ใจความสำคัญ
– ยาปฏิชีวนะ (เช่น เพนิซิลลิน ด็อกซีไซคลิน อะซิโธรมัยซิน เซโฟแทกซิม และคลอแรมเฟนิคอล) อาจไม่มีผลต่อการเสียชีวิต (เสียชีวิต) และผลข้างเคียงที่เกี่ยวข้องกับการติดเชื้อเลปโตสไปโรซีส อย่างไรก็ตาม เนื่องจากมีหลักฐานที่จำกัด การค้นพบเหล่านี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงหากมีการทดลองคุณภาพสูงเพิ่มเติม
โรคฉี่หนูหรือเลปโตสไปโรซีสคืออะไร
โรคเลปโตสไปโรซีสเป็นโรคที่เกิดขึ้นทั่วโลกที่แพร่เชื้อจากสัตว์ (วัว สุกร ม้า สุนัข และสัตว์ฟันแทะ) มาสู่มนุษย์ (เรียกว่าโรคติดต่อจากสัตว์สู่คน) ผ่านแหล่งน้ำ ดิน หรืออาหารที่ปนเปื้อนปัสสาวะของสัตว์ที่ติดเชื้อ โรคเลปโตสไปโรซีสเป็นโรคที่รักษาและป้องกันได้ แม้ว่าคนส่วนใหญ่จะมีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่เล็กน้อย ซึ่งจะหายไปได้เองและไม่จำเป็นต้องไปพบแพทย์ แต่บางคนก็เป็นโรคที่รุนแรง ส่งผลให้อวัยวะต่างๆ ทำงานผิดปกติ (อวัยวะหยุดทำงานตามปกติ) และอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้
เราต้องการค้นหาอะไร
เราต้องการทราบว่ายาปฏิชีวนะสามารถรักษาโรคเลปโตสไปโรซิสได้อย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่ และมีผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์หรือไม่
เราทำอะไร
เราค้นหาฐานข้อมูลทางการแพทย์สำหรับการทดลองที่ประเมินการใช้ยาปฏิชีวนะในการรักษาโรคเลปโตสไปโรซีส
การทดลองอาจเปรียบเทียบยาปฏิชีวนะกับยาหลอก (การรักษาที่เสแสร้ง) หรือไม่มีการแทรกแซงใดๆ หรือเทียบกับยาปฏิชีวนะตัวอื่น
ผู้วิจัยค้นพบอะไร
เราพบการทดลอง 9 ฉบับที่มีผู้เข้าร่วม 1019 คน ซึ่งเกิดขึ้นในบาร์เบโดส บราซิล มาเลเซีย ปานามา ฟิลิปปินส์ และไทย ผู้เข้าร่วมมีอายุ 13 ถึง 92 ปี
ผู้เข้าร่วมเป็นประชาชนทั่วไปที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เหล่านี้ ยกเว้นการทดลอง 2 ฉบับ ที่เป็นบุคลากรทางทหาร
ผลลัพธ์หลัก
การทดลอง 4 ฉบับ เปรียบเทียบเพนิซิลินกับยาหลอกหรือไม่มีสิ่งแทรกแซง การทดลอง 1 ฉบับ เปรียบเทียบเพนิซิลลินกับด็อกซีไซคลินกับเซโฟแทกซิม การทดลอง 1 ฉบับ เปรียบเทียบเพนิซิลินกับเซฟไตรอะโซน การทดลอง 1 ฉบับ เปรียบเทียบเพนิซิลินกับคลอแรมเฟนิคอลกับการไม่มีสิ่งแทรกแซง การทดลอง 1 ฉบับ เปรียบเทียบ doxycycline กับ azithromycin การทดลอง 1 ฉบับ เปรียบเทียบ doxycycline กับ ยาหหลอก เรารวมผลลัพธ์จากการทดลอง 6 ฉบับ
ยาปฏิชีวนะกับยาหลอก
– อาจไม่ลดการเสียชีวิต (การทดลอง 3 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 367 คน)
– อาจไม่ลดผลข้างเคียงเล็กน้อย (เช่น ท้องร่วง (อุจจาระเหลว) คลื่นไส้ (รู้สึกไม่สบาย) และอาเจียน (ไม่สบาย) ; การทดลอง 2 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 162 คน)
