ใจความสำคัญ
• โปรไบโอติกอาจมีผลกระทบเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลยต่อความเสี่ยงของการติดเชื้อในเลือดในทารกที่เกิดจากการตั้งครรภ์ 35 สัปดาห์ขึ้นไปที่ได้รับการผ่าตัดระบบทางเดินอาหาร (ท่ออาหาร กระเพาะอาหาร หรือลำไส้)
• โปรไบโอติกอาจเพิ่มสัดส่วนของแบคทีเรีย 'ดี' ในลำไส้ แต่เราไม่รู้ว่าสิ่งนี้มีประโยชน์ต่อทารกจริงหรือไม่
โปรไบโอติกคืออะไร
โปรไบโอติกเป็นแบคทีเรียที่มีชีวิตซึ่งอาจให้ประโยชน์ต่อสุขภาพเมื่อบริโภค มีหลักฐานว่าโปรไบโอติกสามารถป้องกันโรคลำไส้อักเสบ (necrotising enterocolitis) และการติดเชื้อในทารกที่คลอดก่อนกำหนดได้
ความเสี่ยงของการผ่าตัดลำไส้ในทารกมีอะไรบ้าง
การผ่าตัดระบบทางเดินอาหารเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ และการติดเชื้ออาจทำให้ต้องอยู่โรงพยาบาลนานขึ้น การรักษาด้วยยาปฏิชีวนะ (ยาที่ใช้รักษาการติดเชื้อแบคทีเรีย) และความเครียดจากการผ่าตัดสามารถลดแบคทีเรีย "ชนิดดี" ในลำไส้ได้
เราต้องการค้นหาอะไร
เราต้องการทราบว่าการให้โปรไบโอติกแก่ทารกที่เกิดจากการตั้งครรภ์ตั้งแต่อายุครรภ์ 35 สัปดาห์ที่เข้ารับการผ่าตัดกระเพาะอาหารหรือลำไส้จะช่วยปรับปรุงอัตราการติดเชื้อ ระยะเวลาในการอยู่โรงพยาบาล อัตราการเสียชีวิต การให้อาหาร และสัดส่วนของแบคทีเรีย 'ชนิดดี' ในกระเพาะอาหารและลำไส้ ได้หรือไม่
เราทำอะไร
เราค้นหาการศึกษาที่สุ่มให้ทารกได้รับการรักษาในกลุ่มทดลอง (โปรไบโอติก) หรือกลุ่มควบคุม ซึ่งอาจเป็นยาหลอก (การรักษา "หลอก" ที่ไม่มียาใดๆ แต่รูปลักษณ์หรือรสชาติเหมือนกับยาที่กำลังทดสอบ) หรือไม่มีการรักษาเลย
เราพบอะไร
เราพบการศึกษาเล็กๆ 1 ฉบับ ศึกษาในทารก 61 รายที่เกิดจากการตั้งครรภ์ 35 สัปดาห์ขึ้นไปที่ได้รับการผ่าตัดระบบทางเดินอาหาร ทารก 30 คนได้รับโปรไบโอติกหลังการผ่าตัด และ 30 คนได้รับยาหลอก
ในกลุ่มโปรไบโอติก ทารก 13% มีการติดเชื้อในเลือด เทียบกับ 19% ในกลุ่มยาหลอก ความแตกต่างนี้น้อยเกินกว่าจะมีนัยสำคัญ
โดยเฉลี่ยแล้ว ทารกในกลุ่มโปรไบโอติกจะได้รับอาหารเข้าสู่กระเพาะอาหารเร็วกว่ากลุ่มที่ได้รับยาหลอกประมาณ 15 ชั่วโมง ขอย้ำอีกครั้งว่าความแตกต่างนี้ไม่สำคัญ
ในทารก 39 รายที่ได้รับการทดสอบ เด็กที่อยู่ในกลุ่มโปรไบโอติก มีแบคทีเรีย 'ดี' ในลำไส้จำนวนมากกว่าเมื่อเทียบกับกลุ่มยาหลอก
ข้อจำกัดของหลักฐานคืออะไร
เรามีความมั่นใจน้อยในหลักฐานเนื่องจากเป็นการศึกษาเดี่ยวที่มีผู้เข้าร่วมน้อย หลักฐานไม่ชัดเจนพอที่จะสนับสนุนการให้โปรไบโอติกเป็นประจำ จำเป็นต้องมีการศึกษาขนาดใหญ่ที่ได้รับการออกแบบมาอย่างดีเพื่อพิจารณาประโยชน์และโทษของการให้โปรไบโอติกแก่ทารกแรกเกิดหลังการผ่าตัดระบบทางเดินอาหาร
หลักฐานนี้เป็นปัจจุบันแค่ไหน
หลักฐานเป็นข้อมูลล่าสุดจนถึงเดือนสิงหาคม 2023
การทบทวนนี้ให้หลักฐานที่มีความเชื่อมั่นต่ำจากการทดลองแบบสุ่มที่มีกลุ่มเปรียบเทียบ (RCT) ขนาดเล็กฉบับหนึ่งว่าโปรไบโอติกเมื่อเปรียบเทียบกับยาหลอกมีผลเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลยต่อความเสี่ยงของการติดเชื้อที่พิสูจน์แล้ว (การเพาะเชื้อแบคทีเรียได้ผลบวก เฉพาะที่หรือทั่วทั้งระบบ) หรือเวลาในการให้อาหารทางปากได้เต็มที่ในทารกแรกเกิดที่ได้รับการผ่าตัดระบบทางเดินอาหาร
โปรไบโอติกอาจเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ของแบคทีเรียที่เป็นประโยชน์ในลำไส้ของทารกแรกเกิดเหล่านี้อย่างมาก แต่ยังไม่ทราบผลกระทบทางคลินิกของการค้นพบนี้
