ประโยชน์และความเสี่ยงของการทำศัลยกรรมตกแต่งเพื่อรักษาแผลกดทับมีอะไรบ้าง

ข้อความสำคัญ

- เราไม่แน่ใจเกี่ยวกับประโยชน์และความเสี่ยงของการทำศัลยกรรมตกแต่ง (บางครั้งเรียกว่าการทำศัลยกรรมพลาสติก) สำหรับการรักษาแผลกดทับ (บางครั้งเรียกว่าแผลกดทับ แผลกดทับ หรือการบาดเจ็บจากแรงกด)

- เราพบการศึกษาเล็กๆ 1 ฉบับ (ผู้เข้าร่วม 20 คน) ที่ตรวจสอบการทำศัลยกรรมตกแต่งในแผลกดทับที่ลึกและรักษายาก แต่เราไม่สามารถสรุปผลใดๆ จากผลลัพธ์ที่รายงานได้

- จำเป็นต้องมีการศึกษาที่ใหญ่กว่านี้และได้รับการออกแบบมาอย่างดีเพื่อสำรวจเรื่องที่มีความสำคัญนี้

แผลกดทับคืออะไร

แผลกดทับคือการบาดเจ็บที่ผิวหนังและเนื้อเยื่อซึ่งมักเกิดจากการอยู่ในท่าเดิมเป็นเวลานาน เมื่อแรงกดดันจากภายนอกเกิดขึ้นกับส่วนหนึ่งของร่างกายอย่างต่อเนื่อง การไหลเวียนของเลือดจะถูกจำกัดที่ผิวหนังและเนื้อเยื่อข้างใต้ อาจทำให้ผิวหนังหรือเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังถุกทำลายได้ โดยเฉพาะในบริเวณที่มีไขมันน้อย เช่น หลังส่วนล่างและส้นเท้า

ผู้ที่เสี่ยงต่อการเป็นแผลกดทับ ได้แก่ ผู้สูงอายุ ผู้ที่มีปัญหาด้านการเคลื่อนไหว (เช่น ผู้ใช้รถเข็น) และผู้ที่อยู่ในโรงพยาบาลเป็นเวลานาน

แผลกดทับมีการรักษาอย่างไร

แผลกดทับเป็นบาดแผลร้ายแรงที่ต้องใช้เงินมากในการรักษา ดังนั้นการดูแลจึงเน้นที่การป้องกันเป็นหลัก เมื่อเกิดแผลขึ้น ทางเลือกในการรักษา ได้แก่ การทำแผล ยาปฏิชีวนะ และน้ำยาฆ่าเชื้อ

การผ่าตัดศัลยกรรมตกแต่งมักจะสงวนไว้สำหรับแผลกดทับที่ลึกหรือยากต่อการรักษา การทำศัลยกรรมตกแต่งมีหลายประเภท แต่ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับการนำเนื้อเยื่อที่ตายแล้วออกจากบาดแผล จากนั้นจึงใช้เนื้อเยื่อเช่น กล้ามเนื้อ ไขมัน หรือผิวหนังจากส่วนอื่นๆ ของร่างกายเพื่อเติมเต็มโพรงบาดแผล

เราต้องการทราบอะไร

เราต้องการประเมินประโยชน์และความเสี่ยงของการทำศัลยกรรมตกแต่งเพื่อรักษาแผลกดทับเมื่อเปรียบเทียบกับการไม่ผ่าตัด และประโยชน์และความเสี่ยงของการทำศัลยกรรมตกแต่งประเภทต่างๆ เปรียบเทียบกัน ผลลัพธ์ที่เราสนใจคือ:

- การรักษาบาดแผลที่สมบูรณ์
- แผลเปิดใหม่หรือแผลใหม่เกิดขึ้นที่บริเวณเดียวกับแผลในครั้งก่อน
- การใช้ทรัพยากรและต้นทุน
- คุณภาพชีวิตด้านสุขภาพ
- การติดเชื้อที่บาดแผล; และ
- แผลใหม่เกิดขึ้นที่บริเวณต่าง ๆ ที่ต่างจากแผลในครั้งก่อน

