ประโยชน์และโทษของ diclofenac ในการจัดการกับความเจ็บปวดของเด็กหลังการผ่าตัดมีอะไรบ้าง

ใจความสำคัญ

• เนื่องจากขาดหลักฐานที่ชัดเจน ประโยชน์และอันตรายของ diclofenac ในการจัดการกับความเจ็บปวดของเด็กหลังการผ่าตัดจึงไม่ชัดเจน

• Diclofenac อาจลดอาการคลื่นไส้อาเจียน แต่อาจเพิ่มความเสี่ยงของการมีเลือดออก เมื่อเทียบกับ opioids (เช่น มอร์ฟีน)

• จำเป็นต้องมีการศึกษาที่ได้รับการออกแบบมาอย่างดีและมีรายงานอย่างครอบคลุมเพื่อให้ความกระจ่างเกี่ยวกับประโยชน์และอันตรายของ diclofenac เมื่อเปรียบเทียบกับ opioids หรือยาอื่นๆ หรือสำหรับวิธีการต่างๆ ในการให้ diclofenac แก่เด็ก

การจัดการความเจ็บปวดหลังการผ่าตัด

ความเจ็บปวดหลังการผ่าตัดหรือการทำหัตถการเป็นเรื่องปกติ และอาจส่งผลต่อการฟื้นตัวและการกลับสู่กิจกรรมปกติ มีหลายวิธีในการลดความเจ็บปวดหลังการผ่าตัด รวมถึงการใช้ยา เช่น diclofenac Diclofenac เป็นส่วนหนึ่งของยาประเภทหนึ่งที่เรียกว่ายาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) ซึ่งสามารถลดการอักเสบและความเจ็บปวดได้ สามารถให้ยาได้หลายเส้นทาง เช่น ทางการกินหรือทางทวารหนักเข้าไปในลำไส้ใหญ่ส่วนล่าง (ทางด้านหลัง) และก่อน ระหว่าง และหลังการผ่าตัด

เราต้องการค้นหาอะไร

เราต้องการทราบประโยชน์และผลเสียของ diclofenac เมื่อเปรียบเทียบกับการรักษาอื่นๆ รวมถึงวิธีการให้ diclofenac แก่เด็กที่มีประสิทธิผลมากที่สุด

เราได้ทำอะไร

เราค้นหาการศึกษาที่เปรียบเทียบ (a) diclofenac กับการรักษาอื่นๆ สำหรับอาการปวดหลังการผ่าตัด; หรือ (b) การให้ diclofenac กับเด็กด้วยวิธีต่างๆ เราสรุปผลและประเมินความเชื่อมั่นในหลักฐาน โดยพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ เช่น วิธีการศึกษาและขนาด

สิ่งที่เราพบคืออะไร

เราพบการศึกษา 32 ฉบับ มีเด็ก 2250 รายที่มีอาการปวดหลังการผ่าตัด การศึกษาที่ใหญ่ที่สุดประกอบด้วยเด็ก 183 คน และเด็กที่เล็กที่สุด 31 คน การศึกษาได้ดำเนินการในหลายประเทศทั่วโลก สถานที่ที่พบบ่อยที่สุดคือสหราชอาณาจักร (การศึกษา 10 ฉบับ) อายุเฉลี่ยของเด็กอยู่ระหว่าง 2 ถึง 14 ปี Diclofenac ถูกนำมาใช้เพื่อจัดการกับความเจ็บปวดหลังการผ่าตัดในการผ่าตัด 12 ประเภท; ที่บ่อยที่สุดคือ การผ่าตัดหู จมูก และลำคอ (การศึกษา 9 ฉบับ) หรือการผ่าตัดตา (การศึกษา 6 ฉบับ)

ผลลัพธ์หลัก

ไม่ชัดเจนว่าการให้ diclofenac ก่อน ระหว่าง หรือหลังการผ่าตัดมีผลต่อการบรรเทาอาการปวด ความรุนแรงของความเจ็บปวด หรืออันตรายเล็กน้อยและร้ายแรงเมื่อเปรียบเทียบกับยาหลอก (การรักษาแบบ 'หลอก' หรือการหลอกที่ไม่มียาใดๆ แต่รูปลักษณ์หรือรสชาติ เหมือนกับยาที่กำลังทดสอบ)

