คำถามของการทบทวนวรรณกรรม
การรักษาที่ใช้ยากลุ่ม anticholinergics ซึ่งช่วยบรรเทาอาการหดเกร็งที่ผิดปกติของกระเพาะปัสสาวะ (ทำให้ผู้ป่วยไม่สามารถควบคุมการปัสสาวะได้) และยากลุ่ม alpha-blockers ซึ่งช่วยคลายกล้ามเนื้อท่อปัสสาวะ (ท่อที่นำปัสสาวะจากกระเพาะปัสสาวะออกทางอวัยวะเพศขณะปัสสาวะ) จะมีประสิทธิผลและปลอดภัยในการบรรเทาอาการปัสสาวะลำบากและกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ที่เกิดจากต่อมลูกหมากโตได้หรือไม่
ที่มาและความสำคัญ
อาการปัสสาวะลำบากและกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ที่เกิดจากต่อมลูกหมากโต (ต่อมที่อยู่ใกล้กระเพาะปัสสาวะและล้อมรอบส่วนหนึ่งของท่อปัสสาวะ) พบได้บ่อยในผู้ชาย แม้ว่ายากลุ่ม alpha-blockers จะถูกนำมาใช้เพื่อบรรเทาอาการเหล่านี้ แต่ผู้ป่วยถึงหนึ่งในสามไม่เห็นผลจากการรักษา การใช้ยาร่วมกันของ alpha-blockers และ anticholinergics จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการรักษาผู้ชายที่มีอาการของระบบทางเดินปัสสาวะ
ลักษณะของการศึกษา
ผู้วิจัยได้ทำการสืบค้นจนถึงวันที่ 7 เดือนสิงหาคม 2020 และรวบรวมการศึกษาได้ 23 ฉบับ มีผู้เข้าร่วม 6285 คน มีการศึกษา 5 ฉบับที่เปรียบเทียบการรักษาด้วย anticholinergics ร่วมกับ alpha-blockers เทียบกับยาหลอก (เม็ดยาที่ไม่มีฤทธิ์ในการรักษา), การศึกษา 22 ฉบับที่เปรียบเทียบการรักษาด้วย anticholinergics และ alpha-blockers เทียบกับยา alpha-blockers เพียงตัวเดียว, การศึกษา 3 ฉบับที่เปรียบเทียบการรักษาด้วย anticholinergics และ alpha-blockers เทียบกับยา anticholinergics เพียงตัวเดียว ระยะเวลาติดตามผลในการศึกษาอยู่ระหว่าง 12 สัปดาห์ถึงหนึ่งปี
ผลลัพธ์ที่สำคัญ
การใช้ยาสองชนิดเทียบกับยาหลอก: การรักษาด้วย anticholinergics ร่วมกับ alpha-blockers บรรเทาอาการทางเดินปัสสาวะได้เพียงเล็กน้อยและไม่ชัดเจนว่าช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตหรือไม่ แต่อาจเพิ่มผลข้างเคียงที่ไม่ต้องการได้
การใช้ยาสองชนิดเทียบกับยา alpha-blockers: การรักษาด้วย anticholinergics ร่วมกับ alpha-blockers มีผลที่ไม่ชัดเจนเกี่ยวกับการบรรเทาอาการทางเดินปัสสาวะและผลต่อคุณภาพชีวิต เมื่อเทียบกับ alpha-blockers เพียงอย่างเดียว แต่การใช้ยาสองชนิดอาจไม่เพิ่มผลข้างเคียง
่การใช้ยาสองชนิดเปรียบเทียบกับยา anticholinergics: การรักษาด้วย anticholinergics ร่วมกับ alpha-blockers มีผลที่ไม่ชัดเจนเกี่ยวกับการบรรเทาอาการทางเดินปัสสาวะ แต่ช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตเมื่อเปรียบเทียบกับ anticholinergics เพียงอย่างเดียว แต่การใช้ยาสองชนิดอาจไม่เพิ่มผลข้างเคียง
คุณภาพของหลักฐาน
การศึกษาที่รวบรวมมาส่วนใหญ่ไม่ได้ใช้รูปแบบการวิจัยหรือการรายงานผลที่ดี จึงทำให้ถูกลดคะแนนความเชื่อมั่นของหลักฐาน (ความมั่นใจในการบอกว่าข้อสรุปนั้นถูกต้อง) เป็นระดับปานกลาง, ต่ำ, หรือต่ำมาก หมายความว่า ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริงอาจแตกต่างอย่างมากจากผลสรุปของการทบทวนวรรณกรรมนี้
