป็นส่วนเสริมของการรักษาทางทันตกรรมจัดฟันทั้งในสถานพยาบาลเอกชนและโรงพยาบาลมหาวิทยาลัย การทดลองประเมินด้านต่างๆ ของการเคลื่อนฟันโดยการจัดฟันและผลข้างเคียง ในการศึกษา ผู้เข้าร่วมได้รับการรักษาด้วยเครื่องมือจัดฟันแบบติดแน่นหรือเครื่องมือจัดฟันแบบถอดได้ ผู้เข้าร่วมในการศึกษาทั้งหมดมีฟัน (ฟัน) เบียดเสียดใน 1 หรือทั้ง 2 ส่วนโค้ง การศึกษาบางฉบับรวมผู้เข้าร่วมที่ต้องถอนฟันเพื่อบรรเทาการเบียดของฟันและแก้ไขการสบฟันด้วยการปิดช่องว่าง ในขณะที่การศึกษาอื่น ๆ รวมผู้เข้าร่วมที่ไม่ต้องการถอนฟัน เปอร์เซ็นต์ของผู้เข้าร่วมที่สูญเสียการติดตามในการศึกษาที่รวมอยู่ในการทบทวนนี้อยู่ในช่วงตั้งแต่ 0% ถึง 27% ของตัวอย่างดั้งเดิม

การศึกษาประเมินผลลัพธ์ 7 ประการ ได้แก่ ระยะเวลาการรักษาทางทันตกรรมจัดฟัน จำนวนการนัดหมายที่จำเป็นในการปรับเครื่องมือจัดฟัน อัตราการเคลื่อนของฟันในการจัดฟันในระยะต่างๆ การรับรู้ความเจ็บปวดและความรู้สึกไม่สบายของผู้ป่วย ผู้ป่วยแจ้งว่าต้องการยาแก้ปวด และผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ มีความแตกต่างอย่างมากระหว่างการศึกษาบางเรื่อง อย่างไรก็ตาม เป็นไปได้ที่จะรวมผลการศึกษาบางอย่างเกี่ยวกับแรงสั่นสะเทือนของแสงและการรักษาด้วยเลเซอร์ในระดับต่ำ 

ผลการศึกษาที่สำคัญ

มีหลักฐานที่มีความแน่นอนต่ำที่บ่งชี้ว่าการใช้แรงสั่นสะเทือนเบาระหว่างการจัดฟัน (เครื่องมือติดแน่นหรือถอดได้) ไม่มีข้อได้เปรียบที่มีนัยสำคัญสำหรับผลลัพธ์ที่ประเมินใดๆ 

มีหลักฐานที่มีความแน่นอนต่ำมากที่บ่งชี้ว่าการใช้เลเซอร์ระดับต่ำและการรักษาด้วย LED สามารถลดระยะเวลาของระยะเริ่มต้นของการจัดฟันแบบติดแน่น (การจัดตำแหน่ง) แต่เป็นการยากที่จะประเมินผลกระทบของผลลัพธ์นี้ในแง่ระยะเวลาการรักษาการจัดฟันแบบครอบคลุมทั้งหมด

บทสรุป

จากหลักฐานที่มีอยู่อย่างจำกัด เราไม่พบประโยชน์จากการใช้แรงสั่นของแสงหรือการปรับทางชีวภาพด้วยแสงเพื่อลดระยะเวลาการรักษาทางทันตกรรมจัดฟัน อย่างไรก็ตาม อาจมีประโยชน์ที่เป็นไปได้จากการปรับกระบวนการทางชีวภาพด้วยแสงเพื่อลดระยะเวลาของการจัดฟันในระยะเริ่มต้นเท่านั้น และเพิ่มความเร็วในการเคลื่อนฟันของการจัดฟัน สิ่งสำคัญคือต้องตระหนักว่าผลลัพธ์จากระยะที่ไม่ต่อเนื่องไม่จำเป็นต้องมีผลกระทบเช่นเดียวกันกับระยะเวลาการรักษาทางทันตกรรมจัดฟันทั้งหมด จำเป็นต้องมีการศึกษาที่ออกแบบมาอย่างดีเพิ่มเติมพร้อมการติดตามผลที่ยาวนานขึ้น

