การใช้อัลตราซาวด์นําทางทางช่องคลอดเพื่อใช้เข็มเจาะรังไข่สำหรับภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบที่ดื้อต่อ clomiphene ในสตรีที่มีภาวะมีบุตรยากอย่างอ่อน

การแปลนี้ไม่ทันสมัย โปรด คลิกที่นี่ เพื่อดูฉบับภาษาอังกฤษล่าสุดของการทบทวนนี้

คำถามของการทบทวนวรรณกรรม
เราพิจาราณาสตรีที่มีภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบ (PCOS) ที่ดื้อต่อ clomiphene จะได้รับประโยชน์จากการใช้อัลตราซาวด์นําทางทางช่องคลอดเพื่อใช้เข็มเจาะรังไข่ (UTND) เพื่อก่อให้เกิดการตกไข่

ที่มาและความสำคัญของปัญหา

Clomiphene citrate เป็นหนึ่งในการรักษาแรกในการกระตุ้นการตกไข่ (ปล่อยไข่จากรังไข่) ในสตรีที่มี PCOS อย่างไรก็ตาม 15% ถึง 40% ของสตรีก็ไม่เกิดการตกไข่ภายหลังการได้รับ clomiphene (ซึ่งเรียกว่า ดื้อต่อ clomiphene) การเจาะรังไข่ภายใต้การนำทางของอัลตราซาวนด์ที่ใช้สำหรับสตรีที่มี PCOS ที่ดื้อต่อ clomiphene เพื่อช่วยปลดปล่อยฟองไข่ (ตกไข่) นอกจากนี้ gonadotrophins ซึ่งเป็นยาฮอร์โมนฉีด สามารถนำเสนอเป็นตัวเลือกการรักษาเพื่อก่อให้เกิดการตกไข่ในสตรีที่มี PCOS ที่ดื้อต่อ clomiphene

มันได้รับการแนะนำว่าเมื่อเทียบกับการผ่าตัดส่องกล้องเจาะรังไข่ (LOD), UTND อาจลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนของการผ่าตัด อย่างไรก็ตาม ส่วนใหญ่ของการศึกษาของ UTND มีข้อจำกัดในวิธีการศึกษา ความปลอดภัยและประสิทธิภาพของ UTND ยังคงไม่แน่นอน

ช่วงเวลาที่สืบค้น
เราสืบค้นการศึกษาที่ตีพิมพ์ถึงเดือนพฤศจิกายน 2018

ลักษณะของการศึกษา

ห้าการทดลองควบคุมแบบสุ่ม (การศึกษาทางคลินิกที่ผู้คนถูกสุ่มเข้าในหนึ่งในสองหรือมากกว่าสองกลุ่มการรักษา) สตรี 639 รายถูกรวมอยู่ในการทบทวนวรรณกรรมนี้ สามการศึกษาเปรียบเทียบ UTND กับ LOD และสองการศึกษาเปรียบเทียบ UTND รวมกันกับ gonadotropins กับ gonadotropins

ผลการศึกษาที่สำคัญ

UTND เปรียบเทียบกับ LOD

คุณภาพของการศึกษาทั้งสามอยู่ในระดับต่ำถึงต่ำมาก ไม่มีการศึกษารายงานเกี่ยวกับผลลัพธ์ของการเกิดมีชีพ จากหลักฐานที่มีอยู่ในปัจจุบัน เราไม่แน่ใจว่าอัตราการตั้งครรภ์ของสตรีที่ใช้ UTND จะแตกต่างจากของ LOD, UTND อาจนำไปสู่การลดลงของอัตราการตกไข่เมื่อเทียบกับ LOD ดังนั้น หลักฐานที่มีคุณภาพต่ำแสดงให้เห็นว่าในหมู่สตรีที่มี PCOS ที่ดื้อต่อ clomiphene ที่ใช้ LOD มีอัตราการตกไข่ที่คาดไว้คือ 69.5%, อัตราในหมู่สตรีที่ใช้ UTND อาจจะอยู่ระหว่าง 50.6% และ 68.8%. มีหลักฐานไม่เพียงพอที่จะเข้าถึงข้อสรุปเกี่ยวกับภาวะแทรกซ้อนของการผ่าตัดและการแท้งเพราะเราพบเพียงหนึ่งการศึกษาที่มีคุณภาพต่ำมาก ไม่มีการศึกษาที่รายงาน OHSS หรืออัตราการตั้งครรภ์แฝด

UTND ร่วมกับ gonadotropins เปรียบเทียบกับ gonadotropins อย่างเดียว

เราไม่สามารถประเมินผลประโยชน์หรือความเสียหายของการใช้ UTND ร่วมกับ gonadotropins สำหรับสตรีที่มี PCOS ที่ดื้อต่อ clomiphene เนื่องจากเราพบเพียงสองการทดลองที่มีคุณภาพต่ำมากที่ใช้ gonadotropins ในปริมาณที่แตกต่างกัน

คุณภาพของหลักฐาน
เราได้ประเมินคุณภาพของหลักฐานว่าต่ำจนถึงต่ำมากเนื่องจากการอธิบายที่ไม่ดีของวิธีการศึกษาและจำนวนการศึกษาที่มีจำกัด นอกจากนี้การรายงานเกี่ยวกับประเด็นที่เกี่ยวข้องทางคลินิกที่มีความสำคัญสำหรับคู่ที่มีภาวะมีบุตรยากอย่างอ่อน เช่น การเกิดมีชีพ ก็ยังไม่มี

