ที่มาและความสำคัญของปัญหา
วิตามินดีเป็นสารอาหารที่สำคัญสำหรับการเจริญเติบโตของกระดูกและการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน การขาดวิตามินดีทำให้เกิดโรคกระดูกอ่อนและมีความเกี่ยวข้องกับการเกิดโรคติดเชื้อต่าง ๆ รวมทั้งการติดเชื้อของระบบทางเดินหายใจ มีการศึกษาหลายการศึกษารายงานความสัมพันธ์ระหว่างการขาดวิตามินดีและการติดเชื้อในเด็กและคิดว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับบทบาทของวิตามินดีในระบบภูมิคุ้มกัน การทบทวนนี้ผู้ทบทวนต้องการศึกษาการให้วิตามินดีเสริมเพื่อป้องกันการติดเชื้อในเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี โดยโรคติดเชื้อที่ศึกษาในการทบทวนนี้ได้แก่โรคปอดบวม วัณโรค (TB) โรคอุจจาระร่วงและโรคมาลาเรีย
ลักษณะของการศึกษา
ผู้ทบทวนสืบค้นหลักฐานที่มีอยู่ถึง 17 มิถุนายน 2016 มีการศึกษารวม 4 เรื่อง เป็นเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปีจำนวน 3198 คน ซึ่งทำการศึกษาในประเทศอัฟกานิสถาน สเปนและสหรัฐอเมริกา
ผลการทบทวนหลัก
การทบทวนนี้ไม่พบผลของการเสริมวิตามินดีต่ออัตราการเสียชีวิต (หลักฐานคุณภาพต่ำ ); การเกิดปอดบวมครั้งแรกหรือเฉพาะจำนวนครั้งที่เป็นโรคปอดบวม โดยไม่คำนึงถึงการยืนยันการวินิจฉัยโดยการทดสอบทางห้องปฏิบัติการในโรงพยาบาล (หลักฐานคุณภาพระดับปานกลาง ) มีหลักฐานอย่างจำกัดว่าไม่มีความแตกต่างที่เห็นได้ชัดในการเกิดโรคอุจจาระร่วงครั้งแรกหรือการเป็นโรคอุจจาระร่วงซ้ำระหว่างเด็กที่เสริมและไม่เสริมวิตามินดี ไม่สามารถบอกได้ว่าวิตามินดีมีผลต่อการต้องอยู่รักษาในโรงพยาบาลหรือไม่ เพราะมีเพียงหนึ่งการศึกษาขนาดเล็กที่ศึกษาผลเรื่องนี้ (หลักฐานคุณภาพต่ำมาก ) เด็กที่เสริมวิตามินดีมีค่าเฉลี่ยระดับซีรั่มวิตามินดีสูงกว่าเด็กที่ไม่ได้เสริม ณ วันสิ้นสุดการเสริมวิตามินดี (หลักฐานคุณภาพต่ำ ) การศึกษาขนาดใหญ่ 1 การศึกษาซึ่งศึกษาที่ประเทศอัฟกานิสถานพบการเพิ่มขึ้นของโรคปอดบวมชนิดเป็นซ้ำที่ได้รับการยืนยันการวินิจฉัย แต่ไม่พบการเพิ่มขึ้นของปอดบวมทั้งชนิดที่ได้รับและไม่ได้รับการยืนยัน ไม่มีการศึกษาใดที่รายงานผลต่อการติดเชื้อวัณโรคหรือมาลาเรีย
สรุป
การศึกษาที่มีขนาดใหญ่ 1 การศึกษาไม่พบว่าการเสริมวิตามินดีมีผลต่อการเสียชีวิตหรือการติดเชื้อของระบบทางเดินหายใจในเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ไม่พบการศึกษาที่ประเมินผลการเสริมวิตามินดีที่มีต่อการป้องกันการติดเชื้ออื่น ๆ เช่นวัณโรคและมาลาเรีย