ความน่าเชื่อถือของหลักฐาน

ความมั่นใจของเราเกี่ยวกับหลักฐานอยู่ในระดับต่ำถึงต่ำมาก

ข้อสรุปของผู้วิจัย: 

หลักฐานจากการทดลองแบบสุ่มที่มีกลุ่มควบคุมเกี่ยวกับประสิทธิผลของวิธีการที่ไม่ผ่าตัดเพื่อเร่งการรักษาทางทันตกรรมจัดฟันนั้นมีความเชื่อมั่นในระดับต่ำถึงต่ำมาก แสดงให้เห็นว่าไม่มีประโยชน์เพิ่มเติมของแรงสั่นสะเทือนของแสงหรือ photobiomodulation เพื่อลดระยะเวลาการรักษาทางทันตกรรมจัดฟัน แม้ว่าอาจมีประโยชน์จำกัดจากการประยุกต์ใช้ photobiomodulation เพื่อเร่งขั้นตอนการรักษาแบบไม่ต่อเนื่อง แต่ผลลัพธ์เหล่านี้ต้องตีความด้วยความระมัดระวังเนื่องจากความสำคัญทางคลินิกที่ยังน่าสงสัย จำเป็นต้องมี RCTs ที่ได้รับการออกแบบมาอย่างดีและเข้มงวดมากขึ้นซึ่งมีระยะเวลาติดตามผลที่ยาวนานขึ้นตั้งแต่เริ่มต้นจนสิ้นสุดการรักษาทางทันตกรรมจัดฟัน เพื่อพิจารณาว่าวิธีการที่ไม่ผ่าตัดอาจลดระยะเวลาการรักษาทางทันตกรรมจัดฟันลงด้วยจำนวนที่มีนัยสำคัญทางคลินิกโดยมีผลกระทบที่ไม่พึงประสงค์น้อยที่สุดหรือไม่

อ่านบทคัดย่อฉบับเต็ม
บทนำ: 

การเบี่ยงเบนจากการกัดปกติเรียกว่าเป็นการสบฟันที่ผิดปกติ การจัดฟันใช้เวลาเฉลี่ย 20 เดือนในการแก้ไขการสบฟันผิดปกติ การเร่งอัตราการเคลื่อนฟันอาจช่วยลดระยะเวลาการรักษาทางทันตกรรมจัดฟันและผลกระทบที่ไม่พึงประสงค์ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งการสลายตัวของรากฟันอักเสบ (OIIRR) การสลายแร่ธาตุ และการลดแรงจูงใจและการปฏิบัติตามของผู้ป่วย มีการสนับสนุนการรักษาเสริมแบบไม่ผ่าตัดหลายรายการโดยมีจุดประสงค์เพื่อเร่งอัตราการเคลื่อนฟันของทันตแพทย์จัดฟัน (OTM)        

วัตถุประสงค์: 

เพื่อประเมินผลของวิธีการแบบเสริมโดยไม่ผ่าตัดต่ออัตราการเคลื่อนของฟันในการจัดฟันและระยะเวลาการรักษาโดยรวม

วิธีการสืบค้น: 

ผู้เชี่ยวชาญด้านข้อมูลค้นหาฐานข้อมูลบรรณานุกรมห้าฐานข้อมูลจนถึงวันที่ 6 กันยายน 2022 และใช้วิธีการค้นหาเพิ่มเติมเพื่อหาการศึกษาที่ตีพิมพ์ ไม่ได้ตีพิมพ์ และที่กำลังดำเนินการอยู่

เกณฑ์การคัดเลือก: 

เรารวมการทดลองแบบสุ่มที่มีกลุ่มเปรียบเทียบ (RCTs) ของผู้ที่ได้รับการจัดฟันโดยใช้อุปกรณ์ติดแน่นหรือถอดได้พร้อมกับการแทรกแซงเสริมที่ไม่ผ่าตัดเพื่อเร่งการเคลื่อนฟัน เราไม่รวมการศึกษาแบบแยกปากและการศึกษาที่เกี่ยวข้องกับผู้ที่ได้รับการรักษาด้วยการผ่าตัดขากรรไกร หรือผู้ที่มีปากแหว่งเพดานโหว่ หรือกลุ่มอาการหรือความผิดปกติอื่นๆ ของกะโหลกศีรษะ

การรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล: 

ผู้ทบทวน 2 คนมีหน้าที่รับผิดชอบในการเลือกการศึกษา การประเมินความเสี่ยงของการมีอคติ และการดึงข้อมูล พวกเขาดำเนินงานเหล่านี้อย่างอิสระต่อกัน ความขัดแย้งได้รับการแก้ไขโดยการอภิปรายระหว่างทีมที่ทบทวนวรรณกรรมเพื่อให้ได้ฉันทามติ 

ผลการวิจัย: 

เรารวมการศึกษา 23 ฉบับ ซึ่งไม่มีการศึกษาใดที่ได้รับการจัดอันดับว่ามีความเสี่ยงของการมีอคติโดยรวมต่ำ เราจัดหมวดหมู่การศึกษาที่รวบรวมไว้เป็นการทดสอบแรงสั่นสะเทือนของแสงหรือโฟโตไบโอมอดูเลชัน ซึ่งวิธีหลังรวมการรักษาด้วยเลเซอร์ระดับต่ำและไดโอดเปล่งแสง การศึกษาประเมินวิธีการที่ไม่ใช่การผ่าตัดที่เพิ่มเข้าไปในเครื่องมือจัดฟันแบบติดแน่นหรือแบบถอดได้ เปรียบเทียบกับการรักษาโดยไม่ใช้การเสริม ผู้เข้าร่วมทั้งหมด 1027 คน (เด็กและผู้ใหญ่) ได้รับการคัดเลือกโดยมีการขาดการติดตามตั้งแต่ 0% ถึง 27% ของตัวอย่างดั้งเดิม 

ความน่าเชื่อถือของหลักฐาน

สำหรับการเปรียบเทียบและผลลัพธ์ทั้งหมดที่แสดงด้านล่าง ความเชื่อมั่นของหลักฐานอยู่ในระดับต่ำถึงต่ำมาก

Light vibrational forces

การศึกษา 11 ฉบับประเมินว่าการใช้ light vibrational forces (LVF) ส่งผลต่อการเคลื่อนตัวของฟันจากการจัดฟัน (OTM) อย่างไร ไม่มีหลักฐานของความแตกต่างระหว่างกลุ่มแทรกแซงและกลุ่มควบคุมสำหรับระยะเวลาการรักษาทางทันตกรรมจัดฟัน (MD -0.61 เดือน, ช่วงความเชื่อมั่น 95% (CI) -2.44 ถึง 1.22; การศึกษา 2 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 77 คน); จำนวนรวมของการนัดตรวจเครื่องมือจัดฟัน (การนัดตรวจ MD -0.32, 95% CI -1.69 ถึง 1.05; การศึกษา 2 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 77 คน); การเคลื่อนของฟันจากการจัดฟันในช่วงการเรียงตัวระยะแรก (การลดลงของความผิดปกติของฟันหน้าล่าง (LII)) ที่ 4-6 สัปดาห์ (MD 0.12 มม., 95% CI -1.77 ถึง 2.01; การศึกษา 3 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 144 คน) หรือ 10-16 สัปดาห์ (MD -0.18 มม., 95% CI -1.20 ถึง 0.83; การศึกษา 4 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 175 คน); อัตราของ canine distalisation (MD -0.01 มม./เดือน, 95% CI -0.20 ถึง 0.18; การศึกษา 2 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 40 คน); หรืออัตราของ OTM ระหว่างการปิดพื้นที่ขนาดใหญ่ (MD 0.10 มม. ต่อเดือน, 95% CI -0.08 ถึง 0.29; การศึกษา 2 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 81 คน) ไม่พบหลักฐานของความแตกต่างระหว่างกลุ่ม LVF และกลุ่มควบคุมในอัตรา OTM เมื่อใช้เครื่องมือจัดฟันแบบถอดได้ การศึกษาไม่ได้แสดงหลักฐานของความแตกต่างระหว่างกลุ่มสำหรับผลลัพธ์รองของเรา ในเรื่องการรับรู้ความเจ็บปวดของผู้ป่วย ความต้องการยาแก้ปวดในขั้นตอนต่างๆ ของการรักษาที่รายงานโดยผู้ป่วย และอันตรายหรือผลข้างเคียง 

