ความเป็นมา
ไวรัสตับอักเสบบี (HBV) เป็นไวรัสที่มีผลต่อตับ มักติดมาจากการใช้ยาเสพติดชนิดฉีด การรับเลือดที่ติดเชื้อ, การสักที่ไม่ถูกสุขลักษณะ การ้สัมผัสกับเลือดที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีหรือการมีเพศ สัมพันธ์ุโดยไม่มีการป้องกัน การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีเฉียบพลันเป็นช่วงเวลาที่ครอบคลุมระยะเวลาทันทีหลังจากการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี คนส่วนใหญ่จะไม่มีอาการ ประมาณ 5% ถึง 40% ของคนที่มีไวรัสตับอักเสบบีเฉียบพลันมีอาการเช่นดีซ่าน (ดวงตาและผิวหนังมีสีเหลือง), ปวดท้อง อ่อนเพลียคลื่นไส้และอาเจียน ในขณะที่คนส่วนใหญ่สามารถกำจัดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีหลังจากการติดเชื้อเฉียบพลันได้ แต่ในบางคนไวรัสยังคงอยู่ (การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีเรื้อรัง) และทำให้เกิดปัญหาสุขภาพที่สำคัญ (เหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้ามาก และในที่สุดอาจจบลงด้วยภาวะตับวาย นำไปสู่การอาเจียนเป็นเลือด อาการทางสมองและเสียชีวิต) บางครั้งคนที่มีไวรัสตับอักเสบบีเฉียบพลันอาจเกิดภาวะตับวายได้ทันที (การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีรุนแรงเฉียบพลัน) วิธีที่ดีที่สุดในการรักษาไวรัสตับอักเสบบีเฉียบพลันไม่ชัดเจน เราพยายามหาข้อมูลเพื่อตอบคำถามนี้ี่ี้ โดยการคันหาการทดลองทางคลินิกแบบสุ่ม (RCTs) (การศึกษาทางคลินิกที่ผู้ป่วยจะถูกสุ่มเป็นกลุ่มที่หนึ่ง หรือสองหรือมากกว่าสองของกลุ่มการรักษา) ซึ่งตีพิมพ์ถึงเดือนสิงหาคม 2016 เรารวมเฉพาะการศึกษาที่ผู้เข้าร่วมมีการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีเฉียบพลันที่ไม่เคยได้รับการปลูกถ่ายตับก่อนหน้านี้และไม่มีโรคตับเนื่องจากการติดเชื้อไวรัสอื่น ๆ นอกเหนือจากการใช้วิธีการ Cochrane มาตรฐานซึ่งจะช่วยเปรียบเทียบการรักษาสองอย่างในเวลาเดียวกัน (เปรียบเทียบโดยตรง) เราวางแผนที่จะใช้วิธีการขั้นสูงซึ่งจะช่วยให้การเปรียบเทียบการรักษาหลาย ๆ วิธีที่แตกต่างกัน (เครือข่าย meta-analysis) แต่เนื่องจากลักษณะของข้อมูลที่มีอยู่เราไม่สามารถตรวจสอบว่าผลการวิเคราะห์โดยเครือข่าย meta-analysis มีความน่าเชื่อถือหรือไม่ ดังนั้นเราจึงใช้วิธีการ Cochrane มาตรฐาน
ลักษณะการศึกษา
มี RCTs เจ็ดเรื่องซึ่งมีจำนวนผู้ป่วยที่รวมในการวิเคราะห์ข้อมูล 592 คน(จากคนที่ถูกสุ่ม 597 คน) ผู้เข้าร่วมการศึกษามีความรุนแรงของการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีเฉียบพลันที่แตกต่างกัน การรักษาหลักได้แก่ อิมมูโนโกลบูลินต่อไวรัสตับอักเสบบี(วัคซีน) interferon (โปรตีนที่หลั่งออกมาในการตอบสนองต่อการติดเชื้อไวรัส) lamivudine และ entecavir (ยา) ซึ่งถือว่าจะมีผลต้านไวรัสและเทียบกับยาหลอกหรือไม่ให้การรักษาใดๆ ระยะเวลาการติดผลการรักษาตั้งแต่สามเดือนถึงหนึ่งปีในการศึกษาหกเรื่องที่รายงานข้อมูลนี้
สองการศึกษาได้รับการสนับสนุนเงินทุนจากบริษัท ยา; สามการศึกษาได้รับการสนับสนุนโดยองค์กรที่ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับผลการศึกษาหรือไม่ได้รับการสนับสนุนเงินทุนพิเศษใด ๆ การศึกษาอีกสองเรื่องไม่ได้รายงานแหล่งที่มาของเงินทุน
คุณภาพของหลักฐาน
คุณภาพโดยรวมของหลักฐานอยู่ในระดับต่ำหรือต่ำมากและการทดลองทั้งหมดมีความเสี่ยงสูงของการมีอคติ (มีความเป็นไปได้สูงที่อาจมีสรุปผิดว่าการรักษามีประโยชน์หรือการประเมินผลเสียของการรักษาอาจต่ำกว่าความเป็นจริงเนื่องจากลักษณะของวิธีการศึกษา)
