การรับประทานอาหารสำหรับผู้ที่รอดชีวิตจากโรคมะเร็ง

ความเป็นมา
อาหารเชื่อมโยงกับโรคมะเร็ง มีแนวทางด้านโภชนาการเพื่อป้องกันโรคมะเร็ง ผู้ที่รอดชีวิตจากโรคมะเร็งพบว่ามีจำนวนมากมีภาวะอื่นร่วมด้วยรวมถึงโรคระบบหัวใจและหลอดเลือด เบาหวาน หรือมะเร็งอื่นๆ ดังนั้นจึงน่าสนใจว่าผู้ป่วยหลังจากเป็นมะเร็งควรเปลี่ยนแปลงการเลือกรับประทานอาหาร มีความสำคัญที่จะทำการทบทวนนี้ เพื่อประเมินหลักฐานในการให้คำแนะนำด้านโภชนาการสำหรับผู้ที่รอดชีวิตจากโรคมะเร็ง

วัตถุประสงค์ของการทบทวน
การทบทวนนี้ประเมินหลักฐานเกี่ยวกับการจัดอาหารสำหรับผู้ที่รอดชีวิตจากโรคมะเร็ง

คุณภาพของหลักฐาน
คุณภาพของหลักฐานอยู่ในระดับต่ำถึงต่ำมาก การศึกษาส่วนใหญ่ไม่ได้ประเมินผลของการจัดอาหารต่อผลลัพธ์ที่สำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเสียชีวิตและการเจ็บป่วย อย่างไรก็ตาม การศึกษาจำนวนน้อยซึ่งหลักฐานมความเชื่อมั่นปานกลาง ศึกษาผลของอาหารและการวัดทางกายภาพ (physical measurements) รวบรวมการศึกษาที่เปรียบเทียบกลุ่มได้รับการจัดอาหารกับกลุ่มควบคุมหรือการดูแลตามปกติ เรารวมข้อมูลจาก randomised controlled trials (RCTs) และสรุปผลการทดลอง และตัดสินความน่าเชื่อถือ โดยใช้วิธี GRADE

ผลการศึกษาหลัก
เราพบ RCT 25 ฉบับ ที่เกี่ยวข้องกับการเปรียบเทียบ 27 รายการที่แตกต่างกัน ผลลัพธ์การศึกษาบางเรื่อง เราไม่พบหลักฐานเกี่ยวกับการจัดอาหาร เราพบบางหลักฐานว่ากลุ่มที่ได้รับการจัดอาหารอาจไม่ได้ปรับเปลี่ยนปริมาณพลังงาน อย่างไรก็ตาม บางหลักฐานแสดงให้เห็นว่าอาจเพิ่มการรับประทานผัก ผลไม้ (หลักฐานมีความเชื่อมั่นปานกลาง) หลักฐานเกี่ยวกับคำแนะนำแบบต่างๆ เรื่องใยอาหารเพื่อลดน้ำหนักหรือให้อาหารสุขภาพได้ผลแตกต่างกัน กลุ่มได้รับการจัดอาหารเปรียบเทียบกับกลุ่มควบคุมอาจเพิ่ม Diet Quality Index (หลักฐานความน่าเชื่อมั่นปานกลาง) เราพบว่าสำหรับการวัดทางกายภาพ กลุ่มได้รับการจัดอาหารมีดัชนีมวลกาย (BMI) ลดลงเมื่อเทียบกับกลุ่มควบคุม (หลักฐานมีความเชื่อมั่นปานกลาง) แต่มีหลักฐานเพียงเล็กน้อยว่ามีการเปลี่ยนแปลงของอัตราส่วนเอวต่อสะโพก (หลักฐานมีความเชื่อมั่นต่ำ) ผลการศึกษาเรื่องคุณภาพชีวิตแตกต่างกันจากเครื่องมือวัดที่ต่างกัน ไม่มีรายงานเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์

บทสรุป
หลักฐานที่มีอยู่แสดงให้เห็นว่าการจัดอาหารมีประโยชน์จากการเพิ่มคุณภาพทางโภชนาการจากการให้ผักผลไม้ การปรับเปลี่ยนปริมาณใยอาหารได้ผลแตกต่างกัน และพบประโยชน์เห็นได้จากสัดส่วนของร่างกาย รวมทั้ง BMI หลักฐานส่วนใหญ่ได้จากสตรีที่เป็นมะเร็งเต้านม ดังนั้นการวิจัยเพิ่มเติมเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้ป่วยที่มีโรคมะเร็งอื่นๆ ช่องว่างในหลักฐานที่พบเกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีใหม่ โรคประจำตัวและข้อมูลองค์ประกอบของร่างกาย

