วิธีการปรับปรุงสุขอนามัยเพื่อป้องกันโรคท้องร่วง

จุดประสงค์ของการทบทวนนี้คืออะไร

จุดมุ่งหมายของ Cochrane Review นี้คือเพื่อประเมินว่าอาการท้องเสียลดลงโดยวิธีการด้านสุขอนามัยหรือไม่ โดยการจัดหา ยกระดับ หรือสนับสนุนให้ผู้คนใช้ห้องน้ำหรือห้องสุขา เรารวบรวมและวิเคราะห์การศึกษาที่เกี่ยวข้องทั้งหมดของประเภทการออกแบบการศึกษาที่เข้มงวดที่กำหนดไว้ล่วงหน้า และพบการศึกษา 51 ฉบับ ที่เกี่ยวข้องกับคน 238,535 คน

ข้อความสำคัญ

เราพบหลักฐานว่าวิธีการด้านสุขอนามัยอาจป้องกันอาการท้องร่วงได้ อย่างไรก็ตาม ผลจะแตกต่างกันไปตามประเภทของวิธีการและบริบท และความเชื่อมั่นของหลักฐานมีตั้งแต่ระดับต่ำไปจนถึงปานกลาง

สิ่งที่ศึกษาในการทบทวนวรรณกรรมนี้

โรคอุจจาระร่วงเป็นสาเหตุการตายและโรคที่สำคัญ โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กเล็กในประเทศที่มีรายได้น้อย เชื้อโรคหลายชนิดที่ทำให้เกิดอาการท้องร่วงติดต่อผ่านการสัมผัสกับอุจจาระของมนุษย์ สิ่งอำนวยความสะดวกด้านสุขอนามัย เช่น ห้องสุขาและห้องส้วม ทำหน้าที่เป็นปราการหลักในการแยกเชื้อโรคที่ขับออกมาในอุจจาระของมนุษย์ออกจากสิ่งแวดล้อม การทบทวนวรรณกรรมนี้ตรวจสอบการศึกษาวิธีการเพื่อปรับปรุงการเข้าถึงสิ่งอำนวยความสะดวกหรือการใช้สุขอนามัย เราพบการศึกษา 51 ฉบับ เกี่ยวกับวิธีการดังกล่าว ซึ่งส่วนใหญ่มาจากประเทศที่มีรายได้ต่ำหรือปานกลาง

ผลลัพธ์หลักของการทบทวนวรรณกรรมนี้คืออะไร

ผลการวิจัยชี้ให้เห็นว่ามาตรการด้านสุขอนามัยสามารถลดอาการท้องร่วงได้ประมาณ 15% ถึง 26% ทั้งในเด็กเล็กที่เปราะบางและประชากรทุกวัย อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ว่าทุกมาตรการจะป้องกันได้ และผลก็แตกต่างกันไปตามประเภทของวิธีการและบริบท เราประเมินว่าวิธีการเพื่อให้การเข้าถึงด้านสุขอนามัยแก่ผู้ที่ถ่ายอุจจาระแบบเปิดอาจลดอาการท้องร่วงได้ประมาณ 11% ถึง 21% วิธีการเพื่อปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวกด้านสุขอนามัยที่มีอยู่แล้วอาจลดอาการท้องร่วงได้ประมาณ 15% ถึง 35% และวิธีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม ปรับปรุงการเข้าถึงหรือการใช้สุขอนามัยโดยไม่ต้องจัดเตรียมโครงสร้างพื้นฐานหรือเงินอุดหนุนอาจลดอาการท้องร่วงได้ประมาณ 15% ถึง 18% อย่างไรก็ตาม ความเชื่อมั่นของหลักฐานมีตั้งแต่ระดับปานกลางถึงต่ำมาก และการวิจัยเพิ่มเติมมีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนการประมาณการเหล่านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับวิธีการที่ให้การเข้าถึงด้านสุขอนามัยหรือปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวกด้านสุขอนามัยที่มีอยู่ จำเป็นต้องมีการวิจัยเพิ่มเติมเพื่อทำความเข้าใจว่าวิธีการประเภทใดที่จะให้ผลในการป้องกันได้มากที่สุดในบริบทต่างๆ

