การรักษาด้วยยาปฏิชีวนะสำหรับผู้ใหญ่ที่มีโรคซิฟิลิสระบบประสาท

คำถามของการทบทวน

เราทบทวนประสิทธิภาพทางคลินิกและความปลอดภัยของการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะสำหรับผู้ใหญ่ที่มีโรคซิฟิลิสระบบประสาท

ที่มาและความสำคัญของปัญหา

ซิฟิลิสเป็นโรคที่เกิดจากสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กที่เรียกว่า Treponema pallidum ในระยะใดๆก็ตามของซิฟิลิส ผู้ป่วยสามารถเป็นโรคซิฟิลิสระบบประสาท ซึ่งเป็นการติดเชื้อของระบบประสาทส่วนกลาง (สมองและไขสันหลัง) การติดเชื้อสามารถแพร่กระจายไปทั่วระบบประสาทส่วนกลาง, ก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนในสมองและกระดูกสันหลัง มันอาจเกิดขึ้นในระยะแรกหรือระยะหลังของโรคซิฟิลิสและมันอาจมีผลกระทบอย่างรุนแรงสำหรับผู้ป่วย งานวิจัยได้แสดงให้เห็นว่าคนที่ติดเชื้อเอชไอวีมีแนวโน้มสูงที่จะเป็นโรคซิฟิลิสระบบประสาท ยาปฏิชีวนะที่ใช้ในการรักษาโรคซิฟิลิส ตัวเลือกแรกคือยาปฏิชีวนะ aqueous crystalline penicillin อย่างไรก็ตามในบางกรณี เช่น มีภาวะแพ้ penicillin ยาปฏิชีวนะอื่นๆสามารถใช้แทนได้

ลักษณะของการศึกษา

เราค้นหาวรรณกรรมทางการแพทย์จนถึงเดือนเมษายน 2019 เพื่อหาการทดลองที่ประเมินประสิทธิภาพและความปลอดภัยของยาที่เสนอสำหรับการจัดการโรคซิฟิลิสระบบประสาทในผู้ใหญ่ เราพบเพียงหนึ่งการทดลองทางคลินิกแบบสุ่มที่ตรงตามเกณฑ์ของเรา (ผู้ป่วยจะถูกสุ่มเข้าไปในกลุ่มที่จะได้รับการรักษาที่แตกต่างกัน) การทดลองนี้เกี่ยวข้องกับผู้ใหญ่ 36 คนที่เป็นทั้งซิฟิลิสและเอชไอวี ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย โดยมีอายุเฉลี่ย 34 ปี การทดลองเปรียบเทียบยา 2 ชนิด ได้แก่ ceftriaxone (2 กรัมวันละครั้ง) และ penicillin G (4 ล้านยูนิตทุก 4 ชั่วโมงเป็นเวลา 10 วัน) ซึ่งได้รับการสนับสนุนโดยบริษัทยา

การค้นพบที่สำคัญ

การทดลองรายงานการรักษาหายทางเซรุ่มวิทยา ซึ่งเป็นการลดระดับของการติดเชื้อที่แสดงโดยการวิเคราะห์ของเหลวในสมองและไขสันหลังในห้องปฏิบัติการ (เรียกว่าน้ำไขสันหลัง) และการรักษาหายทางคลินิกซึ่งหมายถึงไม่มีอาการแสดงหรืออาการของโรคซิฟิลิสระบบประสาท เพียง 3 ใน18 ผู้เข้าร่วมที่ได้รับ ceftriaxone และสองของ18ผู้เข้าร่วมที่ได้รับ penicillin G ประสบความสำเร็จในการรักษาหายทางเซรุ่มวิทยา และ 8 ใน18 ผู้เข้าร่วมที่ได้รับการรักษา ceftriaxone และ 2 ใน 18 ผู้เข้าร่วมที่ได้รับยา penicillin G ประสบความสำเร็จในการรักษาหายทางคลินิก

มีหลักฐานไม่เพียงพอที่จะช่วยให้เราสามารถบอกได้ว่ามีความแตกต่างระหว่างการรักษากับ ceftriaxone หรือ Penicillin G สำหรับโรคซิฟิลิสระบบประสาทในผู้ใหญ่ ผลลัพธ์ที่ประเมินได้นี้อาจเปลี่ยนแปลงได้เมื่อมีการทดลองที่มีการออกแบบที่ดีขึ้น นอกจากนี้ เราไม่พบหลักฐานใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับประสิทธิภาพและความปลอดภัยของยาอื่นๆ ที่มีการเสนอให้ใช้รักษาภาวะนี้