ผลที่สำคัญ
ไม่มีหลักฐานว่ามีความแตกต่างในการตายที่ระยะเวลาน้อยกว่าหนึ่งปีระหว่างกลุ่มที่ได้รับและไม่ได้รับการรักษา ผู้ที่มีอาการมากขึ้นกลายเป็นการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีเรื้อรังในกลุ่มที่ได้ lamivudine สูงกว่ากลุ่มที่ได้ยาหลอกหรือไม่ได้รับยาใดๆและในกลุ่มที่ได้ lamivudine เมื่อเทียบกับกลุ่มที่ได้ entecavir ไม่มีหลักฐานของความแตกต่างในสัดส่วนของคนที่เกิดการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีเรื้อรังระหว่าง entecavir และกลุ่มที่ไม่ได้ยา ไม่มีการศึกษาที่มีการรายงานการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีที่รุนแรงเฉียบพลัน ไม่มีเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ที่ร้ายแรงในกกลุ่มที่ให้การรักษาในการศึกษาที่ได้รายงานข้อมูลนี้ ร้อยละของผู้ที่เกิดเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์สูงขึ้นในกลุ่มที่ได้interferon (100%) เทียบกับกลุ่มยาหลอก (การรักษาจำลอง)(27%) ในการศึกษาที่ได้รายงานข้อมูลนี้ ไม่มีหลักฐานของความแตกต่างในอัตราร้อยละของผู้ที่เกิดเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์หรือจำนวนรวมของเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ในการเปรียบเทียบระหว่าง lamivudine เมื่อเทียบกับการที่ไม่ได้รักษา การศึกษาหนึ่งเรื่องรายงานคุณภาพชีวิตที่หนึ่งสัปดาห์ แต่ข้อมูลที่ให้ไว้ก็ไม่เพียงพอที่จะตรวจสอบว่ามีความแตกต่างระหว่าง interferon และกลุ่มยาหลอกใด ๆ ไม่มีการศึกษาที่รายงานคุณภาพชีวิตที่เกินหนึ่งสัปดาห์หรือผลลัพธ์ที่สำคัญอื่น ๆ เช่นการเสียชีวิตที่เกินกว่าหนึ่งปี ความเสียหายของตับที่เป็นมากขึ้น ตับวาย ความจำเป็นที่ต้องปลูกถ่ายตับหรือมะเร็งตับ ขณะนี้ยังไม่มีหลักฐานของการได้รับประโยชน์จากการรักษาใด ๆสำหรับการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีเฉียบพลันไม่มี มีความไม่แน่นอนอย่างมีนัยสำคัญและ RCTs ที่มีคุณภาพสูงเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องทำ
หลักฐานที่มีคุณภาพต่ำหรือต่ำมากแสดงให้เห็นว่าการพัฒนาไปสู่การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีเรื้อรังสูงขึ้นในคนที่ได้รับ lamivudine เมื่อเทียบกับยาหลอก หรือไม่มีการให้ยาหรือ entecavir หลักฐานที่มีคุณภาพต่ำแสดงให้เห็นว่า interferon อาจเพิ่มเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์หลังการรักษาการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีเฉียบพลัน จากหลักฐานที่มีคุณภาพต่ำมากในขณะนี้ยังไม่มีหลักฐานว่าการรักษาใดๆจะให้ประโยชน์สำหรับการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีเฉียบพลัน มีความไม่แน่นอนอย่างมีนัยสำคัญในผลการศึกษาและควรต้องมีการทำ RCTs ต่อไป
การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี (HBV) อาจมีอาการหรือไม่มีอาการ นอกเหนือจากการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีเรื้อรัง ภาวะแทรกซ้อนที่เกี่ยวข้องกับการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีได้แก่โรคไวรัสตับอักเสบบีเฉียบพลัน ไวรัสตับอักเสบเฉียบพลันรุนแรงซึ่งมักทำให้มีอาการตับวาย การรักษาการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีเฉียบพลันที่ดีที่สุดด้วยยายังมีข้อขัดแย้งอยู่