การทบทวนวรรณกรรมนี้ทันสมัยแค่ไหน

เราค้นหาการศึกษาที่ได้รับการตีพิมพ์จนถึง 16 กุมภาพันธ์ 2022

ข้อสรุปของผู้วิจัย: 

มีหลักฐานว่าวิธีการด้านสุขอนามัยมีประสิทธิผลในการป้องกันโรคท้องร่วง ทั้งสำหรับเด็กเล็กและประชากรทุกวัย อย่างไรก็ตาม ระดับประสิทธิผลที่แท้จริงจะแตกต่างกันไปตามประเภทของวิธีการและบริบท จำเป็นต้องมีการวิจัยเพื่อทำความเข้าใจปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อประสิทธิผลให้ดียิ่งขึ้น

อ่านบทคัดย่อฉบับเต็ม
บทนำ: 

โรคท้องร่วงเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดภาระโรคทั่วโลก โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปีในประเทศที่มีรายได้น้อยและปานกลาง (LMICs) เนื่องจากเชื้อก่อโรคจำนวนมากที่เกี่ยวข้องกับอาการท้องร่วงถูกส่งผ่านทางอุจจาระ วิธีการด้านสุขอนามัยเพื่อเก็บและจัดการอุจจาระของมนุษย์อย่างปลอดภัยจึงมีโอกาสในการลดการสัมผัสเขื้อและโรคอุจจาระร่วง

วัตถุประสงค์: 

เพื่อประเมินประสิทธิผลของมาตรการด้านสุขอนามัยในการป้องกันโรคท้องร่วง เพียงอย่างเดียวหรือร่วมกับวิธีอื่นๆ ของ WASH

วิธีการสืบค้น: 

เราค้นหาใน Cochrane Infectious Diseases Group Specialized Register, CENTRAL, MEDLINE, Embase, LILACS และฐานข้อมูลภาษาจีนภายใต้ China National Knowledge Infrastructure (CNKI-CAJ) นอกจากนี้ เรายังค้นหา meta Register of Controlled Trials (m RCT) และการดำเนินการประชุม ติดต่อนักวิจัย และค้นหาข้อมูลอ้างอิงของการศึกษาที่รวบรวมไว้ วันที่ค้นหาล่าสุดคือ 16 กุมภาพันธ์ 2022

เกณฑ์การคัดเลือก: 

เรารวมการศึกษาประเภท randomized controlled trials (RCTs), quasi-RCTs, non-randomized controlled trials (NRCTs), controlled before-and-after studies (CBAs), and matched cohort studies ของวิธีการที่มุ่งแนะนำหรือขยายความครอบคลุมและ/หรือการใช้ สิ่งอำนวยความสะดวกด้านสุขอนามัยในเด็กและผู้ใหญ่ในประเทศหรือประชากรใดๆ ผลลัพธ์หลักที่เราสนใจคืออาการท้องร่วงและผลลัพธ์รอง ได้แก่ บิด (ท้องเสียเป็นเลือด) ท้องร่วงต่อเนื่อง การเข้ารับการตรวจที่โรงพยาบาลหรือทางคลินิกสำหรับอาการท้องร่วง การตาย และเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ เรารวมมาตรการด้านสุขอนามัยไม่ว่าจะดำเนินการโดยอิสระหรือร่วมกับมาตรการอื่นๆ

การรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล: 

ผู้ทบทวนวรรณกรรม 2 คนคัดกรองการศึกษาที่เข้าเกณฑ์ คัดลอกข้อมูลที่เกี่ยวข้อง และประเมินความเสี่ยงของอคติ และความเชื่อมั่นของหลักฐานโดยใช้แนวทาง GRADE โดยอิสระ เราใช้ meta-analysis เพื่อประเมินการวัดผลรวม อธิบายผลลัพธ์แบบบรรยาย และตรวจสอบแหล่งที่มาที่เป็นไปได้ของความแตกต่างโดยใช้การวิเคราะห์กลุ่มย่อย

ผลการวิจัย: 

