ไซโตไคน์และสารกระตุ้นการเจริญเติบโตสามารถช่วยป้องกันอาการปวดปากและแผล (เยื่อเมือกในช่องปากอักเสบ) ในผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาโรคมะเร็งหรือไม่

คำถามของการทบทวนวรรณกรรม

การทบทวนวรณกรรมนี้จัดทำขึ้นเพื่อประเมินว่าการใช้ไซโตไคน์และสารกระตุ้นการเจริญเติบโตในระหว่างการรักษามะเร็งสามารถช่วยป้องกันอาการเจ็บในปากและแผลในปากได้หรือไม่

ความเป็นมา

อาการเจ็บปากและแผลเปื่อย (เยื่อเมือกในช่องปากอักเสบ) เป็นผลข้างเคียงของการรักษาโรคมะเร็ง จากเคมีบำบัด การฉายรังสีศีรษะและคอ และการรักษาแบบกำหนดเป้าหมาย ซึ่งส่งผลกระทบต่อผู้ป่วยมีความเสี่ยงสูงมากกว่า 75% แผลสามารถทำให้เกิดอาการปวดอย่างรุนแรงและทำให้ยากต่อการรับประทานอาหารและดื่มน้ำ ผู้ป่วยอาจต้องการยาแก้ปวดชนิดแรงเป็นไปได้ว่าจะต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล และต้องป้อนอาหารทางสายยางเข้าไปในกระเพาะอาหารหรือหลอดเลือดดำโดยตรง

ภาวะแทรกซ้อนเหล่านี้อาจรบกวนการรักษาโรคมะเร็ง ซึ่งหมายความว่าจะไม่ได้รับการรักษาที่ดีที่สุด ซึ่งอาจลดอัตราการรอดชีวิตได้ ผู้ป่วยโรคมะเร็งมีระบบภูมิคุ้มกันแย่ลงเนื่องจากการรักษา ซึ่งหมายความว่าร่างกายติดเชื้อได้ง่าย แผลเปื่อยเป็นแผลเปิดและมีความเสี่ยงที่แบคทีเรียสามารถเข้าสู่ร่างกายทำให้เกิดการติดเชื้อหรือภาวะติดเชื้อ (ปฏิกิริยาการอักเสบที่เป็นอันตรายของร่างกายต่อการติดเชื้อ)

อาการเจ็บปากและแผลในปากอาจมีค่าใช้จ่ายต่อระบบการรักษาพยาบาล มีวิธีป้องกันหรือการรักษาเพียงเล็กน้อยที่พิสูจน์แล้วว่ามีประโยชน์ ไซโตไคน์และสารกระตุ้นการเจริญเติบโตอาจช่วยสร้างเซลล์เยื่อบุในช่องปากขึ้นมาใหม่ ดังนั้นการป้องกันหรือการลดลงของเยื่อบุในช่องปากอักเสบ และมันเป็นผลกระทบด้านลบ

ลักษณะของการศึกษา

ผู้เขียนจาก Cochrane Oral Health Group ดำเนินการทบทวนการศึกษาที่มีอยู่ และหลักฐานเป็นปัจจุบันถึงวันที่ 10 พฤษภาคม 2017 ประกอบด้วยการศึกษา 35 ฉบับ (เผยแพร่ระหว่างปี 1993 ถึง 2017) โดยมีผู้เข้าร่วม 3102 ราย ผู้ป่วยทุกรายที่ได้รับการรักษาโรคมะเร็ง มีอายุตั้งแต่ 1 ถึง 87 ปี ผู้ทบทวนวรรณกรรมรวมการศึกษาที่เปรียบเทียบไซโตไคน์และสารกระตุ้นการเจริญเติบโตในการป้องกันเยื่อบุในช่องปากอักเสบ การศึกษานี้ดำเนินการทั่วโลกและมีหลากหลายลักษณะในแต่ละพื้นที่ แม้ว่าส่วนใหญ่เกิดขึ้นในประเทศที่มีรายได้สูงก็ตาม