จากผลลัพธ์ของการศึกษาในการทบทวนครั้งนี้พบว่า การใช้ยา anticholinergics ร่วมกับ alpha-blockers ไม่ค่อยมีผลต่อคะแนนอาการทางระบบทางเดินปัสสาวะเมื่อเทียบกับยาหลอก, ยา alpha-blockers หรือยา anticholinergics เพียงตัวเดียว อย่างไรก็ตาม การใช้ยาสองชนิดอาจช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตเมื่อเทียบกับการใช้ยา anticholinergics เพียงตัวเดียว แต่มีผลที่ไม่ชัดเจนเมื่อเทียบกับยาหลอกหรือยา alpha-blockers การใช้ยาสองชนิดมีแนวโน้มที่จะเพิ่มเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์เมื่อเทียบกับยาหลอก แต่ไม่ต่างกันเมื่อเทียบกับการรักษาด้วยยา alpha-blockers หรือ anticholinergics เพียงอย่างเดียว ผลสรุปของการทบทวนนี้ถูกจำกัดด้วยข้อจำกัดของแต่ละการศึกษา, ผลลัพธ์ที่ไม่สอดคล้องกัน และความไม่แม่นยำ และผู้วิจัยไม่สามารถทำการวิเคราะห์กลุ่มย่อยที่กำหนดไว้ล่วงหน้าได้
อาการทางเดินปัสสาวะส่วนล่าง (Lower urinary tract symptoms; LUTS) ที่เกิดจากการอุดตันของต่อมลูกหมากโต (benign prostatic obstruction; BPO) เป็นอาการทางคลินิกที่พบบ่อยที่สุดอาการหนึ่งในผู้ชาย ยากลุ่ม alpha-blockers มักถูกใช้เป็นยาตัวแรกที่ใช้รักษาผู้ชายที่มี LUTS จากภาวะ BPO แต่พบว่าถึงหนึ่งในสามไม่เห็นผลของการรักษา และยากลุ่ม anticholinergics ที่ใช้เสริมจาก alpha-blockers อาจช่วยให้อาการดีขึ้น แต่ยังไม่แน่นอนว่าจะมีประสิทธิผลเพียงใด
เพื่อประเมินผลของการรักษาที่ใช้ยา anticholinergics ร่วมกับ alpha-blockers ในผู้ชายที่มี LUTS จากภาวะ BPO
ผู้วิจัยได้ทำการค้นหาข้อมูลจากฐานข้อมูล Cochrane Library, MEDLINE, Embase และทะเบียนงานวิจัย โดยไม่มีข้อจำกัดด้านภาษาหรือสถานะการตีพิมพ์ วันที่สืบค้นล่าสุดคือ 7 สิงหาคม 2020
ผู้วิจัยสนใจการศึกษาแบบ randomized controlled trials โดยมีเกณฑ์การคัดเลือก ได้แก่ ผู้ชายที่มี LUTS จากภาวะ BPO, อายุ 40 ปีขึ้นไป, และคะแนนรวมของ International Prostate Symptom Score มากกว่าหรือเท่ากับ 8 คะแนน โดยไม่รวมการทดลองที่ทำในผู้ชายที่มีภาวะ neurogenic bladder เนื่องจากการบาดเจ็บที่ไขสันหลัง, multiple sclerosis หรือโรคระบบประสาทส่วนกลาง, และผู้ชายที่ได้รับการผ่าตัด BPO ผู้วิจัยได้ทำการเปรียบเทียบ 3 แบบ ได้แก่ การใช้ยาสองชนิดเทียบกับยาหลอก, การใช้ยาสองชนิดเทียบกับยา alpha-blockers เพียงอย่างเดียว และการใช้การใช้ยาสองชนิดเปรียบเทียบกับยา anticholinergics เพียงอย่างเดียว
ผู้วิจัยสองคนคัดเลือกงานวิจัย ดึงข้อมูลและประเมินความเสี่ยงของการมีอคติอย่างเป็นอิสระต่อกัน และทำการวิเคราะห์ทางสถิติโดยใช้แบบจำลอง random-effects model และแปลผลข้อมูลตาม Cochrane Handbook for Systematic Reviews of Interventions และประเมินความน่าเชื่อถือของหลักฐานโดยวิธี GRADE
ผู้วิจัยรวบรวมการศึกษา 23 ฉบับ ที่สุ่มผู้ชาย 6285 คนให้ได้รับการรักษาแบบต่างๆ ในสามแบบนี้ อายุเฉลี่ยของผู้เข้าร่วมอยู่ระหว่าง 54.4 ปีถึง 73.9 ปี (อายุเฉลี่ยโดยรวม 65.7 ปี) จากการศึกษาที่รวมไว้ มีการศึกษา 12 ฉบับที่ทำในสถานพยาบาลแห่งเดียว และอีก 11 ฉบับ ทำในสถานพยาบาลหลายแห่ง และมีเพียงการติดตามผลในระยะสั้น (12 สัปดาห์ถึง 12 เดือน) ในกลุ่มที่ใช้ยาสองชนิด
