ใจความสำคัญ
เนื่องจากยังขาดหลักฐานที่มีความแน่ชัด เราไม่มั่นใจว่ายาฟาวิพิราเวียร์จะมีประโยชน์หรือไม่ ในการรักษาผู้ที่ติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (COVID-19) ทั้งในผู้ป่วยที่ไม่จำเป็นต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล และผู้ป่วยที่จำต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล
ยาฟาวิพิราเวียร์อาจมีผลข้างเคียงเล็กน้อย แต่ดูเหมือนจะไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียงที่สำคัญหรือรุนแรง
ยาฟาวิพิราเวียร์คืออะไร
ยาฟาวิพิราเวียร์เป็นยาที่สามารถต่อสู้กับไวรัสได้ ปกติจะใช้รับประทานทางปาก เดิมทีใช้สำหรับรักษาโรคติดเชื้อไวรัสชนิดอื่นๆ ยาฟาวิพิราเวียร์ได้รับการเสนอแนะว่าอาจเป็นวิธีการรักษาที่มีศักยภาพสำหรับโรคโควิด-19 เพื่อป้องกันการแพร่ขยายของไวรัส หน่วยงานกำกับดูแลทางการแพทย์ได้อนุมัติยาฟาวิพิราเวียร์เพื่อใช้ในกรณีฉุกเฉินเพื่อรักษาผู้ป่วยโรคโควิด-19
เราต้องการค้นหาอะไร
เราต้องการทราบว่า ยาฟาวิพิราเวียร์ดีกว่าการไม่ได้รับการรักษา หรือการรักษาแบบประคับประคอง หรือการทดลองการรักษาด้วยยาต้านไวรัสอื่นๆ สำหรับผู้ที่ติดเชื้อโควิด-19 ในแง่ของการเสียชีวิต ความต้องการความช่วยเหลือทางการหายใจ (เครื่องช่วยหายใจ) และผลลัพธ์อื่นๆ เรายังต้องการทราบว่า ยาฟาวิพิราเวียร์ มีผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์หรือไม่
เราทำอะไร
เราค้นหาการศึกษาทดลองที่เปรียบเทียบ ยาฟาวิพิราเวียร์กับการไม่มีการรักษา หรือการรักษาแบบประคับประคอง หรือการรักษาด้วยยาต้านไวรัสอื่นๆ ในผู้ที่เป็นโรคโควิด-19 เราเปรียบเทียบและสรุปผลการศึกษาและให้คะแนนความเชื่อมั่นของหลักฐาน โดยพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ เช่น วิธีการศึกษาและขนาดการศึกษา
เราพบอะไร
เราพบการศึกษาทดลองที่เกี่ยวข้อง 25 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 5750 คน การศึกษาทดลองดำเนินในหลายประเทศ: บาห์เรน บราซิล จีน อินเดีย อิหร่าน คูเวต มาเลเซีย เม็กซิโก รัสเซีย ซาอุดีอาระเบีย ไทย สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา คนส่วนใหญ่มีอายุต่ำกว่า 60 ปี และมีอาการติดเชื้อโควิด-19 ที่มีอาการเล็กน้อยถึงปานกลาง
อะไรคือผลลัพธ์หลักของการการทบทวนวรรณกรรมของเรา
• เราไม่ทราบว่ายาฟาวิพิราเวียร์ช่วยลดจำนวนผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ได้หรือไม่ เมื่อเปรียบเทียบกับการรักษาหลอก หรือการรักษามาตรฐาน หรือยาต้านไวรัสอื่นๆ หลักฐานที่สนับสนุนข้อสรุปนี้ไม่ชัดเจนมาก (จากการศึกษา 11 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 3459 คน)
• ยังไม่ชัดเจนว่ายาฟาวิพิราเวียร์ช่วยลดความจำเป็นในการใส่เครื่องช่วยหายใจเมื่อเทียบกับการรักษาหลอกหรือการรักษาด้วยยาต้านไวรัสอื่นๆ หรือไม่ (จากการศึกษา 8 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 1383 คน)
• ในผู้ที่มีอาการเล็กน้อย การใช้ฟาวิพิราเวียร์อาจไม่ลดโอกาสที่ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล แต่จำเป็นต้องมีการวิจัยเพิ่มเติมเพื่อให้แน่ใจ (จากการศึกษา 4 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 670 คน)
• ยาฟาวิพิราเวียร์มีผลไม่ชัดเจนต่อระยะเวลาที่ผู้ป่วยจะอาการดีขึ้น โดยตามเกณฑ์ที่กำหนดเรื่องการลดความรุนแรงของการเจ็บป่วย (จากการศึกษา 4 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 721 คน)