ข้อสรุปของผู้วิจัย: 

หลักฐานแสดงให้เห็นถึงผลเล็กน้อยของการจัดอาหารในการเสียชีวิตโดยรวมและมะเร็งทุติยภูมิ ไม่มีหลักฐานที่ระบุถึงโรคร่วม สำหรับผลทางโภชนาการ อาจจะมีน้อยหรือไม่มีผลต่อพลังงานที่รับประทาน แม้ว่าอาจบริโภคผลไม้และผักและ Diet Quality Index เพิ่มขึ้นเล็กน้อย ผลต่อการบริโภคใยอาหารได้ผลแบบผสม ดัชนีมวลกาย (BMI) ลดลงเล็กน้อย แต่อาจน้อยหรือไม่มีผลต่ออัตราส่วนเอวต่อสะโพก ผลเรื่องคุณภาพชีวิตมีความหลากหลายสูง ควรมีการวิจัยคุณภาพสูงเพิ่มเติม เพื่อตรวจสอบผลของอาหารต่อมะเร็งที่อวัยวะต่างๆ กัน เพื่อประเมินผลที่สำคัญรวมทั้งโรคประจำตัวและองค์ประกอบของร่างกาย หลักฐานเกี่ยวกับเทคโนโลยีใหม่ที่ใช้ในการนำเสนอการจัดอาหารมีจำกัด

อ่านบทคัดย่อฉบับเต็ม
บทนำ: 

International dietary ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพและการจัดการน้ำหนักตัวสำหรับผู้รอดชีวิตจากมะเร็ง อย่างไรก็ตาม ไม่ได้มีการจัดอาหารให้ผู้ที่มีชีวิตรอดหลังเป็นมะเร็งเป็นประจำ

วัตถุประสงค์: 

เพื่อประเมินผลของการจัดอาหารสำหรับผู้ใหญ่ที่รอดชีวิตจากมะเร็งจากการเจ็บป่วยและเสียชีวิต การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการรับประทานอาหาร องค์ประกอบของร่างกาย คุณภาพชีวิตเกี่ยวกับสุขภาพ และการวัดทางคลินิก

วิธีการสืบค้น: 

เราค้นหาในวันที่ 18 กันยายน 2019 และค้นหาจาก Cochrane Central Register of Controlled trials (CENTRAL) ใน Cochrane Library; MEDLINE ผ่าน Ovid; Embase ผ่าน Ovid; Allied and Complementary Medicine Database (AMED); Cumulative Index to Nursing and Allied Health Literature (CINAHL); และจาก Database of Abstracts of Reviews of Effects (DARE) เราค้นหาแหล่งข้อมูลอื่นๆ รวมถึงจากเอกสารอ้างอิงจากบทความที่รวบรวมมา ตลอดจนจากความคิดเห็นอื่นๆ ผลการศึกษาจาก International Trials Registry สำหรับการทดลองที่อยู่ระหว่างดำเนินการ, metaRegister, Physicians Data Query และเว็บไซต์ที่เหมาะสมสำหรับการทดลองที่อยู่ระหว่างดำเนินการ เราค้นหาบทคัดย่อจากการประชุมและ WorldCat สำหรับวิทยานิพนธ์

เกณฑ์การคัดเลือก: 

Randomised controlled trials (RCTs) ที่ติดตามผู้ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็ง การทดลองที่เป็นการให้คำแนะนำด้านอาหารโดยวิธีการใดๆ ทั้งการจัดกลุ่มการเรียนการสอน การโทรศัพท์ให้คำแนะนำ สื่อวัสดุหรือวิธีการบนเว็บ กุล่มเปรียบเทียบอาจจะเป็นการดูแลปกติหรือการให้ข้อมูลด้วยเอกสาร ผลการวัดประกอบด้วยการรอดชีพโดยรวม, ความเจ็บป่วย, มะเร็งทุติยภูมิ, การเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับการรับประทานอาหาร, การวัดสัดส่วนร่างกาย คุณภาพชีวิตและค่าทางชีวเคมี

การรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล: 

เราใช้ระเบียบวิธีการวิจัยตามมาตรฐานของ Cochrane ผู้วิจัย 2 คนทำการการประเมินชื่อเรื่องและบทความฉบับเต็ม ดึงข้อมูลและการประเมินความเสี่ยงของอคติโดยอิสระต่อกัน สำหรับการวิเคราะห์ เราใช้ random-effects statistical model ในการวิเคราะห์เมตต้า ทั้งหมดและวิธี GRADE เพื่อประเมินความน่าเชื่อของหลักฐาน พิจารณาข้อจำกัด ความไม่สอดคล้องกัน ความไม่ชัดเจนและอคติ

