Baclofen สำหรับความผิดปกติของการใช้แอลกอฮอล์

ข้อความสำคัญของการทบทวนวรรณกรรม

เราตรวจสอบหลักฐานเกี่ยวกับประสิทธิผลและความปลอดภัยของ baclofen สำหรับการรักษาผู้ที่มีความผิดปกติของการใช้แอลกอฮอล์ (AUD) เพื่อให้บรรลุและรักษาการเลิกดื่มไว้ (หยุดดื่ม) หรือลดการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

หลักฐานในปัจจุบันบ่งชี้ว่ายานี้อาจช่วยผู้ที่เป็นโรค AUD ในการคงอยู่ของการเลิกดื่ม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ที่ล้างพิษแล้ว ผลลัพธ์ของการเปรียบเทียบกับยาอื่น ๆ ส่วนใหญ่มาจากการศึกษาเดียวและไม่อนุญาตให้เราสรุปผล

หัวข้อการทบทวนวรรณกรรมและจุดมุ่งหมาย

AUD เป็นหนึ่งในโรคทางจิตเวชที่แพร่หลายมากที่สุด ซึ่งนำไปสู่ปัญหาทางร่างกาย อารมณ์ การเรียนรู้ และปัญหาความจำ และส่งผลต่อความเป็นอยู่และสุขภาพโดยรวม การใช้แอลกอฮอล์ในทางที่ผิดเป็นหนึ่งในความเสี่ยงที่ใหญ่ที่สุดต่อสุขภาพทั่วโลก ทำให้เกิด 20% ถึง 30%ของมะเร็งหลอดอาหาร (ท่ออาหาร) โรคตับ โรคลมชัก อุบัติเหตุทางรถยนต์ การฆาตกรรม และการบาดเจ็บโดยเจตนาอื่นๆ

เป็นเวลาหลายปีที่การรักษาหลักสำหรับโรค AUD คือวิธีการทางจิตสังคม (ช่วยให้คนรับรู้ว่าพวกเขาต้องการความช่วยเหลือ) แต่การใช้การรักษาทางจิตสังคมเพียงอย่างเดียวนั้นประสบความสำเร็จอย่างจำกัด ผู้ป่วยโรค AUD ในสัดส่วนที่สูงไม่ตอบสนองต่อการรักษาเลย และผู้ที่ตอบสนองการงดสุราไม่สามารถคงไว้ได้ในระยะยาว ยาเช่น baclofen อาจมีบทบาทสำคัญในการรักษาผู้ที่เป็นโรค AUD

วิธีการทบทวนวรรณกรรม

เราค้นหาการทดลองแบบสุ่มที่มีกลุ่มควบคุม (การศึกษาที่คนถูกจัดสรรอย่างสุ่มให้กับหนึ่งในสองการรักษาหรือมากกว่านั้นหรือกลุ่มควบคุม) ซึ่งประเมินผลของ baclofen ในการลดการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือในการบรรลุผลและคงไว้ของการเลิกดื่ม (หรือทั้งสองอย่าง) เมื่อเทียบกับยาหลอก (ยาที่ไม่มีผล) หรือยาอื่นๆ เรารวบรวมการศึกษาที่คล้ายคลึงกันและประเมินผลโดยแบ่งการศึกษาตามปริมาณของ baclofen ระยะเวลาของการรักษา และการบริโภคแอลกอฮอล์และการเริ่มต้นของการรักษา (เช่น ผู้เข้าร่วมที่ล้างพิษหรือไม่ได้รับการล้างพิษโดยพิจารณาว่าพวกเขางดดื่มหรือยังคงดื่มอยู่ในช่วงที่เริ่มต้นการรักษา)

สรุปผล

เราพบการศึกษา 17 ฉบับ ที่มีผู้เข้าร่วม 1818 คนที่เป็น AUD ระยะเวลาของการรักษามีตั้งแต่ 3 เดือนถึง 1 ปี การศึกษา 5 ฉบับในสหรัฐอเมริกา การศึกษา 2 ฉบับในแต่ละประเทศได้แก่ออสเตรเลีย ฝรั่งเศส อินเดีย และอิตาลี และ การศึกษา 1 ฉบับในแต่ละประเทศได้แก่เยอรมนี อิสราเอล และเนเธอร์แลนด์

ขนาดยาของ baclofen คือ 30 มก. ต่อวันถึง 300 มก. ต่อวัน และในบางกรณี ขนาดยาอาจเพิ่มขึ้นในระหว่างการรักษา การศึกษา 17 ฉบับ เปรียบเทียบ baclofen กับยาหลอก (ยาหลอก) การศึกษา 2 ฉบับเปรียบเทียบ baclofen กับ acamprosate (ยาที่ใช้รักษา AUD) และ การศึกษา 2 ฉบับ เปรียบเทียบ baclofen กับ naltrexone (ยาที่ใช้รักษา AUD)