การศึกษา 51 ฉบับ ตรงตามเกณฑ์การคัดเลือกของเรา โดยมีผู้เข้าร่วมทั้งหมด 238,535 คน ในจำนวนนี้ มี 50 การศึกษา ที่มีข้อมูลเพียงพอที่จะรวมไว้ในการวิเคราะห์เมตาเชิงปริมาณ ได้แก่ การศึกษาแบบ cluster-RCT 17 ฉบับ และ การศึกษา 33 ฉบับ ที่มีการออกแบบการศึกษาแบบไม่สุ่ม (NRCTs 20 ฉบับ, CBA 1 ฉบับ และ การศึกษาแบบ matched cohort 12 ฉบับ) ส่วนใหญ่ดำเนินการใน LMICs และ 86% ดำเนินการทั้งหมดหรือบางส่วนในพื้นที่ชนบท การศึกษาครอบคลุมวิธีการ 3 ประเภทกว้างๆ: (1) ให้การเข้าถึงสิ่งอำนวยความสะดวกด้านสุขอนามัยแก่ผู้เข้าร่วมที่ไม่มีสุขอนามัยการขับถ่ายมาก่อนและมีการถ่ายอุจจาระแบบเปิด (2) ปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวกด้านสุขอนามัยที่มีอยู่ของผู้เข้าร่วม หรือ (3) ให้ข้อมูลการเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อปรับปรุงการเข้าถึงหรือการปฏิบัติด้านสุขอนามัยโดยไม่ได้จัดหาฮาร์ดแวร์หรือเงินช่วยเหลือ แม้ว่าจะมีการศึกษาจำนวนมากมีการทับซ้อนกันในหลายหมวดหมู่ ผลการศึกษาแต่ละรายการมีความแตกต่างกันอย่างมากสำหรับวิธีการทุกประเภท

ให้การเข้าถึงสิ่งอำนวยความสะดวกด้านสุขอนามัยใด ๆ

การเข้าถึงสิ่งอำนวยความสะดวกด้านสุขอนามัยได้รับการประเมินในการศึกษาประเภท cluter-RCTs 7 ฉบับ และอาจลดความชุกของโรคท้องร่วงในทุกกลุ่มอายุ (อัตราส่วนความเสี่ยง (RR) 0.89 ช่วงความเชื่อมั่น 95% (CI) 0.73 ถึง 1.08; การศึกษา 7 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 40,129 คน หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำ) ในเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี การให้การเข้าถึงอาจมีผลเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลยต่อความชุกของโรคท้องร่วง (RR 0.98, 95% CI 0.83 ถึง 1.16, การศึกษา 4 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 16,215 คน, หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำ) การวิเคราะห์เพิ่มเติมในการศึกษาที่ไม่ได้สุ่มโดยทั่วไปสอดคล้องกับสิ่งที่พบเหล่านี้ ค่าประมาณรวมในการศึกษาแบบสุ่มและไม่สุ่มให้ค่าประมาณการป้องกันที่คล้ายคลึงกัน (ทุกช่วงอายุ: RR 0.79, 95% CI 0.66 ถึง 0.94; การศึกษา 15 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 73,511 คน; เด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี: RR 0.83, 95% CI 0.68 ถึง 1.02; การศึกษา 11 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 25,614 คน)

การปรับปรุงสถานที่สุขาภิบาล

วิธีการที่ออกแบบมาเพื่อปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวกด้านสุขอนามัยที่มีอยู่ได้รับการประเมินในการศึกาษาประเภท cluster-RCTs 3 ฉบับ ซึ่งศึกษาในเด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบ และอาจลดความชุกของโรคท้องร่วง (RR 0.85, 95% CI 0.69 ถึง 1.06; การศึกษา 3 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 14,900 คน หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำ) อย่างไรก็ตาม วิธีการบางอย่าง เช่น การเชื่อมท่อน้ำเสีย นั้นไม่สามารถสุ่มตัวอย่างได้ง่าย การศึกษาแบบไม่สุ่มในกลุ่มผู้เข้าร่วมทุกวัยให้การประมาณการว่าการปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวกด้านสุขอนามัยอาจลดอาการท้องร่วง แต่อาจมี confounding (RR 0.61, 95% CI 0.50 ถึง 0.74; การศึกษา 23 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 117,639 คน หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำ) ค่าประมาณรวมในการศึกษาแบบสุ่มและไม่สุ่มให้ค่าประมาณการป้องกันที่คล้ายคลึงกัน (ทุกช่วงอายุ: RR 0.65, 95% CI 0.55 ถึง 0.78; การศึกษา 26 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 132,539 คน; เด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี: RR 0.70, 95% CI 0.54 ถึง 0.91, การศึกษา 12 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 23,353 คน)