ผลลัพธ์หลัก

การค้นพบหลักเกี่ยวกับสารกระตุ้นการเจริญเติบโตของเคราติโนไซต์ (KGF) KGF มีแนวโน้มที่จะลดความเสี่ยงของเยื่อบุในช่องปากอักเสบในผู้ใหญ่ที่ไไม่ว่าจะด้รับการฉายรังสีรักษาที่ศีรษะและลำคอกับเคมีบำบัด (ซิสพลาตินหรือฟลูออโรยูราซิล) หรือเคมีบำบัดเพียงอย่างเดียวสำหรับมะเร็งที่เป็นลักษณะแข็งและมะเร็งในเลือดร่วมกัน นอกจากนี้ KGF ยังอาจลดความเสี่ยงของเยื่อบุในช่องปากอักเสบในผู้ใหญ่ที่ได้รับการปลูกถ่ายไขกระดูก/สเต็มเซลล์หลังการบำบัดด้วยการปรับสภาพสำหรับมะเร็งเม็ดเลือด แต่ผลลัพธ์เหล่านี้ยังไม่ชัดเจนเนื่องจากมีปัจจัยแทรกซ้อนหลายประการ ดูเหมือนว่าการรักษา ด้วย KGF ค่อนข้างปลอดภัย ยังไม่พบผลข้างเคียงที่รุนแรงใด ๆของการรักษาที่ประเมินในการทบทวนวรรณกรรมนี้

เนื่องจากการวิจัยมีจำกัด ผู้ทบทวนวรรณกรรมจึงไม่มั่นใจถึงผลประโยชน์ใดๆ ของไซโตไคน์และสารกระตุ้นการเจริญเติบโตอื่นๆ ขณะนี้ยังไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะสรุปเกี่ยวกับการใช้ไซโตไคน์และสารกระตุ้นการเจริญเติบโตในเด็ก

คุณภาพของหลักฐาน

สำหรับการลดเยื่อเมือกในช่องปากอักเสบในผู้ใหญ่ที่ได้รับการฉายรังสีรักษาที่ศีรษะและคอกับเคมีบำบัด ผู้ทบทวนวรรณกรรมให้คะแนนหลักฐานของ KGF ว่ามีคุณภาพปานกลางถึงสูง สำหรับการลดเยื่อเมือกในช่องปากอักเสบในผู้ใหญ่ที่ได้รับเคมีบำบัดเพียงอย่างเดียวสำหรับมะเร็งที่เป็นลักษณะ mixed solid และมะเร็งในเลือด พวกเขาให้คะแนนหลักฐานของ KGF ว่ามีคุณภาพต่ำถึงปานกลาง หลักฐานนี้ถูกลดระดับลงเนื่องจากมีข้อมูลไม่เพียงพอและเนื่องจากผลลัพธ์บางส่วนยังไม่ได้รับการเผยแพร่ สำหรับการลดเยื่อเมือกในช่องปากในผู้ใหญ่ที่ได้รับการปลูกถ่ายไขกระดูก/สเต็มเซลล์หลังการบำบัดด้วยการปรับสภาพสำหรับมะเร็งเม็ดเลือด พวกเขาให้คะแนนหลักฐานของ KGF ว่ามีคุณภาพต่ำ เนื่องจากผลลัพธ์ไม่เหมือนกันระหว่างผลการศึกษาวิจัย และผลลัพธ์บางส่วนยังไม่ได้มีการเผยแพร่ หลักฐานเกี่ยวกับผลข้างเคียงของ KGF มีการรายงานน้อยและไม่สอดคล้องกัน

ข้อสรุปของผู้วิจัย: 

เรามั่นใจว่าผู้ที่ได้รับ KGF มีประโยชน์ในการป้องกันเยื่อบุในช่องปากอักเสบในผู้ใหญ่: a) การรักษาด้วยการฉายรังสีที่ศีรษะและลำคอด้วยซิสพลาตินหรือฟลูออโรยูราซิล; หรือ b) เคมีบำบัดเพียงอย่างเดียวสำหรับ mixed solid และ มะเร็งทางระบบเม็ดเลือด เราแทบไม่มีความมั่นใจเกี่ยวกับประโยชน์สำหรับ KGF ในผู้ใหญ่ที่ได้รับการปลูกถ่ายไขกระดูก/สเต็มเซลล์หลังจากการรักษามะเร็งทางระบบเม็ดเลือดเนื่องจากหลายปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับประชากรนั้น เช่นว่าพวกเขาได้รับการฉายรังสีทั่วร่างกาย หรือ ได้รับการปลูกถ่ายด้วย autologous (เซลล์ของผู้ป่วยเอง) หรือ allogeneic (เซลล์จากผู้บริจาค) หรือไม่ ดูเหมือนว่าการรักษา ด้วย KGF ค่อนข้างปลอดภัย

เนื่องจากมีการวิจัยที่จำกัด เราไม่มีความมั่นใจว่ามีประโยชน์ใดๆ จากไซโตไคน์และสารกระตุ้นการเจริญเติบโตอื่นๆ ขณะนี้ยังไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะสรุปเกี่ยวกับการใช้ไซโตไคน์และสารกระตุ้นการเจริญเติบโตในเด็ก

อ่านบทคัดย่อฉบับเต็ม
บทนำ: 