มีความจำเป็นต้องมี RCT ที่มี power เพียงพอเพื่อประเมินบทบาทของโปรไบโอติกในประชากรกลุ่มนี้
เราพบการศึกษาที่กำลังดำเนินอยู่ 2 รายการ เนื่องจากไม่ได้รายงานอายุครรภ์ของผู้เข้าร่วมการศึกษาในการศึกษาทั้ง 2 เรื่องนี้ เราจึงไม่แน่ใจว่าการศึกษาจะมีสิทธิ์ได้รวมในการทบทวนนี้หรือไม่
จุลินทรีย์ในลำไส้มีบทบาทสำคัญในการสร้างกำแพงป้องกันการอยู่อาศัยของเชื้อโรค ช่วยในการทำงานของการเผาผลาญที่สำคัญ กระตุ้นการพัฒนาของระบบภูมิคุ้มกัน และรักษาการเคลื่อนไหวของลำไส้ โปรไบโอติกเป็นจุลินทรีย์ที่มีชีวิตซึ่งสามารถให้เพื่อเสริมจุลินทรีย์ประจำถิ่นในลำไส้ได้ ทารกแรกเกิดที่ได้รับการผ่าตัดระบบทางเดินอาหารจะมีความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนจากการติดเชื้อมากเป็นพิเศษในช่วงหลังการผ่าตัด ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะการเสียสมดุลของความสมบูรณ์ของลำไส้และจุลินทรีย์ประจำถิ่นในลำไส้ โปรไบโอติกอาจมีบทบาทในการลดอุบัติการณ์ของการติดเชื้อและปรับปรุงการเคลื่อนไหวของลำไส้ ซึ่งช่วยลดอัตราการเจ็บป่วยและการเสียชีวิต และปรับปรุงการให้อาหารทางลำไส้ในทารกแรกเกิดในช่วงหลังการผ่าตัด
เพื่อประเมินประสิทธิภาพและความปลอดภัยของการให้โปรไบโอติกหลังการผ่าตัดระบบทางเดินอาหารสำหรับการดูแลหลังผ่าตัดของทารกแรกเกิดที่มีอายุครรภ์ตั้งแต่ 35 สัปดาห์
เราสืบค้นใน CENTRAL, MEDLINE, Embase และทะเบียนการทดลองในเดือนสิงหาคม 2023 เราตรวจสอบรายการอ้างอิงของการศึกษาที่รวบรวมและการทบทวนวรรณกรรมอย่างเป็นระบบที่เกี่ยวข้องสำหรับการศึกษา
เรารวมการทดลองแบบสุ่มที่มีกลุ่มเปรียบเทียบ (RCTs) ที่ตรวจสอบการให้โปรไบโอติกแบบรับประทานหลังการผ่าตัดเทียบกับยาหลอกหรือการไม่รักษาในทารกแรกเกิดที่มีอายุครรภ์ 35 สัปดาห์ขึ้นไปซึ่งมีการผ่าตัดระบบทางเดินอาหารอย่างน้อย 1 ครั้ง เราไม่มีข้อจำกัดเกี่ยวกับประเภทหรือปริมาณของโปรไบโอติกหรือระยะเวลาของการรักษา
เราใช้วิธีมาตรฐานของ Cochrane และ GRADE เพื่อประเมินความเชื่อมั่นของหลักฐาน
เราพบ RCT 1 ฉบับที่คัดเลือกทารกแรกเกิด 61 รายที่มีอายุครรภ์ 35 สัปดาห์ขึ้นไป ทารกทุกคนเข้ารับการรักษาในหอผู้ป่วยหนักทารกแรกเกิดและได้รับการผ่าตัดโรคระบบทางเดินอาหาร
อาจมีความแตกต่างเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลยในการติดเชื้อที่พิสูจน์แล้ว (การเพาะเชื้อแบคทีเรียให้ผลบวก เฉพาะที่หรือทั่วร่างกาย) ระหว่างทารกที่ได้รับโปรไบโอติก เมื่อเทียบกับผู้ที่ได้รับยาหลอก (odds ratio (OR) 0.64, 95% ช่วงความเชื่อมั่น (CI) 0.16 ถึง 2.55; ทารก 61 คน; หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำ) โปรไบโอติกเมื่อเทียบกับยาหลอกอาจมีผลกระทบเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลยต่อเวลาในการให้อาหารทางปากเต็มรูปแบบ (meanความแตกต่าง (MD) 0.63 วัน, 95% CI −4.02 ถึง 5.28; ทารก 61 คน; หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำ) ไม่มีรายงานการเสียชีวิตก่อนออกจากโรงพยาบาลในกลุ่มการศึกษาทั้ง 2 กลุ่ม
2 สัปดาห์หลังจากการเสริม ทารกที่ได้รับโปรไบโอติกมีปริมาณจุลินทรีย์ในลำไส้ที่ไม่ทำให้เกิดโรค (Bifidobacteriaceae) ในปริมาณสูงกว่ากลุ่มที่ได้รับยาหลอก (MD 38.22, 95% CI 28.40 ถึง 48.04; ทารก 39 คน; หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำ)
แปลโดย พญ.วิลาสินี หน่อแก้ว โรงพยาบาลมะเร็งอุบลราชธานี Edit โดย พ.ญ. ผกากรอง ลุมพิกานนท์ 31 กรกฎาคม 2024