อะไรคือประโยชน์และความเสี่ยงของบุคคลากรสุขภาพที่ใช้น้ำยาบ้วนปากต้านจุลชีพหรือสเปรย์ฉีดจมูกเพื่อป้องกันตัวเองเมื่อให้การรักษาผู้ป่วยติดเชื้อ COVID-19

ทำไมคำถามนี้จึงมีความสำคัญ

COVID-19 เป็นโรคติดเชื้อจากไวรัส SARS-CoV-2 คนส่วนใหญ่ที่ติดเชื้อ COVID-19 จะมีอาการเจ็บป่วยระบบทางเดินหายใจในระดับเล็กน้อยถึงปานกลาง และบางคนอาจไม่มีอาการ (การติดเชื้อที่ไม่มีอาการ) คนอื่น ๆ มีอาการรุนแรงและต้องการการรักษาจากผู้เชี่ยวชาญและการดูแลอย่างใกล้ชิด

COVID -19 แพร่กระจายจากคนสู่คนโดยส่วนใหญ่เป็นละอองที่เกิดขึ้นเมื่อผู้ติดเชื้อไอ จาม หรือพูดคุย คนเรายังสามารถติดเชื้อได้โดยการสัมผัสพื้นผิวหรือวัตถุที่มีละอองไวรัส จากนั้นสัมผัสปากหรือจมูกของตนเอง

บุคลากรสุขภาพที่รักษาผู้ติดเชื้อ COVID-19 มีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อเอง การใช้น้ำยาบ้วนปากต้านจุลชีพด้วยตนเอง (เพื่อบ้วนปาก) หรือสเปรย์ฉีดจมูก (ฉีดเข้าทางจมูก) อาจช่วยให้บุคลากรสุขภาพสามารถป้องกันตนเองจากการติดเชื้อได้ น้ำยาบ้วนปากต้านจุลชีพและสเปรย์ฉีดจมูกเป็นของเหลวที่ฆ่าหรือหยุดการเติบโตของสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กเช่นไวรัสหรือแบคทีเรีย

เช่นเดียวกับการรักษาทางการแพทย์ น้ำยาบ้วนปากและสเปรย์ฉีดจมูกที่มีฤทธิ์ต้านจุลชีพมีทั้งความเสี่ยงและประโยชน์ เป็นไปได้ว่าการใช้น้ำยาบ้วนปากหรือสเปรย์ฉีดจมูกอาจทำให้เกิดผลเสีย (ไม่พึงประสงค์) หลายอย่างรวมถึงการระคายเคือง อาการแพ้ หรือการสูญเสียการได้กลิ่น นอกจากนี้ยังอาจกำจัดสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กออกจากปากหรือจมูกซึ่งมีประโยชน์ในการปกป้องร่างกายจากการติดเชื้อ

เพื่อประเมินผลประโยชน์และความเสี่ยงของน้ำยาบ้วนปากและสเปรย์ฉีดจมูกด้วยยาต้านจุลชีพสำหรับบุคลากรสุขภาพที่รักษาผู้ป่วยที่ติดเชื้อ COVID-19 เราจึงพิจารณาทบทวนหลักฐานการวิจัย

เราค้นหาหลักฐานอย่างไร

ทีมนักวิจัยของเราสืบค้นวรรณกรรมทางการแพทย์สำหรับการศึกษาที่เปรียบเทียบผลของน้ำยาบ้วนปากต้านจุลชีพหรือสเปรย์ฉีดจมูกที่บุคลากรสุขภาพใช้กับการไม่ใช้ ใช้น้ำหรือสารละลายเกลือ

เราพบอะไร

เราไม่พบการศึกษาที่สมบูรณ์ที่จะรวมไว้ในการทบทวนวรรณกรรมนี้

เราพบการศึกษา 3 รายการที่กำลังดำเนินการอยู่ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อรวมผู้เข้าร่วมเกือบ 700 คน การศึกษาเหล่านี้กำลังตรวจสอบผลของโพวิโดนไอโอดีน (เป็นน้ำยาบ้วนปากและสเปรย์ฉีดจมูก) ไนตริกออกไซด์ (เป็นน้ำยาบ้วนปากและสเปรย์พ่นจมูก) และสเปรย์พ่นจมูก GLS-1200 (แม้ว่าเนื้อหาของสเปรย์นี้จะไม่ชัดเจนและอาจไม่ปรากฏออกมาว่ารวมสารต้านจุลชีพ)

เราพบ 2 การทดลองแบบสุ่มที่มีกลุ่มเปรียบเทียบ (การศึกษาทางคลินิกที่คนถูกสุ่มเข้าอยู่ในหนึ่งในสองหรือมากกว่าสองกลุ่มของการรักษา) การศึกษาประเภทนี้ให้หลักฐานที่ชัดเจนที่สุดเกี่ยวกับผลของการรักษา การศึกษาที่สามเป็นการศึกษาทางคลินิกแบบไม่สุ่มตัวอย่าง