ไม่มีการศึกษาที่รวบรวมไว้รายงานผลข้างเคียงที่ร้ายแรง
ยาปฏิชีวนะกับยาปฏิชีวนะอื่นๆ
– อาจไม่ลดการเสียชีวิต (เพนิซิลลิน เทียบกับ เซฟาโลสปอริน: การทดลอง 2 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 348 คน เปรียบเทียบเพนิซิลลินกับด็อกซีไซคลิน: การทดลอง 1 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 168 คน เปรียบเทียบเซโฟแทกซิมกับด็อกซีไซคลิน: ทดลอง 1 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 169 คน)
– อาจไม่ส่งผลกระทบต่อการเกิดผลข้างเคียงที่รุนแรง (เพนิซิลลิน เทียบกับ ด็อกซีไซคลิน: การทดลอง 1 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 168 คน เพนิซิลลินกับเซโฟแทกซิม: การทดลอง 1 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 175 คน ด็อกซีไซคลิน กับ เซโฟแทกซิม: ทดลอง 1 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 175 คน)
– อาจไม่ส่งผลกระทบต่อการเกิดผลข้างเคียงที่ถือว่าไม่ร้ายแรง (เพนิซิลลิน เทียบกับ เซโฟแทกซิม: การทดลอง 1 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 175 คน เปรียบเทียบด็อกซีไซคลิน: การทดลอง 1 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 168 คน เปรียบเทียบเพนิซิลลินกับคลอแรมเฟนิคอล: การทดลอง 1 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 52 คน)
ข้อจำกัดของหลักฐานคืออะไร
เรามีความมั่นใจต่ำในผลลัพธ์สำหรับการเสียชีวิตและผลข้างเคียง เนื่องจากมีการทดลองจำนวนไม่มากแต่ให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกันอย่างมาก
แหล่งเงินทุน
การทดลอง 6 ฉบับ มีข้อความที่เปิดเผยแหล่งเงินทุน/แหล่งสนับสนุน และการทดลอง 3 ฉบับ ไม่ได้กล่าวถึงแหล่งเงินทุน การทดลอง 4 ใน 6 ฉบับที่กล่าวถึงแหล่งที่มาได้รับเงินทุนจากแหล่งสาธารณะหรือภาครัฐ หรือจากแหล่งการกุศลระหว่างประเทศ และการทดลองที่เหลืออีก 2 ฉบับ นอกเหนือจากแหล่งที่มาของสาธารณะหรือภาครัฐ ได้รับการสนับสนุนในรูปแบบของการจัดหายาทดลองโดยตรงจากบริษัทยา
หลักฐานนี้เป็นปัจจุบันแค่ไหน
การทบทวนวรรณกรรมนี้เป็นการปรับปรุงการทบทวนวรรณกรรมที่เคยทำมาก่อน หลักฐานเป็นข้อมูลถึงวันที่ 27 มีนาคม 2023
เนื่องจากความเชื่อมั่นของหลักฐานต่ำมาก เราจึงไม่ทราบว่ายาปฏิชีวนะให้ผลเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีผลเลยต่อการเสียชีวิตจากทุกสาเหตุ เหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ร้ายแรง หรือเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ที่ถือว่าไม่ร้ายแรง
ยังขาดข้อมูลที่เข้มงวดและชัดเจนจากการทดลองแบบสุ่มเพื่อสนับสนุนการใช้ยาปฏิชีวนะในการรักษาโรคเลปโตสไปโรซีส และการไม่มีการทดลองที่รายงานข้อมูลเกี่ยวกับผลลัพธ์ที่เกี่ยวข้องทางคลินิกก็ยิ่งเพิ่มข้อจำกัดนี้