คุณภาพของหลักฐาน

คุณภาพของหลักฐานต่ำมากสำหรับผลลัพธ์การรักษาหายทางเซรุ่มและการรักษาหายทางคลินิกเนื่องจากปัญหาในการออกแบบและวิธีการของการทดลอง และเนื่องจากมีผู้เข้าร่วมเพียงเล็กน้อย

ข้อสรุปของผู้วิจัย: 

เนื่องจากคุณภาพต่ำและหลักฐานไม่เพียงพอ จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะระบุได้ว่ามีความแตกต่างระหว่างการรักษาด้วยเซฟไตรอะโซนหรือยาเพนนิซิลลิน จี นอกจากนี้ ยังไม่ทราบถึงประโยชน์ของผู้ที่ไม่มีเอชไอวีและที่มีโรคซิฟิลิสระบประสาท เช่นเดียวกับข้อมูลด้านความปลอดภัยของเซฟไตรอะโซน ดังนั้นควรตีความผลลัพธ์เหล่านี้ด้วยความระมัดระวัง ข้อสรุปนี้ไม่ได้หมายความว่าไม่ควรใช้ยาปฏิชีวนะในการรักษาโรคนี้ Cochrane Review นี้พบว่ามีความจำเป็นที่ต้อมีการทดลองที่มีอำนาจการทดสอบอย่างเพียงพอ ซึ่งควรได้รับการวางแผนตาม Standard Protocol Items ดังต่อไปนี้ Recommendations for Interventional Trials (SPIRIT) recommendations, ดำเนินการ และรายงานตาม the CONSORT statement นอกจากนี้ ผลลัพธ์ควรขึ้นอยู่กับมุมมองของผู้ป่วยโดยคำนึงถึงคำแนะนำของสถาบันวิจัย Patient-Centered Outcomes Research Institute (PCORI)

อ่านบทคัดย่อฉบับเต็ม
บทนำ: 

โรคซิฟิลิสระบบประสาทคือการติดเชื้อในระบบประสาทส่วนกลางที่เกิดจาก เชื้อ Treponema pallidum ซึ่งเป็นสไปโรคีทที่สามารถแพร่เชื้อไปยังอวัยวะหรือนื้อเยื่อใดๆทั่วร่างกายได้เกือบทั้งหมด ซึ่งทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนทางระบบประสาทอันเนื่องมาจากการติดเชื้อ โรคนี้เป็นการสำแดงในระยะที่ 3 ของซิฟิลิส การรักษาอันดับแรกสำหรับโรคซิฟิลิสระบบประสาทคือ aqueous crystalline penicillin อย่างไรก็ตาม ในบางกรณี เช่น การแพ้เพนิซิลลิน สามารถใช้การรักษาด้วยยาปฏิชีวนะแบบอื่นได้

วัตถุประสงค์: 

เพื่อประเมินประสิทธิภาพทางคลินิกและความปลอดภัยของการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะในผู้ใหญ่ที่เป็นโรคซิฟิลิสระบบประสาท

วิธีการสืบค้น: 

เราค้นหา Cochrane Library, CENTRAL, MEDLINE, Embase, LILACS, World Health Organization International Clinical Trials Registry Platform และ Opengrey จนถึงเดือนเมษายน 2019 นอกจากนี้เรายังค้นหาเอกสารการของการประชุม 8 การประขุมในระยะเวลาสูงสุด 10 ปี และเราติดต่อผู้เขียนบทความวิจัยเพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติม

เกณฑ์การคัดเลือก: 

เรารวมการทดลองทางคลินิกแบบสุ่มที่รวมทั้งเพศชายและหญิง โดยไม่คำนึงถึงอายุ ที่มีการวินิจฉัยยืนยันโรคซิฟิลิสระบบประสาท รวมถึงผู้ป่วยที่ติดเชื้อ HIV เราเปรียบเทียบการใช้ยาปฏิชีวนะใดๆ (ความเข้มข้น ขนาดยา ความถี่ ระยะเวลา) เทียบกับการใช้ยาปฏิชีวนะชนิดอื่นในการรักษาโรคซิฟิลิสระบประสาทในผู้ใหญ่

การรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล: 

ผู้ทบทวน 2 คนเลือกการทดลองที่เข้าเกณฑ์ ดึงข้อมูล และประเมินความเสี่ยงของอคติอย่างอิสระต่อกัน ผู้ประพันธ์การทบทวนคนที่ 3 เป็นผู้แก้ไขข้อขัดแย้ง สำหรับข้อมูลแบบแยกคู่ (การรักษาหายทางซีรั่ม การรักษาหายทางคลินิก เหตุการณ์ไม่พึงประสงค์) เรานำเสนอผลลัพธ์เป็นอัตราส่วนความเสี่ยงโดยสรุป (RR) ที่ช่วงความเชื่อมั่น 95% (CI) เราประเมินคุณภาพของหลักฐานโดยใช้แนวทาง GRADE

ผลการวิจัย: 

เราพบการทดลอง 1 ฉบับ มีผู้เข้าร่วม 36 คน​ วินิจฉัย ​ซิฟิลิสและเอชไอวี ผู้เข้าร่วมส่วนใหญ่เป็นเพศชาย โดยมีอายุเฉลี่ย 34 ปี การทดลองนี้ ​ได้รับทุนจากบริษัทยา โดยเปรียบเทียบ ceftriaxone ในผู้เข้าร่วม 18 คน (2 กรัมต่อวันเป็นเวลา 10 วัน) กับ penicillin G ผู้เข้าร่วม 18 คน (4 ล้าน/หน่วย (MU)/ทางหลอดเลือดดำ (IV) ทุก 4 ชั่วโมงเป็นเวลา 10 วัน) การทดลองรายงานผลสรุปที่ไม่สมบูรณ์และไม่สอดคล้องกัน ผู้เข้าร่วม 3 ใน 18 คน (16%) ที่ได้รับ ceftriaxone เทียบกับ 2 ใน 18 คน (11%) ที่ได้รับ penicillin G มีการรักษาหายทางเซรุ่มวิทยา (RR 1.50; 95% CI: 0.28 ถึง 7.93; การทดลอง 1 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 36 คน หลักฐานคุณภาพต่ำมาก); และ 8 ใน 18 คน (44%) ที่ได้รับ ceftriaxone เทียบกับ 2 ใน 18 คน (18%) ที่ได้รับ penicillin G มีการรักษาหายทางคลินิก (RR 4.00; 95% CI: 0.98 ถึง 16.30 น. การทดลอง 1 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 36 คน หลักฐานคุณภาพต่ำมาก) แม้ว่าผู้เข้าร่วมที่ได้รับ ceftriaxone จะประสบความสำเร็จในการรักษาทั้งทางเซรุ่มวิทยาและทางคลินิกเมื่อเทียบกับผู้ที่ได้รับยา penicillin G, หลักฐานจากการทดลองนี้ไม่เพียงพอที่จะตรวจสอบว่ามีความแตกต่างระหว่างการรักษาด้วย ceftriaxone หรือ penicillin G

ในการทดลองนี้ ผู้เขียนรายงานสิ่งที่มักจะเป็นเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์เป็นอาการและอาการแสดงในการติดตามผู้เข้าร่วม นอกจากนี้การทดลองนี้ไม่ได้ประเมินการเกิดซ้ำของโรคซิฟิลิสระบบประสาท เวลาในการหาย หรือคุณภาพชีวิต เราตัดสินความเสี่ยงของอคติในการทดลองทางคลินิกนี้ว่าไม่ชัดเจนเนื่องจากการสร้างลำดับของการสุ่ม การจัดสรรคนเข้ากลุ่มและการปิดบังผู้เข้าร่วม และสูงสำหรับข้อมูลผลลัพธ์ที่ไม่สมบูรณ์ ผลประโยชน์ทับซ้อนที่อาจเกิดขึ้น (อคติของเงินทุน) และอคติอื่นๆ เนื่องจากขาดการคำนวณขนาดกลุ่มตัวอย่าง เราให้คะแนนคุณภาพของหลักฐานว่าต่ำมาก

บันทึกการแปล: 

แปลโดย พญ.วิลาสินี หน่อแก้ว Edit โดย ผกากรอง 29 พฤศจิกายน 2022

Tools
Information