เมื่อเทียบกับยาหลอก baclofen อาจช่วยผู้ที่มี AUD ในการลดความเสี่ยงของการเกิดซ้ำและเพิ่มอัตราของวันที่เลิก ผลกระทบเหล่านี้อาจชัดเจนกว่าในผู้เป็น AUD ที่ล้างพิษ Baclofen อาจไม่มีความแตกต่างในอัตราของวันที่ดื่มหนัก จำนวนการดื่มต่อวันที่ดื่ม; ความอยาก ความวิตกกังวล และความรุนแรงของภาวะซึมเศร้า; จำนวนผู้เข้าร่วมที่ออกจากการรักษาด้วยเหตุผลใดก็ตาม ผู้ที่ออกจากการศึกษาเนื่องจากเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ (ผลข้างเคียง); หรือจำนวนผู้เข้าร่วมที่มีเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์อย่างน้อยหนึ่งเหตุการณ์ Baclofen อาจเพิ่มเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ เช่น ความเหนื่อยล้า วิงเวียน (ความรู้สึกว่าทุกอย่างหมุน) ง่วงนอน ปากแห้ง ชา และกล้ามเนื้อกระตุก แต่เราไม่พบความแตกต่างระหว่าง baclofen และยาหลอกสำหรับเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์อื่นๆ

ความเชื่อมั่นของหลักฐาน
ความเชื่อมั่นของหลักฐาน (เรามั่นใจได้มากน้อยเพียงใดว่าหลักฐานมีความน่าเชื่อถือ) สูงสำหรับผลลัพธ์เกี่ยวกับเปอร์เซ็นต์ของวันที่เลิกดื่ม จำนวนผู้เข้าร่วมที่มีเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์อย่างน้อยหนึ่งเหตุการณ์ จำนวนที่ออกจากการศึกษาไม่ว่าด้วยเหตุผลใดๆ ก็ตาม และจำนวนที่ออกจากการศึกษาเนื่องจากเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ ความเชื่อมั่นของหลักฐานอยู่ในระดับปานกลางสำหรับผลลัพธ์เกี่ยวกับการกลับไปดื่มอีก วันดื่มหนัก และจำนวนครั้งของการดื่มต่อวันที่ดื่ม

วันที่สืบค้น
หลักฐานเป็นปัจจุบันถึงเดือนพฤศจิกายน 2021 นี่คือการอัปเดตของ Cochrane Review ที่เผยแพร่ครั้งแรกในปี 2018

ข้อสรุปของผู้วิจัย: 

Baclofen น่าจะช่วยลดความเสี่ยงของการกลับมาดื่มซ้ำและเพิ่มเปอร์เซ็นต์ของวันที่งดสุรา ส่วนใหญ่ในกลุ่มผู้เข้าร่วมที่ได้รับการล้างพิษ ไม่ได้เพิ่มจำนวนผู้เข้าร่วมที่มีเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์อย่างน้อยหนึ่งเหตุการณ์ ผู้ที่ออกกลางคันด้วยเหตุผลใดก็ตามหรือเนื่องจากเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ คงไม่ลดจำนวนวันดื่มหนักและจำนวนที่ดื่มต่อวันที่ดื่ม หลักฐานปัจจุบันบ่งชี้ว่า baclofen อาจช่วยผู้ที่มี AUD ในการคงอยู่ของการงดสุราได้ ผลการเปรียบเทียบ baclofen กับ acamprosate และ naltrexone ส่วนใหญ่มาจากการศึกษาเดียว

อ่านบทคัดย่อฉบับเต็ม
บทนำ: 

ความผิดปกติของการใช้แอลกอฮอล์ (AUD) เป็นหนึ่งในความผิดปกติทางจิตเวชที่แพร่หลายมากที่สุดซึ่งนำไปสู่ผลเสียต่อผู้ที่เป็นโรคนี้และคนอื่นๆ ทั่วโลก ความชุกของการดื่มหนักเป็นครั้งเป็นคราว (ความชุกของการดื่มสุราบริสุทธิ์ 60 กรัมอย่างน้อย 1 ครั้งใน 30 วัน) อยู่ที่ประมาณ 20% และความชุกของ AUD อยู่ที่ 5% ของประชากรทั่วไปที่เป็นผู้ใหญ่ โดยความชุกสูงที่สุดในยุโรปและอเมริกาเหนือ แนวทางการรักษา รวมถึงการรักษาด้วยยา มีบทบาทสำคัญในการรักษาผู้ที่เป็นโรค AUD

นี่คือการอัปเดตของ Cochrane Review ที่เผยแพร่ครั้งแรกในปี 2018

วัตถุประสงค์: 