ผลการวิจัย: 

เรารวบรวม RCTs 25 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 7259 คน เป็นชาย 977 คน (13.5%) และสตรี 6282 คน (86.5%) ช่วงอายุเฉลี่ยระหว่าง 52.6 ถึง 71 ปี และช่วงของอายุของผู้เข้าร่วมระหว่าง 23 ถึง 85 ปี การทดลอง 27 ฉบับ เปรียบเทียบและรวมผู้เข้าร่วมที่ได้รอดชีวิตจากมะเร็งเต้านม (17 ฉบับ), มะเร็งลำไส้ใหญ่ (2 ฉบับ), มะเร็งทางนรีเวช (1 ฉบับ), และมะเร็งหลายอวัยวะ (5 ฉบับ)

อัตรารอดชีพกลุ่มได้รับการจัดอาหารและกลุ่มควบคุมมีความแตกต่างกันน้อยหรือไม่แตกต่างกัน (hazard ratio (HR) 0.98, 95% CI 0.77 ถึง 1.23; การศึกษา 1 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 3107 คน; หลักฐานมีความเชื่อมั่นต่ำ) สำหรับมะเร็งทุติยภูมิ กลุ่มได้รับการจัดอาหารและกลุ่มควบคุมมีความแตกต่างกันน้อยหรือไม่แตกต่างกัน (risk ratio (RR) 0.99, 95% CI 0.84 ถึง 1.15; การศึกษา 1 ฉบับ; ผู้เข้าร่วม 3107 คน; หลักฐานมีความเชื่อมั่นต่ำ) ไม่มีการวัดเกี่ยวกับความเจ็บป่วยร่วมในการศึกษาใดๆ

ผลลัพธ์ที่ตามมาที่มีการรายงานหลัง 12 เดือน พบว่าการจัดอาหารเทียบกับกลุ่มควบคุม มีความแตกต่างกันน้อยหรือไม่แตกต่างกันในปริมาณพลังงานที่รับประทานที่ 12 เดือน (mean difference (MD) -59.13 kcal, 95% CI -159.05 ถึง 37.79; การศึกษา 5 ฉบับ; ผู้เข้าร่วม 3283 คน; หลักฐานมีความเชื่อมั่นปานกลาง) การจัดอาหารเทียบกับกลุ่มควบคุม อาจมีการบริโภคผลไม้และผักเพิ่มขึ้นเล็กน้อย (MD 0.41 95% CI 0.10 ถึง 0.71; การศึกษา 5 ฉบับ; ผู้เข้าร่วม 834 คน; หลักฐานมีความเชื่อมั่นปานกลาง) ผลการบริโภคเส้นใยโดยรวม (MD 5.12 กรัม, 95% CI 0.66 ถึง 10.9; การศึกษา 2 ฉบับ; ผู้เข้าร่วม 3127 คน; หลักฐานมีความเชื่อมั่นต่ำมาก) และมีแนวโน้มที่ Diet Quality Index สูงขึ้น (MD 3.46, 95% CI 1.54 to 5.38; ผู้เข้าร่วม 747 คน; หลักฐานมีความเชื่อมั่นปานกลาง)

ด้านสัดส่วนของร่างกาย การจัดอาหารเทียบกับกล่มควบคุมอาจทำให้ดัชนีมวลกาย (BMI) ลดลงเล็กน้อย (MD -0.79 kg/m², 95% CI -1.50 ถึง -0.07; การศึกษา 4 ฉบับ; ผู้เข้าร่วม 777 คน; หลักฐานมีความเชื่อมั่นปานกลาง) การจัดอาหารเมื่อเทียบกับกลุ่มควบคุมอาจมีผลน้อยหรือไม่มีต่ออัตราส่วนเอวต่อสะโพก (MD -0.01, 95% CI -0.04 ถึง 0.02; การศึกษา 2 ฉบับ; ผู้เข้าร่วม 106 คน; หลักฐานมีความเชื่อมั่นต่ำ)

คุณภาพชีวิต ได้ผลแบบผสมกัน มีการใช้เครื่องมือประเมินคุณภาพที่แตกต่างกัน และหลักฐานมีความเชื่อมั่นต่ำมาก ไม่มีรายงานเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ในการศึกษาใดๆ

บันทึกการแปล: 

ผู้แปล เพียงจิตต์ ธารไพรสาณฑ์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น แปลเมื่อ 26 มีนาคม 2020 Edit โดย ผกากรอง 29 พฤศจิกายน 2022

Tools
Information