เพื่อประเมินผลประโยชน์และอันตรายของการรักษาด้วยยาสำหรับการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีเฉียบพลันผ่านเครือข่าย meta-analysis และเพื่อจัดอันดับของการรักษาที่มีอยู่ตามความปลอดภัยและประสิทธิภาพ เนื่องจากเป็นไปไม่ได้ที่จะประเมินว่าผลการรักษาในการเปรียนเทียบของแต่ละการศึกษามีความคล้ายคลึงกันหรือไม่ ผู้ทบทวนจึงไม่ได้ดำเนินการเครือข่าย meta-analysis และประเมินผลประโยชน์และอันตรายของการรักษาที่แตกต่างกันโดยใช้วิธีการ Cochrane มาตรฐาน
เราได้ค้นหา CENTRAL, MEDLINE, Embase, Science Citation Index Expanded, WHO International Clinical Trials Registry Platform,และ randomised clinical trials(RCTs) ที่ลงทะเบียนถึงเดือนสิงหาคม 2016 ระบุ RCTs ที่ให้การรักษาทางเภสัชวิทยาสำหรับการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีเฉียบพลัน
RCTs ไม่คำนึงถึงภาษา การปกปิดหรือสถานะตีพิมพ์ในผู้เข้าร่วมการศึกษาที่มีการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีเฉียบพลัน การศึกษาที่ถูกคัดออกได้แก่การที่ผู้เข้าร่วมศึกษาได้รับการปลูกถ่ายตับก่อนหน้านี้และมีโรคไวรัสอื่น ๆร่มด้วย เช่นไวรัสตับอักเสบซีและเอชไอวี พิจารณาการรักษาชนิดใด ๆ เมื่อเทียบกับการรักษาอื่นๆ หรือเทียบกับยาหลอก หรือเทียบกับการไม่ได้รักษา
ผู้ทบทวนคำนวณ odds ratio (OR) และ rate ratio ที่ช่วงความเชื่อมั่น 95% (CI) โดยใช้ทั้ง fixed-effect and random-effects models ขึ้นกับจำนวนผู้เข้าร่วมการศึกษาที่วิเคราะห์ได้โดยใช้ Review Manager 5. ประเมินความเสี่ยงของการมีอคติ ควบคุมความเสี่ยงของ random errors ด้วย Trial Sequential Analysis และประเมินคุณภาพของหลักฐานโดยใช้ GRADE.
การศึกษา เจ็ดเรื่อง (ผู้เข้าร่วม 597 คน ) เข้าเกณฑ์การคัดเลือก การศึกษาทั้งหมดให้ข้อมูลสำหรับผลการศึกษาหนึ่งอย่างหรือมากกว่า; แต่ผู้เข้าร่วม ห้า คนถูกตัดออกจากการวิเคราะห์โดยผู้ศึกษา การศึกษาทั้งหมดมีความเสี่ยงสูงของการมีอคติ โดยรวมหลักฐานทั้งหมดเป็นหลักฐานที่มีคุณภาพต่ำหรือต่ำมากเนื่องจากมีความเสี่ยงของการมีอคติ (ปรับลดลงในหนึ่งระดับสำหรับความเสี่ยงของการมีอคติ) ขนาดของกลุ่มตัวอย่างขนาดเล็ก (ปรับลดลงหนึ่งระดับสำหรับความไม่แน่ชัด) และ CIs กว้าง (ปรับลดลงอีกหนึ่งระดับสำหรับความไม่แน่ชัดในบางการเปรียบเทียบ) ในเจ็ดการศึกษา หกเรื่องมีการเปรียบเทียบระหว่างสองกลุ่ม ในขณะที่การศึกษาหนึ่งเรื่องเปรียบเทียบระหว่างสามกลุ่ม การรักษาที่เปรียบเทียบได้แก่ไวรัสตับอักเสบบีอิมมูโนโกลบูลิน (HBIG) เทียบกับยาหลอก (หนึ่งเรื่อง ผู้เข้าร่วม 55 คน); interferon เมื่อเทียบกับยาหลอก (สองเรื่อง; 200 คน); lamivudine เมื่อเทียบกับยาหลอกหรือไม่มีการให้ยา (สี่เรื่อง; 316 คน); lamivudine เมื่อเทียบกับ entecavir (หนึ่งเรื่อง 90 คน); และ entecavir เมื่อเทียบกับไม่มีการให้ยา (หนึ่งเรื่อง 131ู้้่คน) การหนึ่งเรื่องศึกษาเฉพาะผู้ที่มีไวรัสตับอักเสบบีเฉียบพลันและ hepatic encephalopathy (คือคนที่มีตับวายเฉียบพลัน); หนึ่งเรื่องรวมเฉพาะคนที่มีโรคไวรัสตับอักเสบบีเฉียบพลันง แต่ไม่ได้ระบุว่ามีคนที่มีการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีเฉียบพลัรุนแรงหรือไม่; การศึกษาสามเรื่องไม่รวมผู้ที่เป็นไวรัสตับอักเสบบีเฉียบพลันรุนแรง; และสองเรื่องไม่ได้รายงานความรุนแรงของการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีเฉียบพลัน ค่าเฉลี่ยหรือค่ามัธยฐานของระยะเวลาการติดตามผลการรักษาตั้งแต่สามเดือนถึง 12 เดือนในการศึกษาที่รายงานข้อมูลนี้