เราทำอะไร

เราค้นหาฐานข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์และทะเบียนการทดลองสำหรับการทดลองแบบสุ่มที่มีกลุ่มควบคุม ซึ่งเป็นการศึกษาทางคลินิกที่สุ่มเลือกผู้เข้าร่วมไปยังกลุ่มการรักษาต่างๆ การออกแบบการศึกษาประเภทนี้สามารถให้หลักฐานที่เชื่อถือได้มากที่สุดเกี่ยวกับผลกระทบของการรักษา เรารวมการศึกษาที่ตรวจสอบผลของการผ่าตัดศัลยกรรมตกแต่งเพื่อรักษาแผลกดทับเมื่อเปรียบเทียบกับการไม่ผ่าตัด นอกจากนี้เรายังรวมการศึกษาที่เปรียบเทียบการทำศัลยกรรมตกแต่งประเภทต่างๆ เพื่อรักษาแผลกดทับ เราไม่มีข้อจำกัดด้านภาษา วันที่เผยแพร่ หรือสถานที่ทำการศึกษา เราให้คะแนนความเชื่อมั่นในหลักฐาน โดยพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ เช่น วิธีการศึกษาและจำนวนคนที่รวมอยู่ด้วย

เราพบอะไร

เราพบการศึกษาเล็กๆ 1 ฉบับ ซึ่งดำเนินการในสหรัฐอเมริกา และคัดเลือกผู้เข้าร่วม 20 คนในโรงพยาบาล การศึกษานี้ศึกษาเทคนิคการทำศัลยกรรมตกแต่งสองแบบสำหรับการรักษาแผลกดทับในระยะที่ 4 ซึ่งเกิดขึ้นกับผิวหนังทุกชั้นและมีการสูญเสียเนื้อเยื่อ การศึกษาไม่ได้ให้ข้อมูลที่เพียงพอเกี่ยวกับการหายของบาดแผล บาดแผลเปิดออก การกลับเป็นซ้ำของแผลหรือการติดเชื้อที่บาดแผล เพื่อให้เราตัดสินประสิทธิภาพของเทคนิคการผ่าตัดต่างๆ

ข้อจำกัดของหลักฐานคืออะไร

เราไม่แน่ใจว่าเทคนิคการผ่าตัดทั้งสองมีผลต่อการหายของบาดแผล การเปิดใหม่หรือการกลับเป็นซ้ำอย่างไร เนื่องจากการทดลองไม่ได้รับการดำเนินการหรือรายงานอย่างดี และมีผู้เข้าร่วมจำนวนน้อย

เราไม่แน่ใจเกี่ยวกับประโยชน์และโทษของการทำศัลยกรรมตกแต่ง และเทคนิคการผ่าตัดแบบต่างๆ สำหรับการรักษาแผลกดทับ จำเป็นต้องมีการวิจัยที่เข้มงวดมากขึ้นในเรื่องนี้ เนื่องจากผู้ป่วย ผู้ดูแล และผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพถือว่าเรื่องนี้เป็นประเด็นสำคัญ

หลักฐานนี้เป็นปัจจุบันแค่ไหน

นี่คือการปรับปรุงของการทบทานก่อนหน้านี้ หลักฐานเป็นข้อมูลล่าสุดจนถึงมกราคม 2022

ข้อสรุปของผู้วิจัย: 

ขณะนี้มีหลักฐานแบบสุ่มน้อยมากเกี่ยวกับบทบาทของการทำศัลยกรรมตกแต่งในการจัดการแผลกดทับ แม้ว่าจะถือเป็นประเด็นสำคัญ จำเป็นต้องมีการวิจัยที่เข้มงวดและแข็งแกร่งยิ่งขึ้นเพื่อสำรวจวิธีการที่ใช้นี้

อ่านบทคัดย่อฉบับเต็ม
บทนำ: 