โรคเลปโตสไปโรซีสเป็นโรคติดต่อจากสัตว์สู่คนผ่านทางน้ำ ดิน หรืออาหารที่ปนเปื้อนปัสสาวะของสัตว์ที่ติดเชื้อ ซึ่งมีสาเหตุมาจากเชื้อ เลปโตสไปรา สายพันธุ์ที่ทำให้เกิดโรค โดยทั่วไปจะมีการสั่งยาปฏิชีวนะเพื่อรักษาโรคเลปโตสไปโรซีส แม้จะมีการใช้ยาปฏิชีวนะรักษาโรคเลปโตสไปโรซีสอย่างแพร่หลาย แต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะระบุประสิทธิผลหรือการแนะนำแนวทางปฏิบัติมาตรฐานเกี่ยวกับการใช้ยาปฏิชีวนะ การทบทวนวรรณกรรมอย่างเป็นระบบที่ได้รับการปรับปรุงครั้งนี้ประเมินหลักฐานที่มีอยู่เกี่ยวกับการใช้ยาปฏิชีวนะในการรักษาโรคเลปโตสไปโรซีส โดยต่อยอดจากการทบทวน Cochrane ที่เผยแพร่ก่อนหน้านี้
เพื่อประเมินประโยชน์และอันตรายของยาปฏิชีวนะเทียบกับยาหลอก การไม่มีการแทรกแซง หรือยาปฏิชีวนะอื่นในการรักษาผู้ที่เป็นโรคเลปโตสไปโรซีส
เราระบุการทดลองทางคลินิกแบบสุ่มตามขั้นตอนมาตรฐานของ Cochrane วันที่ค้นหาครั้งล่าสุดคือ 27 มีนาคม 2023
เราค้นหาการทดลองทางคลินิกแบบสุ่มที่มีการออกแบบต่างๆ ที่ตรวจสอบการใช้ยาปฏิชีวนะในการรักษาโรคเลปโตสไปโรซีส เราไม่ได้กำหนดข้อจำกัดใดๆ ตามอายุ เพศ อาชีพ หรือการเจ็บป่วยอื่นของผู้เข้าร่วมที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาวิจัย การค้นหาของเราครอบคลุมการทดลองที่ประเมินยาปฏิชีวนะโดยไม่คำนึงถึงวิธีการให้ ขนาดยา และกำหนดเวลา และเปรียบเทียบกับยาหลอกหรือไม่มีการแทรกแซง หรือเปรียบเทียบยาปฏิชีวนะที่แตกต่างกัน เรารวมการทดลองโดยไม่คำนึงถึงผลลัพธ์ที่รายงาน
ในระหว่างการเตรียมการทบทวนนี้ เราปฏิบัติตามระเบียบวิธีของ Cochrane และใช้ Review Manager ผลลัพธ์หลักคือการเสียชีวิตจากทุกสาเหตุและเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ร้ายแรง (การติดเชื้อในโรงพยาบาล) ผลลัพธ์รองของเราคือคุณภาพชีวิต สัดส่วนของผู้ที่มีอาการไม่พึงประสงค์ที่ไม่ร้ายแรง และจำนวนวันที่ต้องรักษาตัวในโรงพยาบาล เพื่อประเมินความเสี่ยงของการมีอคติของการทดลองที่รวบรวมไว้ เราใช้เครื่องมือ RoB 2 และสำหรับการประเมินความเชื่อมั่นของหลักฐาน เราใช้ซอฟต์แวร์ GRADEpro GDT เรานำเสนอผลลัพธ์ที่เป็นข้อมูลแบบกลุ่มด้วยอัตราส่วนความเสี่ยง (risk ratio; RR) และนำเสนอผลลัพธ์ที่เป็นข้อมูลต่อเนื่องด้วยค่าความแตกต่างเฉลี่ย (mean difference; MD) พร้อมกับช่วงความเชื่อมั่น 95% (CI) สำหรับผลลัพธ์ทั้ง 2 แบบ เราใช้ random-effects model สำหรับการวิเคราะห์หลักทั้งหมดของเรา และใช้ fixed-effect model สำหรับการวิเคราะห์ความไว สำหรับการวิเคราะห์ผลลัพธ์หลัก เราได้รวมข้อมูลการทดลองจากระยะเวลาติดตามผลที่ยาวที่สุด