ไม่ชัดเจนว่าการให้ diclofenac ก่อน ระหว่าง หรือหลังการผ่าตัดมีผลต่อการบรรเทาอาการปวดหรือความรุนแรงของความเจ็บปวดเมื่อเปรียบเทียบกับยาอื่นๆ เช่น opioids, paracetamol หรือ bupivacaine ซึ่ง diclofenac อาจส่งผลให้มีอาการคลื่นไส้และอาเจียนน้อยกว่าเมื่อเทียบกับ opioids (การศึกษา 7 ฉบับ ศึกษาในกับเด็ก 463 คน) แต่อาจเพิ่มความเสี่ยงของการมีเลือดออก (การศึกษา 2 ฉบับ ศึกษาในเด็ก 222 คน) แต่เราไม่เชื่อมั่นอย่างมากเกี่ยวกับอันตรายร้ายแรง (การเสียชีวิต ความพิการในระยะยาว หรือนอนโรงพยาบาล)

จึงไม่ชัดเจนว่าการให้ diclofenac ก่อน ระหว่าง หรือหลังการผ่าตัดมีผลต่อการบรรเทาอาการปวด ความรุนแรงของความเจ็บปวด หรืออันตรายเล็กน้อยหรือร้ายแรงเมื่อเปรียบเทียบกับยาหลอกหรือยาอื่นๆ ที่ไม่ใช่ opiods ยังไม่ชัดเจนว่าเส้นทางใด (ทางปากหรือทางทวารหนัก) เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในการจัดการกับความเจ็บปวดหลังการผ่าตัดในเด็ก

ข้อจำกัดของหลักฐานคืออะไร

เราไม่เชื่อมั่นในหลักฐานเนื่องจากข้อจำกัดในการออกแบบการศึกษา และไม่มีการศึกษาใดที่วัดผลลัพธ์หลักบางส่วนที่เราสนใจ นอกจากนี้ยังมีการศึกษาขนาดใหญ่ไม่เพียงพอที่จะมั่นใจเกี่ยวกับผลลัพธ์

หลักฐานนี้เป็นปัจจุบันแค่ไหน

หลักฐานเป็นปัจจุบันจนถึงเดือนเมษายน 2022

ข้อสรุปของผู้วิจัย: 

เรายังคงไม่เชื่อมั่นเกี่ยวกับประสิทธิภาพของ diclofenac เมื่อเทียบกับยาหลอก ยาเปรียบเทียบที่ออกฤทธิ์ หรือโดยวิธีการให้ยาที่แตกต่างกัน สำหรับการจัดการความเจ็บปวดหลังผ่าตัดในเด็ก สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากการที่ผู้ประพันธ์ไม่ได้รายงานผลลัพธ์ที่สำคัญทางคลินิก การรายงานการทดลองที่ไม่ชัดเจน หรือการดำเนินการทดลองที่ไม่ดีทำให้เราเชื่อมั่นในผลลัพธ์ลดลง

เรายังคงไม่เชื่อมั่นเกี่ยวกับความปลอดภัยของ diclofenac เมื่อเปรียบเทียบกับยาหลอกหรือตัวเปรียบเทียบที่ออกฤทธิ์ ยกเว้นการเปรียบเทียบ diclofenac กับ opioids: diclofenac อาจส่งผลให้เกิดอาการคลื่นไส้และอาเจียนน้อยกว่าเมื่อเทียบกับ opioids แต่มีเลือดออกมากกว่า

สำหรับผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพที่จัดการความเจ็บปวดหลังการผ่าตัด diclofenac คือทางเลือกในการยับยั้ง COX ร่วมกับวิธีการทางเภสัชวิทยาและที่ไม่ใช่ทางเภสัชวิทยาอื่นๆ ผู้ให้บริการด้านการแพทย์ควรชั่งน้ำหนักประโยชน์และความเสี่ยงโดยพิจารณาจากสิ่งที่ทราบถึงผลทางเภสัชวิทยา แทนที่จะพิจารณาถึงประสิทธิภาพที่ทราบ สำหรับการผ่าตัดที่ทำให้เกิดอาการเลือดออกหรือคลื่นไส้และอาเจียนหลังการผ่าตัด ควรพิจารณาถึงความเสี่ยงของเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ในการใช้ opioids หรือ diclofenac ในการจัดการกับความเจ็บปวด

อ่านบทคัดย่อฉบับเต็ม
บทนำ: 

เด็กจำนวนมากได้รับการผ่าตัดหลายอย่าง ซึ่งมักทำให้เกิดอาการปวดเฉียบพลันหลังการผ่าตัด ความเจ็บปวดนี้ส่งผลต่อการฟื้นตัวและคุณภาพชีวิต ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) โดยเฉพาะสารยับยั้งไซโคลออกซีเจเนส (COX) เช่น diclofenac สามารถใช้รักษาอาการปวดและลดการอักเสบได้ มีความไม่เชื่อมั่นเกี่ยวกับประโยชน์และอันตรายของ diclofenac เมื่อเทียบกับยาหลอกหรือยาอื่นๆ สำหรับอาการปวดหลังการผ่าตัด