เพื่อประเมินประโยชน์และโทษของ baclofen ต่อการบรรลุและรักษาไว้ของการเลิกหรือลดการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในผู้ที่มี AUD เทียบกับยาหลอก ไม่มีการรักษาหรือการรักษาป้องกันการกำเริบทางเภสัชวิทยาอื่นใด

วิธีการสืบค้น: 

เราใช้วิธีการค้นหามาตรฐานของ Cochrane ที่ครอบคลุม การค้นหาล่าสุดคือ 22 พฤศจิกายน 2021

เกณฑ์การคัดเลือก: 

การทดลองแบบสุ่มที่มีกลุ่มควบคุม (RCTs) ที่มีระยะเวลาการรักษาอย่างน้อย 4 สัปดาห์ และระยะเวลาการศึกษาโดยรวม 12 สัปดาห์ โดยเปรียบเทียบ baclofen สำหรับการรักษา AUD กับยาหลอก ไม่มีการรักษาหรือการรักษาอื่นๆ

การรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล: 

เราใช้วิธีมาตรฐานของ Cochrane ผลลัพธ์หลักของเราคือ 1. การกำเริบ, 2. ความถี่ของการใช้, 3. ปริมาณการใช้, 4. เหตุการณ์ไม่พึงประสงค์, 5. การหยุดการรักษา และ 6. การหยุดจากการรักษาเนื่องจากเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ ผลลัพธ์รองของเราคือ 7. ความอยาก, 8. ความวิตกกังวล, 9. ภาวะซึมเศร้า และ 10. ความถี่ของเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ที่เกี่ยวข้องมากที่สุด

ผลการวิจัย: 

เรารวบรวม RCTs 17 ฉบับ (ผู้เข้าร่วม 1818 คน) ที่มีการวินิจฉัยการติดสุราตามเกณฑ์ของ the Diagnostic and Statistical Manual of Mental Disorders, 4th edition or International Classification of Diseases 10th edition อายุเฉลี่ย 46.5 ปี และ 70% เป็นผู้ชาย การศึกษา 10 ฉบับ เปรียบเทียบ baclofen กับยาหลอกหรือยาอื่น RCTs 7 ฉบับเปรียบเทียบ baclofen สองขนาดกับยาหลอกหรือยาอื่น ทั่วโลก มีการศึกษา 15 ฉบับ เปรียบเทียบ baclofen กับยาหลอก การศึกษา 2 ฉบับ เปรียบเทียบ baclofen กับ acamprosate และ การศึกษา 2 ฉบับ เปรียบเทียบ baclofen กับ naltrexone ในการศึกษา 16 ฉบับ ผู้เข้าร่วมได้รับการรักษาทางจิตสังคม

เราตัดสินการศึกษาส่วนใหญ่ว่ามีความเสี่ยงต่ำใน selection, performance, detection (subjective outcome), attrition และ reporting bias

การศึกษา 10 ฉบับ ได้ล้างพิษผู้เข้าร่วมก่อนการรักษา ในการศึกษา 7 ฉบับ ผู้เข้าร่วมยังคงดื่มเหล้าในช่วงเริ่มต้นของการรักษา ระยะเวลาการรักษาคือ 12 สัปดาห์ ใน RCTs 15 ฉบับ และนานกว่านั้นในการศึกษา 2 ฉบับ ปริมาณ baclofen ต่อวันคือ 30 มก. ถึง 300 มก.: RCTs 10 ฉบับ ใช้ขนาดต่ำ (30 มก. หรือน้อยกว่า); RCTs 8 ฉบับ ใช้ขนาดปานกลาง (มากกว่า 30 และ 100 มก. หรือน้อยกว่า) และ RCTs 4 ฉบับ ใช้ขนาดสูง (มากกว่า 100 มก.)

เมื่อเทียบกับยาหลอก หลักฐานที่มีความเชื่อมั่นระดับปานกลางพบว่า baclofen อาจลดความเสี่ยงต่อการกำเริบของโรค (อัตราส่วนความเสี่ยง (RR) 0.87, ช่วงความเชื่อมั่น 95% (CI) 0.77 ถึง 0.99; การศึกษา 12 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 1057 คน) ผลลัพธ์นี้ได้รับการยืนยันในผู้เข้าร่วมที่ได้รับการล้างพิษแต่ไม่พบในกลุ่มย่อยอื่นๆ ของผู้เข้าร่วม

หลักฐานที่มีความเชื่อมั่นสูงพบว่า baclofen เพิ่มเปอร์เซ็นต์ของวันที่งดสุรา (ความแตกต่างเฉลี่ย (MD) 9.07, 95% CI 3.30 เป็น 14.85; การศึกษา 16 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 1273 คน) ผลลัพธ์นี้ได้รับการยืนยันในกลุ่มย่อยของผู้เข้าร่วมทั้งหมด ยกเว้นผู้ที่ไม่ได้ล้างพิษหรือผู้ที่ได้รับยาขนาดปานกลาง