เราระบุการทดลองทางคลินิกแบบสุ่มจำนวน 9 ฉบับ ประกอบด้วยผู้เข้าร่วม 1019 คน การทดลอง 7 ฉบับ เปรียบเทียบระหว่าง 2 กลุ่มทดลอง และ การทดลอง 2 ฉบับ เปรียบเทียบะหว่าง 3 กลุ่มทดลอง ในบรรดาการทดลองที่เปรียบเทียบยาปฏิชีวนะกับยาหลอก มีการทดลอง 4 ฉบับ ที่ประเมินเพนิซิลลิน (penicillin) และการทดลอง 1 ฉบับ ประเมินด็อกซีไซคลิน (doxycycline) ในการทดลองเปรียบเทียบยาปฏิชีวนะชนิดต่างๆ การทดลอง 1 ฉบับ ประเมิน doxycycline เทียบกับ azithromycin การทดลอง 1 ฉบับ ประเมิน penicillin เทียบกับ doxycycline เทียบกับ cefotaxime และการทดลอง 1 ฉบับ ประเมิน ceftriaxone เทียบกับ penicillin การทดลอง 1 ฉบับ ประเมินเพนิซิลินร่วมกับคลอแรมเฟนิคอลและไม่มีการแทรกแซงใดๆ นอกเหนือจากการทดลอง 2 ฉบับ ที่คัดเลือกบุคลากรทางทหารที่ประจำการในพื้นที่ระบาดหรือบุคลากรทางทหารที่กลับจากการฝึกในพื้นที่ระบาด การทดลองที่เหลือคัดเลือกบุคคลจากประชากรทั่วไปในพื้นที่ระบาดที่มาโรงพยาบาลเพราะมีไข้ อายุของผู้เข้าร่วมการทดลองที่รวบรวมมาคือ 13 ถึง 92 ปี ระยะเวลาการรักษาคือ 7 วันสำหรับเพนิซิลลิน ด็อกซีไซคลิน และเซฟาโลสปอริน; 5 วันสำหรับคลอแรมเฟนิคอล และ 3 วันสำหรับอะซิโทรมัยซิน ระยะเวลาติดตามผลแตกต่างกันไปในแต่ละการทดลอง โดยการทดลอง 3 ฉบับไม่ได้ระบุระยะเวลาติดตามผล ได้นำการทดลอง 3 ฉบับออกจากการสังเคราะห์เชิงปริมาณ เนื่องจาก 1 ฉบับรายงานเหตุการณ์เป็นศูนย์สำหรับผลลัพธ์ที่กำหนดไว้ล่วงหน้า และอีก 2 ฉบับไม่ได้ให้ข้อมูลสำหรับผลลัพธ์ใดๆ ที่กำหนดไว้ล่วงหน้า
ยาปฏิชีวนะเทียบกับยาหลอกหรือไม่มีการแทรกแซง
หลักฐานมีความไม่แน่นอนอย่างมากเกี่ยวกับผลของเพนิซิลลินเทียบกับยาหลอกต่อการเสียชีวิตจากทุกสาเหตุ (RR 1.57, 95% CI 0.65 ถึง 3.79; I 2 = 8%; การทดลอง 3 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 367 คน; หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำมาก)
หลักฐานมีความไม่แน่นอนอย่างมากเกี่ยวกับผลของเพนิซิลลินหรือคลอแรมเฟนิคอลเทียบกับยาหลอกต่อเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ที่ถือว่าไม่ร้ายแรง (RR 1.05, 95% CI 0.35 ถึง 3.17; I 2 = 0%; การทดลอง 2 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 162 คน; หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำมาก)
ไม่มีการศึกษาใดที่รวบรวมมาประเมินเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ร้ายแรง
ยาปฏิชีวนะกับยาปฏิชีวนะอื่น
หลักฐานไม่แน่นอนอย่างมากเกี่ยวกับผลของเพนิซิลลินเทียบกับเซฟาโลสปอรินต่อการเสียชีวิตจากทุกสาเหตุ (RR 1.38, 95% CI 0.47 ถึง 4.04; I 2 = 0%; การทดลอง 2 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 348 คน; หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำมาก) หรือเทียบกับ doxycycline (RR 0.93, 95% CI 0.13 ถึง 6.46; การทดลอง 1 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 168 คน; หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำมาก) หลักฐานมีความไม่แน่นอนอย่างมากเกี่ยวกับผลของ cefotaxime เทียบกับ doxycycline ต่อการเสียชีวิตจากทุกสาเหตุ (RR 0.18, 95% CI 0.01 ถึง 3.78; การทดลอง 1 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 169 คน; หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำมาก)