• ดูเหมือนว่ายาฟาวิพิราเวียร์จะสร้างความแตกต่างเพียงเล็กน้อยในการลดความจำเป็นในการรักษาด้วยออกซิเจน เมื่อเปรียบเทียบกับการรักษาหลอกหรือการรักษาด้วยยาต้านไวรัสอื่นๆ (จากการศึกษา 2 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 543 คน)
• ยาฟาวิพิราเวียร์อาจทำให้เกิด ผลข้างเคียงที่ไม่รุนแรง (จากการศึกษา 18 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 4699 คน) แต่ดูเหมือนจะไม่ก่อให้เกิด ผลข้างเคียงที่สำคัญหรือรุนแรง (มาจากการศึกษา 12 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 3317 คน)
ข้อจำกัดของหลักฐานคืออะไร
ความเชื่อมั่นของเราต่อหลักฐานการใช้ฟาวิพิราเวียร์นั้นมีจำกัด เนื่องจากผู้ป่วยในการศึกษามีความรุนแรงของโรคที่แตกต่างกัน และการศึกษามีขนาดต่างกันและให้ผลลัพธ์ที่ไม่สอดคล้องกัน
การทบทวนวรรณกรรมนี้มีความเป็นปัจจุบันเพียงใด
การทบทวนพิจารณาหลักฐานจนถึงวันที่ 18 กรกฎาคม 2023
หลักฐานความเชื่อมั่นระดับต่ำถึงต่ำมาก หมายความว่าเราไม่ทราบว่ายาฟาวิพิราเวียร์ มีประสิทธิภาพในการรักษาผู้ที่ป่วยด้วยโรคโควิด-19 หรือไม่ โดยไม่คำนึงถึงความรุนแรงหรือสถานะเมื่อเข้ารักษา การรักษาด้วยฟาวิพิราเวียร์ อาจส่งผลให้อุบัติการณ์ของเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์โดยรวมเพิ่มขึ้น แต่อาจไม่ส่งผลให้เกิด เหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ร้ายแรง
การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโคโรนาไวรัส 2019 (COVID-19) ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิด กลุ่มอาการทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรงจากไวรัสโคโรนา 2 (SARS-CoV-2) ซึ่งยังคงเป็นเรื่องที่ท้าทายบุคลากรด้านสุขภาพและสังคมทั่วโลก มีผู้เชี่ยวชาญบางคนแนะนำว่ายาฟาวิพิราเวียร์จะมีประสิทธิภาพและปลอดภัยในการรักษาโรคโควิด-19 ถึงแม้ว่ายานี้ได้รับการประเมินในการทดลองแบบสุ่มที่มีกลุ่มควบคุม (RCTs: randomized controlled trials) แต่ก็ยังไม่สามารถได้ข้อสรุปที่ชัดเจนว่า ยานี้บทบาทอย่างไรในการรักษาโรคโควิด-19
เพื่อประเมินผลของยาฟาวิพิราเวียร์ในการรักษาผู้ที่ป่วยโรคโควิด-19 แบบเฉียบพลัน เปรียบเทียบกับการไม่ให้ยารักษา หรือเทียบกับการรักษาแบบประคับประคอง หรือเทียบกับการรักษาด้วยยาต้านไวรัสชนิดอื่นๆที่กำลังทดลองอยู่
เราสืบค้นฐานข้อมูลจนถึงวันที่ 18 กรกฎาคม 2023 จาก Cochrane COVID-19, MEDLINE, Embase, the World Health Organization (WHO) COVID-19 Global literature on coronavirus disease และฐานข้อมูลอื่นอีก 3 แหล่ง
เราค้นหา RCTs ที่ประเมินประสิทธิภาพของยาฟาวิพิราเวียร์ในการรักษาผู้ป่วยโรคโควิด-19
เราใช้ขั้นตอนระเบียบวิธีมาตรฐานของ Cochrane ในการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล เราใช้แนวทาง GRADE เพื่อประเมินความเชื่อมั่นของหลักฐาน ในแต่ละผลลัพธ์