การใช้ยาสองชนิดเทียบกับยาหลอก:จากการศึกษา 5 ฉบับ มีผู้เข้าร่วม 2369 คน, การใช้ยาสองชนิดอาจไม่ส่งผลต่อคะแนนอาการทางเดินปัสสาวะ (mean difference (MD) –2.73, 95% confidence interval (CI) –5.55 ถึง 0.08; หลักฐานมีความเชื่อมั่นต่ำ) ผู้วิจัยไม่มั่นใจอย่างมากเกี่ยวกับผลของการใช้ยาสองชนิด ต่อคุณภาพชีวิต (QoL) (MD –0.97, 95% CI –2.11 ถึง 0.16; หลักฐานมีความเชื่อมั่นต่ำมาก) และการใช้ยาสองชนิดมีแนวโน้มที่จะเพิ่มเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ (risk ratio (RR) 1.24, 95% CI 1.04 ถึง 1.47; หลักฐานมีความเชื่อมั่นปานกลาง); จากเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ 252 เหตุการณ์ต่อผู้เข้าร่วม 1000 คนในกลุ่มยาหลอกเทียบกับเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ 61 เหตุการณ์ (95% CI >10 ถึง >119 ) ต่อผู้เข้าร่วม 1000 คนในกลุ่มที่ได้รับยาสองชนิด
การใช้ยาสองชนิดเปรียบเทียบกับ alpha-blockers เพียงอย่างเดียว:จากการศึกษา 22 ฉบับ มีผู้เข้าร่วม 4904 คนผู้วิจัยไม่มั่นใจอย่างมากเกี่ยวกับผลของการใช้ยาสองชนิดต่อคะแนนอาการทางเดินปัสสาวะ (MD –2.04, 95% CI –3.56 ถึง –0.52; หลักฐานมีความเชื่อมั่นต่ำมาก) และผลต่อคุณภาพชีวิต (MD –0.71, 95% CI –1.03 ถึง –0.38; หลักฐานมีความเชื่อมั่นต่ำมาก) แต่การใช้ยาสองชนิดอาจไม่เพิ่มเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ (RR 1.10, 95% CI 0.90 ถึง 1.34; หลักฐานมีความเชื่อมั่นต่ำ); จากเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ 228 เหตุการณ์ต่อผู้เข้าร่วม 1000 คนในกลุ่ม alpha-blocker เทียบกับเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ 23 เหตุการณ์ (95% CI <23 ถึง >78 ) ต่อผู้เข้าร่วม 1000 คนในกลุ่มที่ได้รับยาสองชนิด
การใช้ยาสองชนิดเทียบกับ anticholinergics เพียงอย่างเดียว: จากการศึกษา 3 ฉบับ มีผู้เข้าร่วม 1218 คน ผู้วิจัยไม่มั่นใจอย่างมากเกี่ยวกับผลของการใช้ยาสองชนิดต่อคะแนนอาการทางเดินปัสสาวะ (MD –3.71, 95% CI –9.41 ถึง 1.98; หลักฐานมีความเชื่อมั่นต่ำมาก) แต่อาจช่วยให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น (MD –1.49, 95% CI –1.88 ถึง –1.11; หลักฐานมีความเชื่อมั่นต่ำ) แต่การใช้ยาสองชนิดอาจไม่เพิ่มเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ (RR 1.26, 95% CI 0.81 ถึง 1.95; หลักฐานมีความเชื่อมั่นปานกลาง); จากเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ 115 เหตุการณ์ต่อผู้เข้าร่วม 1,000 คนในกลุ่ม anticholinergic เทียบกับเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ 4 เหตุการณ์ (95% CI <7 ถึง >13 ) ต่อผู้เข้าร่วม 1000 คนในกลุ่มที่ได้รับยาสองชนิด
ผู้แปล นพ.จักรพงศ์ รู้ปิติวิริยะ วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2021