ไม่มีความแตกต่างระหว่าง baclofen และยาหลอกในผลลัพธ์หลักอื่นๆ: วันที่ดื่มหนัก (ความแตกต่างของค่าเฉลี่ยมาตรฐาน (SMD) −0.18, 95% CI −0.48 ถึง 0.11; การศึกษา 13 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 840 คน หลักฐานความเชื่อมั่นปานกลาง); จำนวนเครื่องดื่มต่อวันที่ดื่ม (MD −0.45, 95% CI −1.20 ถึง 0.30; การศึกษา 9 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 392 คน หลักฐานความเชื่อมั่นปานกลาง); จำนวนผู้เข้าร่วมที่มีเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์อย่างน้อย 1 เหตุการณ์ (RR 1.05, 95% CI 0.99 ถึง 1.11; การศึกษา 10 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 738 คน; หลักฐานความเชื่อมั่นสูง); การออกกลางคัน (RR 0.88, 95% CI 0.74 ถึง 1.03; การศึกษา 17 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 1563 คน หลักฐานความเชื่อมั่นสูง); การออกกลางคันเนื่องจากเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ (RR 1.39, 95% CI 0.89 ถึง 2.18; การศึกษา 16 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 1499 คน; หลักฐานความเชื่อมั่นสูง) ผลลัพธ์เหล่านี้ได้รับการยืนยันโดยการวิเคราะห์กลุ่มย่อย ยกเว้นการออกกลางคันที่ส่งผลให้ผู้เข้าร่วมที่ได้รับ baclofen ในปริมาณสูงและการศึกษานานกว่า 12 สัปดาห์ลดลง

เมื่อเทียบกับยาหลอก ไม่มีความแตกต่างในด้านความอยาก (SMD −0.16, 95% CI −0.37 ถึง 0.04; การศึกษา 17 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 1275 คน), ความวิตกกังวล (MD −0.01, 95% CI −0.14 ถึง 0.11; การศึกษา 15 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 1123 คน) และภาวะซึมเศร้า (SMD 0.07, 95% CI −0.12 ถึง 0.27; การศึกษา 11 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 1029 คน)

สำหรับเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ที่เฉพาะเจาะจงนั้น baclofen จะเพิ่มความเหนื่อยล้า วิงเวียน อาการง่วง/การสงบประสาท ปากแห้ง อาการชา และกล้ามเนื้อกระตุก/แข็งเกร็ง ไม่มีความแตกต่างในเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์อื่น ๆ

เมื่อเปรียบเทียบกับ acamprosate การศึกษา 1 ฉบับ (ผู้เข้าร่วม 60 คน) ไม่พบความแตกต่างในผลลัพธ์ใดๆ แต่หลักฐานมีความไม่เชื่อมั่นมาก: การกำเริบของโรค (RR 1.25, 95% CI 0.71 ถึง 2.20; หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำมาก); จำนวนผู้เข้าร่วมที่มีเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์อย่างน้อยหนึ่งเหตุการณ์ (RR 0.63, 95% CI 0.23 ถึง 1.69; หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำมาก); การออกกลางคัน (RR 0.56, 95% CI 0.21 ถึง 1.46; หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำมาก); การออกกลางคันเนื่องจากเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ (RR 0.33, 95% CI 0.01 ถึง 7.87; หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำมาก) และความอยาก (MD 5.80, 95% CI −11.84 ถึง 23.44); และประเมินเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ทั้งหมด

เมื่อเทียบกับ naltrexone แล้ว baclofen อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการกำเริบของโรค (RR 2.50, 95% CI 1.12 ถึง 5.56; การศึกษา 1 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 60 คน; หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำมาก) และลดจำนวนผู้เข้าร่วมที่มีเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์อย่างน้อยหนึ่งเหตุการณ์ (RR 0.35, 95% CI 0.15 ถึง 0.80; การศึกษา 2 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 80 คน หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำมาก) แต่หลักฐานมีความไม่แน่นอนอย่ามาก การศึกษา 1 ฉบับ (ผู้เข้าร่วม 60 คน) ไม่พบความแตกต่างระหว่าง baclofen และ naltrexone ในการออกจากการศึกษาเมื่อสิ้นสุดการรักษา (RR 1.00, 95% CI 0.32 ถึง 3.10; หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำมาก), ความอยาก (MD 2.08, 95% CI −3.71 ถึง 7.87) และเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ที่ประเมินทั้งหมด

บันทึกการแปล: 

แปลโดย ศ.นพ.ภิเศก ลุมพิกานนท์ ภาควิชาสูติศาสตร์และนรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เมื่อ 26 มกราคม 2023 Edit โดย ผกากรอง 11 กุมภาพันธ์ 2023

Tools
Information