ไม่มีหลักฐานของความแตกต่างใด ๆ ในการเสียชีวิตในระยะสั้น (น้อยกว่าหนึ่งปี) ในกลุ่มที่เปรียบเทียบ: HBIG เมื่อเทียบกับยาหลอก (OR 1.13, 95% CI 0.36-3.54; ผู้เข้าร่วม = 55 คน; 1 การศึกษา) lamivudine เมื่อเทียบกับยาหลอกหรือ ไม่มีการให้ยา (OR 1.29, 95% CI 0.33-4.99; ผู้เข้าร่วม = 250 คน; 2 การศึกษา); lamivudine เมื่อเทียบกับ entecavir (OR 1.23, 95% CI 0.13-11.65; ผู้เข้าร่วม = 90 คน; 1 การศึกษา) หรือ entecavir เมื่อเทียบกับไม่มีการให้ยา (OR 1.05, 95% CI 0.12-9.47; ผู้เข้าร่วม = 131 คน; 1 การศึกษา) สัดส่วนของคนที่มีการเกิดการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีเรื้อรังสูงขึ้นในกลุ่มที่ได้ลามิวูดีนเทียบกับกลุ่มยาหลอกหรือไม่มีการให้ยา (OR 1.99, 95% CI 1.05-3.77; ผู้เข้าร่วม = 285 คน; 3 การศึกษา) และในกลุ่ม lamivudine เมื่อเทียบกับ entecavir ( OR 3.64, 95% CI 1.31 ถึง 10.13; ผู้เข้าร่วม = 90 คน; 1 การศึกษา) ไม่มีหลักฐานของความแตกต่างในสัดส่วนของคนที่เกิดการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีเรื้อรังระหว่าง entecavir และกลุ่มไม่มีการรักษา (OR 0.58, 95% CI 0.23-1.49; ผู้เข้าร่วม = 131 คน; 1 การศึกษา) ไม่มีการศึกษาที่มีการรายงานการเกิดการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีเฉียบพลันรุนแรง สามการศึกษาที่มีัผู้เข้าร่วม 371 คนรายงานเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ที่ร้ายแรง โดยไม่มีเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ที่ร้ายแรงในกลุ่มใดๆ ( กลุ่มที่ไม่มีการรักษา :0/183 (0%) interferon: 0/67 (0%) lamivudine: 0/100 (0%) และ entecavir: 0/21 (0%)) สัดส่วนของคนที่มีเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์สูงขึ้นในกลุ่ม interferon เมื่อเทียบกับกลุ่มที่ได้รับยาหลอก (OR 348.16, 95% CI 45.39-2,670.26; ผู้เข้าร่วม = 200 คน; 2 การศึกษา) ไม่มีหลักฐานของความแตกต่างในสัดส่วนของคนที่มีเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ระหว่างกลุ่ม lamivudine และยาหลอกหรือไม่มีการรักษา (OR 1.42, 95% CI 0.34-5.94 ; ผู้เข้าร่วม = 35 คน; 1 การศึกษา) หรือจำนวนเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ระหว่างกลุ่ม lamivudine และยาหลอกหรือไม่มีการรักษา ( rate ratio 1.72, 95% CI 1.01-2.91; ผู้เข้าร่วม = 35 คน; 1 การศึกษา) หนึ่งการศึกษาที่มีผู้เข้าร่วม 100 คนรายงานคุณภาพชีวิตที่หนึ่งสัปดาห์ ตัวชี้วัดที่ใช้รายงานคุณภาพชีวิตที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพไม่ได้ระบุไว้และขาดข้อมูลว่าคะแนนที่สูงขึ้นหมายถึงดีขึ้นหรือแย่ลง ทำให้เป็นเรื่องยากที่จะแปลผล ไม่มีการศึกษาที่มีการรายงานคุณภาพชีวิตที่เกินหนึ่งสัปดาห์หรือผลลัพธ์ทางคลินิกอื่น ๆ เช่นการเสียชีวิตที่เกินหนึ่งปี การปลูกถ่ายตับตับแข็ง decompensated cirrhosis หรือมะเร็งตับ
สองการศึกษาได้รับการสนับสนุนเงินทุนจาก บริษัทยา; สามการศึกษาได้รับการสนับสนุนโดยบุคคลที่ไม่มีส่วนได้เสียใด ๆกับผลการศึกษาหรือไม่ได้รับการสนับสนุนเงินทุนพิเศษใด ๆ อีกสองการศึกษาไม่ได้รายงานแหล่งที่มาของเงินทุน
Pagakrong Lumbiganon 25August 2017