วัตถุประสงค์: 

เพื่อประเมินประสิทธิภาพและความปลอดภัยของยา diclofenac (ทุกขนาดยา) ในการจัดการกับความเจ็บปวดเฉียบพลันหลังการผ่าตัดในเด็ก เปรียบเทียบกับยาหลอก ยาเปรียบเทียบที่ออกฤทธิ์อื่นๆ หรือยา diclofenac ที่ให้โดยวิธีต่างๆ (เช่น รับประทาน ทวารหนัก ฯลฯ) หรือวิธีการให้ (เช่น 'ตามความจำเป็น' เทียบกับ 'ตามกำหนดเวลา')

วิธีการสืบค้น: 

เราใช้วิธีการค้นหาแบบมาตรฐานและครอบคลุมตามวิธีการของ Cochrane เราสืบค้นจาก CENTRAL, MEDLINE และทะเบียนการทดลองในวันที่ 11 เมษายน 2022

เกณฑ์การคัดเลือก: 

เรารวมการทดลองแบบสุ่มที่มีกลุ่มเปรียบเทียบ (RCTs) ในเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีที่ได้รับการผ่าตัด โดยเปรียบเทียบ diclofenac (ที่ให้ในทุกขนาดยาและเส้นทาง) กับยาหลอกหรือวิธีการทางเภสัชวิทยาที่ออกฤทธิ์ใดๆ เรารวม RCTs ที่เปรียบเทียบวิธีการให้ยา diclofenac ที่แตกต่างกันและกลยุทธ์ที่แตกต่างกัน

การรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล: 

เราใช้ระเบียบวิธีการมาตรฐานที่ Cochrane กำหนดไว้ ผลลัพธ์หลักของเราคือ: การบรรเทาอาการปวด (PR) ที่รายงานโดยเด็ก ซึ่งกำหนดเป็นสัดส่วนของเด็กที่รายงานว่ามีการบรรเทาอาการปวดหลังการผ่าตัด 50% หรือดีกว่า ความรุนแรงของความเจ็บปวด (PI) ที่เด็กรายงาน เหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ (AE) และเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ร้ายแรง (SAEs) เรานำเสนอผลลัพธ์โดยใช้ risk ratios (RR) mean differences (MD) และ standardised mean differences (SMD) พร้อมด้วยช่วงความเชื่อมั่น (CI)

ผลการวิจัย: 

เรารวบรวม RCTs 32 ฉบับ ในเด็ก 2250 คน การผ่าตัดทั้งหมดใช้การดมยาสลบ การศึกษาส่วนใหญ่ (27) รวมเด็กอายุมากกว่า 3 ปี มีการศึกษาเพียง 2 ฉบับเท่านั้นที่มีความเสี่ยงของการมีอคติโดยรวมต่ำ; 30 ฉบับ มีความเสี่ยงของการเกิดอคติไม่ชัดเจนหรือสูงในหนึ่งหรือหลายโดเมน

Diclofenac เทียบกับยาหลอก (การศึกษา 3 ฉบับ)

ไม่มีการศึกษาที่รวบรวมไว้ใดที่รายงานเกี่ยวกับ PR หรือ PI เราไม่เชื่อมั่นอย่างมากเกี่ยวกับประโยชน์และผลเสียของ diclofenac เทียบกับยาหลอกต่ออาการคลื่นไส้/อาเจียน (RR 0.83, 95% CI 0.38 ถึง 1.80; การศึกษา 2 ฉบับ ศึกษาในเด็ก 100 คน) และรายงานเลือดออก (RR 3.00, 95% CI 0.34 ถึง 26.45; การศึกษา 2 ฉบับ ศึกษาในเด็ก 100 คน) ทั้งสองอย่างหลักฐานมีความเชื่อมั่นต่ำมาก ไม่มีการศึกษาที่รวบรวมไว้ใดที่รายงาน SAEs

Diclofenac เทียบกับ opioids (การศึกษา 7 ฉบับ)