หลักฐานจากการศึกษาขนาดใหญ่หนึ่งการศึกษาไม่ได้แสดงให้เห็นถึงประโยชน์ของการเสริมวิตามินดีต่ออุบัติการณ์ของโรคปอดบวมหรือโรคอุจจาระร่วงในเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี จากการสืบค้นนี้ ไม่พบการศึกษาที่มีการประเมินผลการเสริมวิตามินดีสำหรับป้องกันการติดเชื้ออื่น ๆ รวมทั้งวัณโรคและมาลาเรีย
วิตามินดีเป็นสารอาหารที่สำคัญสำหรับการเจริญเติบโตของกระดูกและการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน การขาดวิตามินดีทำให้เกิดโรคกระดูกอ่อนและมีความเกี่ยวข้องกับการเกิดโรคติดเชื้อต่าง ๆ รวมทั้งการติดเชื้อของระบบทางเดินหายใจ หลักฐานเกี่ยวกับผลของการเสริมวิตามินดีต่อการติดเชื้อในเด็กยังไม่ได้รับการประเมินอย่างเป็นระบบ
เพื่อประเมินผลการให้วิตามินดีเสริมเพื่อป้องกันโรคปอดบวม วัณโรค โรคอุจจาระร่วงและโรคมาลาเรียในเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ซึ่งรวมการศึกษาทั้งในประเทศที่มีรายได้ต่อประชากรสูง กลางและต่ำ
ผู้ทบทวนสืบค้น the Cochrane Infectious Diseases Group Specialized Register, the Cochrane Central Register of Controlled Trials (CENTRAL), the Cochrane Library, MEDLINE, EMBASE, LILACS, the WHO International Clinical Trials Registry Platform (ICTRP; http://www.who.int/ictrp/en/ ) , ClinicalTrials.gov และ ISRCTN registry (http://www.isrctn.com/) ถึง 16 มิถุนายน 2016
ผู้ทบทวนรวมงานวิจัยแบบสุ่มที่มีกลุ่มเปรียบเทียบ (RCTs) ที่ประเมินการเสริมวิตามินดีเพื่อป้องกันภาวะต่างๆ (เทียบกับยาหลอกหรือไม่มีการเสริม) ในเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี
ผู้ทบทวน 2 คน ศึกษาผลของการสืบค้น ดูชื่อเรื่องและบทคัดย่อ รวมข้อมูลและประเมินความเสี่ยงของการมีอคติ อย่างเป็นอิสระต่อกัน
มีการศึกษารวม 4 เรื่องที่เข้าเกณฑ์การนำมาทบทวน เป็นเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปีจำนวน 3198 คน ซึ่งทำการศึกษาในประเทศอัฟกานิสถาน สเปนและสหรัฐอเมริกา ความชุกของการขาดวิตามินดีแตกต่างกันค่อนข้างมากในประชากรเหล่านี้ (73.1% ในประเทศอัฟกานิสถาน 10 ถึง 12% ในประเทศสหรัฐอเมริกาและ 6.2% ในประเทศสเปน) มีการศึกษาที่ประเมินอัตราการตาย ( 2 การศึกษา) อุบัติการณ์ของโรคปอดบวม (2 การศึกษา) อุบัติการณ์ของโรคอุจจาระร่วง (2 การศึกษา) การอยู่รักษาในโรงพยาบาล (2 การศึกษา) และค่าเฉลี่ยของซีรั่มวิตามินดี (4 การศึกษา)
ไม่สามารถบอกได้ว่าการเสริมวิตามินดีมีผลต่อการเสียชีวิตโดยรวมจากทุกสาเหตุหรือไม่ เนื่องจากผลลัพธ์นี้คือการเสียชีวิตมีน้อย ( underpowered ) (อัตราส่วนความเสี่ยง (RR) 1.43 95% ช่วงความเชื่อมั่น (CI) 0.54-3.74; หนึ่งการศึกษามีเด็กจำนวน 3046 คน หลักฐานคุณภาพต่ำ )