การศึกษาที่กำลังดำเนินการอยู่เพียงชิ้นเดียวระบุว่าจะตรวจสอบเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ ยังไม่ชัดเจนว่าจะรวมถึงการเปลี่ยนแปลงในการรับกลิ่นหรือการผสมผสานของสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กที่มีอยู่ในปากหรือจมูกและผลของการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้

สิ่งนี้หมายความว่าอะไร

ปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานเกี่ยวกับประโยชน์และความเสี่ยงของบุคลากรสุขภาพที่ใช้น้ำยาบ้วนปากต้านจุลชีพหรือสเปรย์ฉีดจมูกเพื่อป้องกันตัวเองเมื่อให้การรักษาพยาบาลผู้ป่วยติดเชื้อ COVID-19

การทดลองแบบสุ่มที่มีกลุ่มเปรียบเทียบ 2 เรื่องและการศึกษาแบบไม่สุ่มที่กำลังดำเนินการอยู่ 1 เรื่อง เมื่อการศึกษาเหล่านี้เสร็จสมบูรณ์เราจะสามารถวิเคราะห์และรวมสิ่งที่พบไว้ในการทบทวนวรรณกรรมฉบับปรับปรุง

เป็นสิ่งสำคัญที่การศึกษาในอนาคตจะรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ มีการศึกษาที่กำลังดำเนินการอยู่เพียงชิ้นเดียวที่ระบุว่าจะตรวจสอบเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ หากการศึกษาในอนาคตแสดงให้เห็นถึงประโยชน์ของน้ำยาบ้วนปากและสเปรย์ฉีดจมูกก็อาจไม่ได้ผลมากนัก (วิธีการด้านสุขภาพน้อยมากที่มีผลกระทบขนาดใหญ่และมาก) จะเป็นไปได้เพียงแต่เปรียบเทียบประโยชน์เล็กน้อยกับความเสี่ยงหากมีรายงานเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ใด ๆ ที่เกิดขึ้นในการศึกษา

ความเป็นปัจจุบันของการทบทวนนี้เป็นอย่างไร

เราสืบค้นหลักฐานถึงวันที่ 1 มิถุนายน 2020 การทบทวนวรรณกรรมนี้ครอบคลุมงานวิจัยที่มีอยู่จนถึงปัจจุบัน แต่ไม่ได้พิจารณาหลักฐานใด ๆ ที่อาจเกิดขึ้นตั้งแต่นั้นมา

ข้อสรุปของผู้วิจัย: 

เราไม่พบการศึกษาเพื่อรวมไว้ในการทบทวนวรรณกรรมนี้ สิ่งนี้ไม่น่าแปลกใจเนื่องจากการติดเชื้อ COVID-19 ที่เพิ่งเกิดขึ้นเร็ว ๆ นี้ มีแนวโน้มที่ดีว่า คำถามของการทบทวนวรรณกรรมนี้กำลังได้รับการแก้ไขโดย RCTs 2 เรื่อง และ non-randomised study 1 เรื่อง เรากังวลว่าการศึกษาที่กำลังดำเนินการเพียงเรื่องเดียวระบุว่าจะประเมินเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ และยังไม่ชัดเจนว่าจะรวมถึงการเปลี่ยนแปลงความรู้สึกของกลิ่น หรือจุลินทรีย์ในช่องปากและทางจมูกหรือไม่ และผลที่ตามมา

มีวิธีการน้อยมากที่มีผลขนาดที่ใหญ่และน่าประทับใจ หากมีการแสดงผลการรักษาในเชิงบวก เมื่อมีการศึกษาที่จะรวมไว้ในการทบทวนวรรณกรรมนี้ อาจมีขนาดไม่มาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์แบบนี้ ในกรณีที่ผู้ที่ได้รับวิธีการดูแล (intervention) มีความแข็งแรงและสุขภาพดี อาจเป็นความท้าทายที่จะเปรียบเทียบประโยชน์กับอันตราย หากอันตรายมีความถี่และความรุนแรงที่ไม่แน่นอน

อ่านบทคัดย่อฉบับเต็ม
บทนำ: 

การติดเชื้อโควิด -19 ก่อให้เกิดความเสี่ยงร้ายแรงต่อผู้ป่วยและ เนื่องจากลักษณะการติดต่อ ทำให้มีความเสี่ยงร้ายแรงต่อบุคลากรสุขภาพ (HCWs) ที่ให้การรักษา หากช่องปากและจมูกของบุคลากรสุขภาพได้รับการชำระล้างด้วยน้ำยาต้านจุลชีพ สิ่งนี้อาจช่วยลดความเสี่ยงของการติดเชื้อที่แพร่กระจายจากผู้ป่วยที่ติดเชื้อ ไปยังบุคลากรสุขภาพ โดยการส่งผ่านละอองหรือการสัมผัสโดยตรง อย่างไรก็ตามการใช้สารละลายต้านจุลชีพดังกล่าวอาจมีอันตรายที่เกี่ยวข้องกับความเป็นพิษของสารละลายเองหรือการเปลี่ยนแปลงของจุลินทรีย์ตามธรรมชาติในปากหรือจมูก ความเข้าใจเกี่ยวกับผลข้างเคียงที่เป็นไปได้เหล่านี้มีความสำคัญอย่างยิ่งเมื่อบุคลากรสุขภาพมีความแข็งแรงและสบายดี