เยื่อบุในช่องปากอักเสบเป็นผลข้างเคียงจากการรักษาด้วยเคมีบำบัด การฉายรังสีที่ศีรษะและคอ และการรักษาแบบกำหนดเป้าหมาย ซึ่งมีความเสี่ยงสูงมากกว่า 75% ในผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยง การเป็นแผลสามารถนำไปสู่อาการเจ็บปวดรุนแรงและมีความยากลำบากในการรับประทานอาหารและดื่มน้ำ ซึ่งอาจจำเป็นต้องได้รับยาแก้ปวดกลุ่มโอปิออยด์ การรักษาในโรงพยาบาล และการเสริมสารอาหารทางโภชนาการ ภาวะแทรกซ้อนเหล่านี้อาจรบกวนการรักษาโรคมะเร็ง ซึ่งอาจลดอัตราการรอดชีวิต นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตจากภาวะติดเชื้อหากเชื้อโรคเข้าสู่แผลในผู้ป่วยที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง โรคเยื่อบุในช่องปากอักเสบเป็นแผลมีค่าใช้จ่ายที่สูงต่อระบบการรักษาพยาบาล และยังมีวิธีการป้องกันที่เป็นประโยชน์น้อยมาก ไซโตไคน์และสารกระตุ้นการเจริญเติบโตอาจช่วยสร้างเซลล์เยื่อบุในช่องปากขึ้นมาใหม่ ดังนั้นการป้องกันหรือการลดลงของเยื่อบุในช่องปากอักเสบ และผลกระทบด้านลบ

วัตถุประสงค์: 

เพื่อประเมินผลของไซโตไคน์และสารกระตุ้นการเจริญเติบโตสำหรับการป้องกันเยื่อบุในช่องปากอักเสบในผู้ป่วยโรคมะเร็งที่กำลังรับการรักษา

วิธีการสืบค้น: 

Cochrane Oral Health's Information Specialist ค้นหาในฐานข้อมูลต่อไปนี้: Cochrane Oral Health's Trials Register (สืบค้นเมื่อ 10 พฤษภาคม 2017); Cochrane Central Register of Controlled Trials (CENTRAL; 2017, ฉบับที่ 4) ใน Cochrane Library (สืบค้นเมื่อ 10 พฤษภาคม 2017); MEDLINE Ovid (1946 ถึง 10 พฤษภาคม 2017); Embase Ovid (7 ธันวาคม 2015 ถึง 10 พฤษภาคม 2017); CINAHL EBSCO (Cumulative Index to Nursing and Allied Health Literature; 1937 ถึง 10 พฤษภาคม 2017); และ CANCERLIT PubMed (1950 ถึง 10 พฤษภาคม 2017) ได้ค้นหาการทดลองที่กำลังดำเนินอยู่ในแพลตฟอร์มของ The US National Institutes of Health Ongoing Trials Register ( ClinicalTrials.gov ) และ the World Health Organization International Clinical Trials Registry Platform

เกณฑ์การคัดเลือก: 

เรารวมการทดลองแบบ parallel-design randomised controlled trials (RCTs) เพื่อประเมินผลของไซโตไคน์และสารกระตุ้นการเจริญเติบโตในผู้ป่วยโรคมะเร็งที่กำลังรับการรักษา

การรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล: 

ผู้วิจัย 2 คน ทำการคัดเลือกบทความทางอิเล็กทรอนิกส์ ดึงข้อมูล และประเมินความเสี่ยงของอคติอย่างเป็นอิสระต่อกัน สำหรับตัวแปรตามแบบสองตัวเลือก (binary) เรารายงานค่า risk ratio (RRs) และช่วงความเชื่อมั่น 95% (CI) สำหรับตัวแปรตามที่เป็นข้อมูลต่อเนื่อง เรารายงานค่าความแตกต่าของค่าเฉลี่ย (MD) และช่วงความเชื่อมั่น 95% เรารวบรวมการศึกษาที่คล้ายกันในการวิเคราะห์ random-effects meta-analyses เรารายงานผลข้างเคียงในรูปแบบการบรรยาย

ผลการวิจัย: 

เรารวม RCTs 35 ฉบับ อาสาสมัครในการวิเคราาะห์ 3102 ราย การศึกษา 13 ฉบับ มีความเสี่ยงของการมีอคติต่ำ การศึกษา 12 ฉบับ มีความเสี่ยงของการมีอคติไม่ชัดเจน และการศึกษา 10 ฉบับ มีความเสี่ยงสูงของการมีอคติ

การค้นพบหลักของเราเกี่ยวกับสารกระตุ้นการเจริญเติบโตชนิด keratinocyte (KGF) และสรุปได้ดังนี้