สำหรับโรคปอดบวมชนิดที่ยืนยันโดยภาพรังสีทรวงอกที่เป็นครั้งแรกหรือจำนวนครั้งของโรคปอดบวมมีความแตกต่างกันเพียงเล็กน้อยในกลุ่มเสริมและไม่เสริมวิตามินดี (Rate Ratio: 1.06, 95% ช่วงความเชื่อมั่น (CI) 0.89-1.26; 2 การศึกษามีเด็กจำนวน 3134 คน, หลักฐานมีคุณภาพในระดับปานกลาง ) และในทำนองเดียวกันสำหรับเด็กที่มีโรคปอดบวมทั้งที่ได้รับการยืนยันการวินิจฉัยหรือไม่ยืนยัน (RR 0.95, 95% CI 0.87-1.04; หนึ่งการศึกษา เด็กจำนวน 3046 คน) การศึกษาทั้ง 2 เรื่องนี้ไม่พบว่ามีความแตกต่างอย่างชัดเจนของจำนวนครั้งที่เกิดโรคอุจจาระร่วงระหว่างเด็กที่เสริมและไม่เสริมวิตามินดี
การศึกษาขนาดใหญ่จากประเทศอัฟกานิสถานรายงานว่าการเสริมวิตามินดีมีความสัมพันธ์กับการเพิ่มขึ้นของโรคปอดบวมชนิดเป็นซ้ำที่ได้รับการยืนยันจากภาพรังสีทรวงอก (RR 1.69, CI 1.28-2.21 95% หนึ่งการศึกษา เด็กจำนวน 3046 คน) แต่ไม่พบความสัมพันธ์นี้ในโรคปอดบวมทั้งที่ได้รับการยืนยันหรือไม่ยืนยันการวินิจฉัย (RR 1.06, 95% CI 1.00-1.13; หนึ่งการศึกษา เด็กจำนวน 3046 คน)
มีการประเมินการอยู่รักษาในโรงพยาบาลใน 1 การศึกษาขนาดเล็ก ซึ่งไม่พบว่ามีความแตกต่างกัน(RR 0.86, 95% CI 0.20-3.62 หนึ่งการศึกษา เด็กจำนวน 88 คน; หลักฐานคุณภาพต่ำมาก )
เด็กที่เสริมวิตามินดีมีค่าเฉลี่ยระดับซีรั่มวิตามินดีสูงกว่าเด็กที่ไม่ได้เสริม ณ วันสิ้นสุดการเสริมวิตามินดี ((MD 7.72 ng/mL, 95% CI 0.50 - 14.93; การศึกษา 4 การศึกษา, รวม 266 คน หลักฐานคุณภาพต่ำ ) ซึ่งผลเช่นนี้เกิดจากผลกระทบของการศึกษาขนาดเล็ก 2 การศึกษาที่มีผลค่อนข้างสูง ในขณะที่การศึกษาอีก 2 การศึกษาที่มีขนาดใหญ่กว่า พบว่าในกลุ่มที่เสริมวิตามินดีมีระดับวิตามินดีในซีรั่มสูงเป็นส่วนใหญ่ในช่วงที่มีการเสริม แต่ไม่สูงในตอนท้ายที่หยุดการเสริม ซึ่งอาจจะเป็นเพราะช่วงเวลาที่ห่างกันระหว่างการวัดค่าซีรั่มวิตามินดีกับการให้วิตามินดีเสริมครั้งสุดท้าย การกินวิตามินดีที่ไม่สมำ่เสมอ หรือปริมาณที่ร่างกายต้องการวิตามินดีเพิ่มขึ้นตามอายุของเด็กที่เพิ่มขึ้น
ไม่พบการศึกษาใด ๆ ที่ประเมินผลต่ออุบัติการณ์ของวัณโรค มาลาเรีย หรือการป่วยไข้อื่นๆ ระยะเวลาของโรคปอดบวม ระยะเวลาของโรคอุจจาระร่วง ความรุนแรงของการติดเชื้อและสาเหตุการตายเฉพาะ (จากวัณโรค โรคอุจจาระร่วงหรือโรคมาลาเรีย)
ผู้แปล ศ.พญ ผกากรอง ลุมพิกานนท์ ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น 13 ธันวาคม 2016