หลักฐานมีความไม่แน่นอนอย่างมากเกี่ยวกับผลของเพนิซิลลินเทียบกับด็อกซีไซคลินต่อเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ร้ายแรง (การติดเชื้อในโรงพยาบาล) (RR 0.62, 95% CI 0.11 ถึง 3.62; การทดลอง 1 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 168 คน; หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำมาก) หรือเทียบกับ cefotaxime (RR 1.01, 95% CI 0.15 ถึง 7.02; การทดลอง 1 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 175 คน; หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำมาก) หลักฐานมีความไม่แน่นอนอย่างมากเกี่ยวกับผลของ doxycycline เทียบกับ cefotaxime ต่อเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ร้ายแรง (การติดเชื้อในโรงพยาบาล) (RR 1.01, 95% CI 0.15 ถึง 7.02; การทดลอง 1 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 175 คน; หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำมาก)
หลักฐานไม่แน่นอนอย่างมากเกี่ยวกับผลของเพนิซิลลินเทียบกับเซฟาโตแทกซิม (RR 3.03, 95% CI 0.13 ถึง 73.47; การทดลอง 1 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 175 คน; หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำมาก) เทียบกับด็อกซีไซคลิน (RR 2.80, 95% CI 0.12 ถึง 67.66; การทดลอง 1 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 175 คน หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำมาก) หรือเทียบกับคลอแรมเฟนิคอลในเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ที่ถือว่าไม่ร้ายแรง (RR 0.74, 95% CI 0.15 ถึง 3.67; การทดลอง 1 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 52 คน; หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำมาก)
แหล่งเงินทุน
การทดลอง 6 ใน 9 ฉบับ มีข้อความที่เปิดเผยแหล่งเงินทุน/แหล่งสนับสนุน และการทดลอง 3 ฉบับ ไม่ได้กล่าวถึงแหล่งเงินทุน การทดลอง 4 ใน 6 ฉบับ ที่กล่าวถึงแหล่งที่มาได้รับเงินทุนจากแหล่งสาธารณะหรือภาครัฐ หรือจากแหล่งการกุศลระหว่างประเทศ และการทดลองที่เหลืออีก 2 ฉบับ นอกเหนือจากแหล่งที่มาของสาธารณะหรือภาครัฐ ได้รับการสนับสนุนในรูปแบบของการจัดหายาทดลองโดยตรงจากบริษัทยา
แปลโดย พญ.วิลาสินี หน่อแก้ว โรงพยาบาลมะเร็งอุบลราชธานี Edit โดย พญ ผกากรอง ลุมพิกานนท์ 3 ตุลาคม 2024