มีวิธีการที่เป็นไปได้หลายประการสำหรับการจัดการแผลกดทับ (บางครั้งเรียกว่าการบาดเจ็บจากแรงกด) ตั้งแต่มาตรการบรรเทาการกดทับ เช่น การปรับตำแหน่ง ไปจนถึงการผ่าตัดตกแต่ง การผ่าตัดมักสงวนไว้สำหรับบาดแผลที่รักษายาก (ซึ่งกระบวนการหายของแผลได้หยุดชะงักหรือแผลไม่ตอบสนองต่อการรักษา) หรือแผลที่มีการสูญเสียผิวหนังเต็มความหนาและแผลเปิดจนถึงโครงสร้างชั้นลึกเช่นพังผืดของกล้ามเนื้อหรือกระดูก การผ่าตัดศัลยกรรมตกแต่งมักเกี่ยวข้องกับการตัดแต่งบาดแผลตามด้วยการเติมบาดแผลด้วยเนื้อเยื่อใหม่ แม้ว่าวิธีนี้จะเป็นวิธีที่เป็นที่ยอมรับในการจัดการแผล แต่ประโยชน์และโทษของวิธีการผ่าตัดที่แตกต่างกัน หรือการรักษาโดยการไม่ผ่าตัด นั้นไม่ชัดเจน นี่คือการปรับปรุงของ Cochrane Review ที่เผยแพร่ในปี 2016

วัตถุประสงค์: 

เพื่อประเมินผลของการทำศัลยกรรมตกแต่งประเภทต่างๆ ในการรักษาแผลกดทับ (ประเภท/ระยะที่ II หรือสูงกว่า) เปรียบเทียบกับการไม่ผ่าตัดหรือวิธีการผ่าตัดตกแต่งแบบอื่นๆ ในสถานพยาบาลทุกชนิด

วิธีการสืบค้น: 

เราใช้วิธีการค้นหา Cochrane แบบมาตรฐานและครอบคลุม วันที่ค้นหาล่าสุดคือ มกราคม 2022

เกณฑ์การคัดเลือก: 

งานวิจัยแบบสุ่มที่มีกลุ่มควบคุม (RCTs) ที่เผยแพร่หรือไม่ได้เผยแพร่ที่ประเมินการในการทำศัลยกรรมตกแต่งเพื่อรักษาแผลกดทับ

การรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล: 

ผู้ทบทวนสองคนเลือกการศึกษา ดึงข้อมูลการศึกษา ประเมินความเสี่ยงของอคติ และทำการประเมิน GRADE อย่างอิสระต่อกัน ผู้เขียนบททบทวนคนที่สามจะมีส่วนร่วมในกรณีที่มีความขัดแย้ง

ผลการวิจัย: 

เราพบ RCT 1 ฉบับที่ดำเนินการในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในสหรัฐอเมริกา มีผู้เข้าร่วม 20 คนที่มีอายุระหว่าง 20 ถึง 70 ปีที่มีแผลกดทับขั้นที่ 4 ที่ตำแหน่ง ischial หรือ sacral (ผิวหนังทุกชั้นและมีการสูญเสียเนื้อเยื่อ) การศึกษาเปรียบเทียบเทคนิคการผ่าตัดตกแต่ง 2 แบบสำหรับแผลกดทับในระดับ 4 ได้แก่ การผ่าตัดปิดบาดแผลแบบธรรมดาและการผ่าตัดแผ่นปิดแผ่นกดทับ โดยที่ส่วนปลายของแผ่นผิวส่วนใหญ่จะถูกขจัดเยื่อบุผิวและฝังไว้ลึกเพื่อขจัดพื้นที่ที่ตายแล้ว ไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนสำหรับผลลัพธ์ใดๆ ของเรา แม้ว่าเราจะดึงข้อมูลบางส่วนเกี่ยวกับการหายของบาดแผลอย่างสมบูรณ์ การแยกตัวของบาดแผล การกลับเป็นซ้ำของแผลกดทับ และการติดเชื้อที่บาดแผล เราให้คะแนนหลักฐานสำหรับผลลัพธ์เหล่านี้ว่ามีความแน่นอนต่ำมาก การศึกษาไม่ได้ให้ข้อมูลสำหรับผลลัพธ์อื่นใด

บันทึกการแปล: 

แปลโดย พญ.วิลาสินี หน่อแก้ว Edit โดย ผกากรอง 30 ธันวาคม 2022

Tools
Information