เรารวบรวมการศึกษาทดลอง 25 ฉบับ ที่ทำการสุ่มตัวอย่างผู้ใหญ่จำนวน 5750 คน (ส่วนใหญ่อายุต่ำกว่า 60 ปี) การศึกษาทดลองดำเนินในประเทศ บาห์เรน บราซิล จีน อินเดีย อิหร่าน คูเวต มาเลเซีย เม็กซิโก รัสเซีย ซาอุดีอาระเบีย ไทย สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา ผู้เข้าร่วมการศึกษาส่วนใหญ่เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลด้วยโรคที่มีความรุนแรงระดับเล็กน้อยถึงปานกลาง (89%) การศึกษาทดลอง 22 จากทั้งหมด 25 ฉบับ เปรียบเทียบยาฟาวิพิราเวียร์กับยาหลอกหรือการดูแลมาตรฐาน ในขณะที่การศึกษาอีก 2 ฉบับ มี lopinavir/ritonavir เป็นตัวเปรียบเทียบ และ umifenovir เป็นตัวเปรียบเทียบในการศึกษาอีก 1 ฉบับ การศึกษาทดลองส่วนใหญ่ (24 จาก 25 ฉบับ) ให้ยาฟาวิพิราเวียร์ขนาด 1600 มก. หรือ 1800 มก. วันละ 2 ครั้งในวันแรก ตามด้วย 600 มก. ถึง 800 มก. วันละ 2 ครั้ง ระยะเวลาการรักษาแตกต่างกันไปตั้งแต่ 5 ถึง 14 วัน
เราไม่ทราบว่ายาฟาวิพิราเวียร์ลดการเสียชีวิตจากทุกสาเหตุในระยะ 28 ถึง 30 วัน หรือขณะนอนโรงพยาบาล อัตราส่วนความเสี่ยง (RR: risk ratio) 0.84, ช่วงความเชื่อมั่น 95% (95% confidence interval (CI)) 0.49 ถึง 1.46; การศึกษา 11 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 3459 คน; หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำมาก) เราไม่ทราบว่ายาฟาวิพิราเวียร์ ลดการลุกลามของโรคจนต้องใส่เครื่องช่วยหายใจหรือไม่ (RR 0.86, 95% CI 0.68 ถึง 1.09; การศึกษา 8 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 1383 คน; หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำมาก) ยาฟาวิพิราเวียร์อาจสร้างความแตกต่างเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีความแตกต่างเลยในความจำเป็นในการเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล (ในผู้ป่วยนอก) (RR 1.04, 95% CI 0.44 ถึง 2.46; การศึกษา 4 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 670 คน; หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำ) เราไม่ทราบว่ายาฟาวิพิราเวียร์ ช่วยให้อาการทางคลินิกดีขึ้นเร็วหรือไม่ (หมายถึงเวลาที่มีการลด ordinal scale ของ WHO ลง 2 คะแนน จากช่วงแรกรับของผู้ป่วยใน) (Hazard Ratio (HR) 1.13, 95% CI 0.69 ถึง 1.83; การศึกษา 4 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 721 คน; หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำมาก) ยาฟาวิพิราเวียร์ อาจทำให้มีความแตกต่างเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีความแตกต่างเลย ในความต้องการการบำบัดด้วยออกซิเจนที่เพิ่มขึ้น (RR 1.20, 95% CI 0.83 ถึง 1.75; การศึกษา 2 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 543 คน; หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำ) ยาฟาวิพิราเวียร์ อาจทำให้อุบัติการณ์ของเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์โดยรวมเพิ่มขึ้น (RR 1.27, 95% CI 1.05 ถึง 1.54; การศึกษา 18 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 4699 คน; หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำ) แต่อาจส่งผลให้เกิดความแตกต่างเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลยในเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ร้ายแรงที่เกิดจากยา (RR 1.04, 95% CI 0.76 ถึง 1.42; การศึกษา 12 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 3317 คน; หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำ)
แปลโดย นายแพทย์โยธี ทองเป็นใหญ่ หน่วยโรคภูมิแพ้และภูมิคุ้มกัน ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา Dr.Yothi Tongpenyai MD., M.Sc; May 31, 2024