เราไม่เชื่อมั่นอย่างมากว่า diclofenac ลด PI ที่ 2 ถึง 24 ชั่วโมงหลังการผ่าตัดเมื่อเปรียบเทียบกับ opioids (ค่ามัธยฐานความเจ็บปวดความเข้ม 0.3 (interquartile range (IQR) 0.0 ถึง 2.5) สำหรับ diclofenac เทียบกับค่ามัธยฐาน 0.7 (IQR 0.1 ถึง 2.4) ในกลุ่ม opioids; การศึกษา 1 ฉบับ ศึกษาในเด็ก 50 คน หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำมาก) ไม่มีการศึกษาที่รวมไว้ใดที่รายงานเกี่ยวกับ PR หรือ PI สำหรับจุดเวลาอื่น Diclofenac อาจส่งผลให้มีอาการคลื่นไส้/อาเจียนน้อยลงเมื่อเทียบกับ opioids (41.0% ในกลุ่ม opioids, 31.0% ในกลุ่ม diclofenac; RR 0.75, 95% CI 0.58 ถึง 0.96; การศึกษา 7 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 463 คน) และอาจเพิ่มการรายงานเลือดออก (5.4% ในกลุ่ม opioids), 16.5% ในกลุ่ม diclofenac; RR 3.06, 95% CI 1.31 ถึง 7.13; การศึกษา 2 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 222 คน) ทั้งสองอย่างหลักฐานความเชื่อมั่นปานกลาง ไม่มีการศึกษาที่รวบรวมไว้ใดที่รายงาน SAEs

Diclofenac เทียบกับ paracetamol (การศึกษา 10 ฉบับ)

ไม่มีการศึกษาใดที่รวบรวมเข้าประเมิน PR ที่รายงานโดยเด็ก เมื่อเปรียบเทียบกับ paracetamol เราไม่เชื่อมั่นอย่างมากว่า diclofenac: ลด PI ที่ 0 ถึง 2 ชั่วโมงหลังการผ่าตัด (SMD -0.45, 95% CI -0.74 ถึง -0.15; การศึกษา 2 ฉบับ ศึกษาในเด็ก 180 คน); ลด PI ที่ 2 ถึง 24 ชั่วโมงหลังการผ่าตัด (SMD -0.64, 95% CI -0.89 ถึง -0.39; การศึกษา 3 ฉบับ ศึกษาในเด็ก 300 คน); ลดอาการคลื่นไส้/อาเจียน (RR 0.47, 95% CI 0.25 ถึง 0.87; การศึกษา 5 ฉบับ ศึกษาในเด็ก 348 คน); ลดเหตุการณ์เลือดออก (RR 0.57, 95% CI 0.12 ถึง 2.62; การศึกษา 5 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 332 คน); หรือลด SAEs (RR 0.50, 95% CI 0.05 ถึง 5.22; การศึกษา 1 ฉบับ ศึกษาในเด็ก 60 คน)

ความเชื่อมั่นของหลักฐานต่ำมากสำหรับผลลัพธ์ทั้งหมด

Diclofenac เทียบกับ bupivacaine (การศึกษา 5 ฉบับ)

ไม่มีการศึกษาที่รวบรวมไว้ใดที่รายงานเกี่ยวกับ PR หรือ PI เมื่อเปรียบเทียบกับ bupivacaine เราไม่เชื่อมั่นอย่างมากเกี่ยวกับผลของ diclofenac ต่ออาการคลื่นไส้/อาเจียน (RR 1.28, 95% CI 0.58 ถึง 2.78; การศึกษา 3 ฉบับ ศึกษาในเด็ก 128 คน) และ SAEs (RR 4.52, 95% CI 0.23 ถึง 88.38; การศึกษา 1 ฉบับ ศึกษาในเด็ก 38 คน) ทั้งสองอย่างหลักฐานความเชื่อมั่นต่ำมาก

Diclofenac เทียบกับตัวเปรียบเทียบทางเภสัชวิทยาที่ออกฤทธิ์ (การศึกษา 10 ฉบับ)

เราไม่เชื่อมั่นอย่างมากเกี่ยวกับประโยชน์และผลเสียของ diclofenac เทียบกับตัวเปรียบเทียบทางเภสัชวิทยาอื่นๆ ที่ออกฤทธิ์ (dexamethasone, pranoprofen, fluorometholone, oxybuprocaine, flurbiprofen, lignocaine) และสำหรับเส้นทางการจ่าย diclofenac ที่แตกต่างกัน เนื่องจากมีการศึกษาเพียงเล็กน้อย ไม่มีการรายงานของ ผลลัพธ์ที่สำคัญ และหลักฐานความเชื่อมั่นต่ำมากสำหรับผลลัพธ์ที่รายงาน เราไม่สามารถสรุปผลที่มีความหมายใดๆ จากผลลัพธ์ที่เป็นตัวเลขได้

บันทึกการแปล: 

แปลโดย ศ.นพ.ภิเศก ลุมพิกานนท์ ภาควิชาสูติศาสตร์และนรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น 29 ธันวาคม 2023

Tools
Information