วัตถุประสงค์: 

เพื่อประเมินประโยชน์และอันตรายของน้ำยาบ้วนปากต้านจุลชีพ (กลั้วคอ) และสเปรย์ฉีดจมูกสำหรับบุคคลากรสุขภาพเพื่อการป้องกันเมื่อให้การรักษาพยาบาลผู้ป่วยที่สงสัยหรือยืนยันว่าติดเชื้อ COVID-19

วิธีการสืบค้น: 

ผู้เชี่ยวชาญด้านข้อมูล (Information Specialists) จาก Cochrane ENT และ Cochrane Oral Health สืบค้น Central Register of Controlled Trials (CENTRAL 2020, Issue 6); Ovid MEDLINE; Ovid Embase และแหล่งข้อมูลเพิ่มเติมของการทดลองที่เผยแพร่และไม่ได้เผยแพร่ วันที่สืบค้นคือ 1 มิถุนายน 2020

เกณฑ์การคัดเลือก: 

นี่เป็นคำถามที่ต้องใช้หลักฐานอย่างเร่งด่วน อย่างไรก็ตามในปัจจุบันเราไม่คาดว่าจะพบการทดลองแบบสุ่มที่มีกลุ่มเปรียบเทียบ (RCTs) ที่เสร็จสมบูรณ์จำนวนมาก เราจึงวางแผนที่จะรวมการศึกษาประเภทต่อไปนี้: RCTs; quasi RCTs; non-randomised controlled trials; prospective cohort study; retrospective cohort study; cross-sectional studies; controlled before-and-after studies เราไม่กำหนดระยะเวลาขั้นต่ำสำหรับการศึกษา

เราค้นหาการศึกษาที่เปรียบเทียบน้ำยาบ้วนปากและ / หรือสเปรย์พ่นจมูกที่มีฤทธิ์ต้านจุลชีพ (อย่างเดียวหรือใช้ร่วมกัน) ที่ความเข้มข้นใด ๆ ที่ใช้ในบุคลากรสุขภาพ โดยมีหรือไม่มีวิธีการแบบเดียวกันกับผู้ป่วยที่ติดเชื้อ COVID-19

การรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล: 

เราใช้ระเบียบวิธีการวิจัยตามมาตรฐานของ Cochrane ผลลัพธ์หลักได้แก่ 1) อุบัติการณ์ของการติดเชื้อ COVID-19 ที่มีอาการ หรือผลการทดสอบบวกในบุคลากรสุขภาพ; 2) เหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ที่สำคัญ: anosmia (หรือการรบกวนในการรับกลิ่น) ผลลัพธ์รองได้แก่ 3) ปริมาณของไวรัสในละอองลอย ถ้ามี (หากมีการจัดการให้กับผู้ป่วย); 4) เหตุการณ์ไม่พึงประสงค์อื่น ๆ : การเปลี่ยนแปลงของ microbiome, ในช่องปาก,โพรงจมูก, คอหอยหลังช่องปาก หรือคอหอยส่วนจมูก; 5) อาการไม่พึงประสงค์อื่น ๆ : การแพ้การระคายเคือง / การไหม้ของเยื่อบุจมูก เยื่อเมือกช่องปาก หรือเยื่อเมือกคอหอยหลังช่องปาก (เช่นการกัดเซาะ, แผลเลือดออก) การเปื้อนสีของเยื่อบุ หรือฟันในระยะยาว, การกลืนกินโดยไม่ได้ตั้งใจ เราวางแผนที่จะใช้ GRADE เพื่อประเมินความเชื่อมั่นของหลักฐานสำหรับแต่ละผลลัพธ์

ผลการวิจัย: 

เราไม่พบการศึกษาที่สมบูรณ์ที่จะรวมไว้ในการทบทวนวรรณกรรมนี้ เราพบการศึกษาที่กำลังดำเนินการ 3 เรื่อง (รวมถึง RCTs 2 เรื่อง) ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อรวบรวมผู้เข้าร่วมเกือบ 700 คน วิธีการที่ใช้อยู่ในการทดลองเหล่านี้ ได้แก่ โพวิโดนไอโอดีน ไนตริกออกไซด์ และสเปรย์ GLS-1200 ในช่องปาก (ส่วนประกอบของสเปรย์นี้ไม่ชัดเจนและอาจไม่ใช่ยาต้านจุลชีพ)

บันทึกการแปล: 

แปลโดย ศ.นพ.ภิเศก ลุมพิกานนท์ ภาควิชาสูติศาสตร์และนรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น 28 กันยายน 2020

Tools
Information