อาจมีการลดความเสี่ยงของเยื่อบุในช่องปากอักเสบระดับปานกลางถึงรุนแรงในผู้ใหญ่ที่ได้รับการปลูกถ่ายไขกระดูก/สเต็มเซลล์หลังการบำบัดเพื่อปรับสภาพสำหรับมะเร็งเม็ดเลือด (RR 0.89, 95% CI 0.80 ถึง 0.99; การศึกษา 6 ฉบับ; ผู้เข้าร่วม 852 ราย; หลักฐานคุณภาพต่ำ) เราจะต้องรักษาผู้ใหญ่ 11 คนด้วย KGF เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ใหญ่ 1 คนพัฒนาเป็นผลลัพธ์นี้ (95% CI 6 ถึง 112) อาจมีการลดความเสี่ยงของการเกิดเยื่อเมือกในช่องปากอย่างรุนแรงลงในประชากรกลุ่มนี้ แต่ก็มีความเป็นไปได้บางประการที่ความเสี่ยงจะเพิ่มขึ้น (RR 0.85, 95% CI 0.65 ถึง 1.11; การศึกษา 6 ฉบับ; ผู้เข้าร่วม 852 ราย; หลักฐานคุณภาพต่ำ) เราจะต้องรักษาผู้ใหญ่ 10 รายด้วย KGF เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ใหญ่ 1 รายพัฒนากลายเป็นผลลัพธ์นี้ (ช่วงความเชื่อมั่น 95% CI 5 ถึง 14 เพื่อป้องกันสาเหตุที่จะเกิดผลลัพธ์นี้)

อาจมีความเป็นไปได้ในการลดความเสี่ยงของเยื่อบุในช่องปากอักเสบระดับปานกลางถึงรุนแรงในผู้ใหญ่ที่ได้รับการฉายรังสีรักษาที่ศีรษะและลำคอด้วย cisplatin หรือ fluorouracil (RR 0.91, 95% CI 0.83 ถึง 1.00, การศึกษา 3 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 471 ราย, หลักฐานคุณภาพปานกลาง) เราจะต้องรักษาผู้ใหญ่ 12 คนด้วย KGF เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ใหญ่ 1 คนพัฒนาเป็นผลลัพธ์นี้ (95% CI 7 ถึง อนันต์) มีความเป็นไปได้สูงมากที่จะลดความเสี่ยงของเยื่อบุช่องปากอักเสบอย่างรุนแรงในประชากรกลุ่มนี้ (RR 0.79, 95% CI 0.69 ถึง 0.90, การศึกษา 3 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 471 ราย, หลักฐานคุณภาพสูง) เราจะต้องรักษาผู้ใหญ่ 7 ราย ด้วย KGF เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ใหญ่ 1 ราย พัฒนาเป็นผลลัพธ์นี้ (95% CI 5 ถึง 15)

มีความเป็นไปได้ที่จะลดความเสี่ยงของเยื่อบุในช่องปากอักเสบระดับปานกลางถึงรุนแรงในผู้ใหญ่ที่ได้รับเคมีบำบัดเพียงอย่างเดียวสำหรับมะเร็งที่เป็นทั้งลักษณะแข็งและมะเร็งเม็ดเลือด (RR 0.56, 95% CI 0.45 ถึง 0.70, การศึกษา 4 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 344 ราย, หลักฐานคุณภาพปานกลาง) เราจะต้องรักษาผู้ใหญ่ 4 ราย ด้วย KGF เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ใหญ่ 1 ราย พัฒนาเป็นผลลัพธ์นี้ (95% CI 3 ถึง 6) อาจมีความเป็นไปได้ที่จะลดความเสี่ยงของเยื่อบุช่องปากอักเสบอย่างรุนแรงในประชากรกลุ่มนี้ (RR 0.30, 95% CI 0.14 ถึง 0.65, การศึกษา 3 ราย, ผู้เข้าร่วม 263 ราย, หลักฐานคุณภาพต่ำ) เราจะต้องรักษาผู้ใหญ่ 10 ราย ด้วย KGF เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ใหญ่ 1 ราย พัฒนาเป็นผลลัพธ์นี้ (95% CI 8 ถึง 19)

เนื่องจากหลักฐานมีจำนวนน้อย การเปรียบเทียบในการศึกษาแบบเดี่ยว และขนาดตัวอย่างไม่เพียงพอ เราจึงไม่พบหลักฐานที่น่าสนใจเกี่ยวกับประโยชน์ของไซโตไคน์หรือสารกระตุ้นการเจริญเติบโตอื่นๆ และไม่มีหลักฐานในเด็ก ยังไม่พบผลข้างเคียงที่รุนแรงใด ๆของการรักษาที่ประเมินในการทบทวนวรรณกรรมนี้

บันทึกการแปล: 

แปลโดย ฎลกร จำปาหวาย

Tools
Information