การให้ข้อมูลการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมเท่านั้น (ไม่มีฮาร์ดแวร์หรือเงินช่วยเหลือ)

กลยุทธ์การส่งเสริมการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมเพื่อสร้าง ปรับปรุง หรือใช้สิ่งอำนวยความสะดวกด้านสุขอนามัยได้รับการประเมินในการศึกษาประเภท cluter-RCTs 7 ฉบับ ศึกษาในเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี และอาจลดความชุกของโรคท้องร่วง (RR 0.82, 95% CI 0.69 ถึง 0.98; การศึกษา 7 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 28,909 คน หลักฐานความเชื่อมั่นระดับปานกลาง) การวิเคราะห์เพิ่มเติมจากการศึกษา 2 ฉบับ ที่ไม่ได้สุ่มพบว่าไม่มีผล แม้ว่าจะมีความไม่แน่นอนสูงมากก็ตาม ค่าประมาณแบบรวมในการศึกษาแบบสุ่มและไม่สุ่มให้ค่าประมาณการป้องกันที่คล้ายคลึงกัน (RR 0.85, 95% CI 0.73 ถึง 1.01; การศึกษา 9 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 31,080 คน) ไม่มีการศึกษาใดที่วัดผลของวิธีการประเภทนี้ในประชากรสูงอายุ

วิธีการด้านสุขอนามัยใด ๆ

การวิเคราะห์แบบรวมของ cluster-RCTs ในวิธีการด้านสุขอนามัยทั้งหมดแสดงให้เห็นว่าวิธีการดังกล่าวอาจลดความชุกของโรคท้องร่วงในทุกวัย (RR 0.85, 95% CI 0.76 ถึง 0.95, การศึกษา 17 การศึกษา ผู้เข้าร่วม 83,938 คน, หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำ) และเด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบ (RR 0.87, 95% CI 0.77 ถึง 0.97; การศึกษา 14 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 60,024 คน หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำ) การเปรียบเทียบแบบไม่สุ่มยังแสดงผลการป้องกัน แต่อาจมี confounding ได้ ค่าประมาณรวมในการศึกษาแบบสุ่มและไม่สุ่มให้ค่าประมาณการป้องกันที่คล้ายคลึงกัน (ทุกช่วงอายุ: RR 0.74, 95% CI 0.67 ถึง 0.82; การศึกษา 50 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 237,130 คน เด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี: RR 0.80, 95% CI 0.71 ถึง 0.89; การศึกษา 32 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 80,047 คน) ในการวิเคราะห์กลุ่มย่อย มีหลักฐานบางอย่างเกี่ยวกับผลที่มากขึ้นในการศึกษาที่มีความครอบคลุมเพิ่มขึ้นในผู้เข้าร่วมทั้งหมด (ระดับความครอบคลุม 75% หรือสูงกว่า) และยังมีหลักฐานบางอย่างที่แสดงว่าผลลดลงในช่วงเวลาติดตามผลที่นานขึ้นสำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี

มีหลักฐานจำกัดเกี่ยวกับผลลัพธ์อื่นๆ อย่างไรก็ตาม มีหลักฐานบางอย่างที่แสดงว่าวิธีการด้านสุขอนามัยใดๆ สามารถป้องกันโรคบิดได้ (RR 0.74, 95% CI 0.54 ถึง 1.00; การศึกษา 5 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 34,025 คน) และอาการท้องเสียต่อเนื่อง (RR 0.57, 95% CI 0.43 ถึง 0.75; การศึกษา 5 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 2665 คน ) แต่ไม่มีผลต่อการมาตรวจที่คลินิกสำหรับอาการท้องเสีย (RR 0.86, 95% CI 0.44 ถึง 1.67; การศึกษา 2 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 3720 คน) หรือการตายจากทุกสาเหตุ (RR 0.99, 95% CI 0.89 ถึง 1.09; การศึกษา 7 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 46,123 คน)

บันทึกการแปล: 

แปลโดย ศ.นพ.ภิเศก ลุมพิกานนท์ ภาควิชาสูติศาสตร์และนรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น 2 กุมภาพันธ์ 2023 Edit โดย ผกากรอง 20 กุมภาพันธ์ 2023

Tools
Information