Photobiomodulation

การศึกษา 10 ฉบับประเมินผลของการใช้ การรักษาด้วยเลเซอร์ระดับต่ำ (LLLT) ต่ออัตรา OTM เราพบว่าผู้เข้าร่วมในกลุ่ม LLLT มีระยะเวลาที่ฟันจะเรียงตัวในระยะแรกของการรักษาสั้นกว่าอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (MD -50 วัน, 95% CI -58 ถึง -42; การศึกษา 2 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 62 คน) และจำเป็นต้องมีการนัดหมายน้อยลง (-2.3, 95% CI -2.5 ถึง -2.0; การศึกษา 2 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 125 คน) ไม่มีหลักฐานของความแตกต่างระหว่าง LLLT และกลุ่มควบคุมใน OTM เมื่อประเมินเป็นเปอร์เซ็นที่ลดลงของ LII ในเดือนแรกของการจัดตำแหน่ง (1.63%, 95% CI -2.60 ถึง 5.86; การศึกษา 2 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 56 คน) หรือในเดือนที่ 2 (เปอร์เซ็นต์การลดลงของ MD 3.75%, 95% CI -1.74 ถึง 9.24; การศึกษา 2 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 56 คน) อย่างไรก็ตาม LLLT ส่งผลให้ OTM เพิ่มขึ้นในระหว่างขั้นตอนการปิดช่องว่างในส่วนโค้งขากรรไกรบน (MD 0.18 มม./เดือน, 95% CI 0.05 ถึง 0.33; การศึกษา 1 ฉบับ; ผู้เข้าร่วม 65 คน; ระดับความเชื่อมั่นต่ำมาก) และส่วนโค้งขากรรไกรล่าง (ข้างขวา MD 0.16 มม./เดือน, 95% CI 0.12 ถึง 0.19; การศึกษา 1 ฉบับ; ผู้เข้าร่วม 65 คน) นอกจากนี้ LLLT ยังส่งผลให้อัตรา OTM เพิ่มขึ้นในระหว่างการดึงกลับของฟันเขี้ยวขากรรไกรบน (MD 0.01 มม./เดือน, 95% CI 0 ถึง 0.02; การศึกษา 1 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 37 คน) สิ่งที่พบนี้ไม่มีนัยสำคัญทางคลินิก การศึกษาไมม่พบหลักฐานของความแตกต่างระหว่างกลุ่มสำหรับผลลัพธ์รองของเรา รวมถึง OIIRR, สุขภาพปริทันต์ และการรับรู้ความเจ็บปวดของผู้ป่วยในระยะแรกของการรักษา

การศึกษา 2 ฉบับประเมินอิทธิพลของการใช้ ไดโอดเปล่งแสง (LED) กับ OTM ผู้เข้าร่วมในกลุ่ม LED ต้องการเวลาที่สั้นกว่ามากในการจัดแนวส่วนโค้งของขากรรไกรล่างเมื่อเทียบกับกลุ่มควบคุม (MD -24.50 วัน, 95% CI -42.45 ถึง -6.55, การศึกษา 1 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 34 คน) ไม่มีหลักฐานว่าการใช้ LED เพิ่มอัตราของ OTM ระหว่างการดึงกลับของฟันเขี้ยวขากรรไกรบน (MD 0.01 มม./เดือน, 95% CI 0 ถึง 0.02; P = 0.28; การศึกษา 1 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 39 คน) ในแง่ของผลลัพธ์รอง การศึกษาหนึ่งประเมินการรับรู้ความเจ็บปวดของผู้ป่วย และไม่พบหลักฐานของความแตกต่างระหว่างกลุ่ม  

บันทึกการแปล: 

แปลโดย พญ.วิลาสินี หน่อแก้ว โรงพยาบาลมะเร็อุบลราชธานี Edit โดย พญ ผกากรอง ลุมพิกานนท์ 12 มกราคม 2024

Tools
Information