ข้อสรุปของผู้วิจัย: 

จากหลักฐานที่มีคุณภาพต่ำมาก ยังไม่แน่นอนว่ามีความแตกต่างใดๆในอัตราการตั้งครรภ์ อุบัติการณ์ของภาวะแทรกซ้อนการผ่าตัด และอัตราการแท้งระหว่าง UTND และ LOD ในสตรีที่มี PCOS ที่ดื้อต่อ clomiphene UTND อาจนำไปสู่การลดลงของอัตราการตกไข่เมื่อเทียบกับ LOD ไม่มีการศึกษารายงานเกี่ยวกับผลลัพธ์การเกิดมีชีพ อัตราของ OHSS และอัตราการตั้งครรภแฝด ไม่มีการศึกษารายงานเกี่ยวกับผลลัพธ์หลักที่เกิดขึ้นและภาวะแทรกซ้อนการผ่าตัดสำหรับการเปรียบเทียบ UTND ร่วมกับ gonadotrophins เทียบกับ gonadotrophins เพียงอย่างเดียว หลักฐานสำหรับผลลัพธ์ OHSS การตั้งครรภ์ การตกไข่ การแท้งและการตั้งครรภ์แฝดในการเปรียบเทียบนี้มีคุณภาพต่ำมาก ดังนั้นจึงไม่เป็นที่ชัดเจนว่ามีความแตกต่างในผลลัพธ์ใดๆระหว่าง UTND ร่วมกับ gonadotrophins เทียบกับ gonadotrophins เพียงอย่างเดียว

อ่านบทคัดย่อฉบับเต็ม
บทนำ: 

การรบกวนการตกไข่เป็นคุณลักษณะการวินิจฉัยที่สำคัญของภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบ (PCOS) นำไปสู่ภาวะมีบุตรยากและเกี่ยวข้องกับภาระหนักของโรค มีการใช้กลยุทธ์การรักษาหลายอย่างเพื่อก่อให้เกิดการตกไข่สำหรับสตรีที่มี PCOS ที่มีบุตรยาก อัลตราซาวด์นําทางทางช่องคลอดเพื่อใช้เข็มเจาะรังไข่ (UTND) เป็นวิธีการผ่าตัดใหม่ที่ใช้ในการก่อให้เกิดการตกไข่สำหรับสตรีที่มี PCOS ที่ดื้อต่อ clomiphene ในคลินิกผู้ป่วยนอก อย่างไรก็ตาม คุณภาพในส่วนใหญ่ของการศึกษาดูเหมือนต่ำ และความปลอดภัยและประสิทธิภาพของ UTND ยังคงไม่แน่นอน

วัตถุประสงค์: 

เพื่อประเมินประสิทธิภาพและความปลอดภัยของ UTND สำหรับสตรีที่มีภาวะมีบุตรยากอย่างอ่อนที่มี PCOS ที่ดื้อต่อ clomiphene

วิธีการสืบค้น: 

ผู้วิจัยได้สืบค้นข้อมูลใน Cochrane Gynaecology and Fertility Group (CGFG) Specialised Register, CENTRAL, MEDLINE, Embase และ อีกหกฐานข้อมูลอื่น จนถึงพฤศจิกายน 2018 เราได้ตรวจสอบบทคัดย่อการประชุมจาก 2018 ESHRE รายการอ้างอิง และการลงทะเบียนการทดลองทางคลินิก และได้ติดต่อผู้เชี่ยวชาญในด้านที่ศึกษา

เกณฑ์การคัดเลือก: 

เรารวบรวม randomised controlled trials (RCTs) ที่เปรียบเทียบ UTND กับการผ่าตัดผ่านกล้องเพื่อเจาะรังไข่ (LOD) และ UTND รวมกันกับการให้ gonadotropins เทียบกับ gonadotropins เพียงอย่างเดียว สำหรับสตรีวัยเจริญพันธุที่มี PCOS ที่ดื้อต่อ clomiphene และมีบุตรยาก

การรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล: 

ผู้ทบทวนสองคนได้ คัดการทดลองเข้าในการทบทวน ประเมินความเสี่ยงต่อการมีอคติของการทดลองและดึงข้อมูล อย่างเป็นอิสระต่อกัน ผลลัพธ์หลักคืออัตราการเกิดมีชีพและอุบัติการณ์ของภาวะแทรกซ้อนของการผ่าตัด (เลือดออกและการติดเชื้อ) เรารวมภาวะรังไข่ถูกกระตุ้นมากเกิน (ohss) เป็นผลลัพธ์รอง การวิเคราะห์ Meta สามารถดำเนินการสำหรับผลลัพธ์รอง อัตราการตั้งครรภ์และอัตราการตกไข่ในการเปรียบเทียบระหว่าง UTND กับ LOD โดยใช้รูปแบบ random-effect model เราคำนวณ odds ratios (OR) ร่วมกับ ช่วงเชื่อมั่น 95% สำหรับข้อมูลทวิภาค (dichotomous data) ประเมินคุณภาพของงานวิจัยโดยใช้ GRADE

ผลการวิจัย: 

เรารวมการทดลองห้าฉบับ มีจำนวนสตรี 639 รายที่มีภาวะ PCOS ที่ดื้อต่อ clomiphene การศึกษาสามฉบับเปรียบเทียบ UTND กับ LOD และการศึกษาสองฉบับเปรียบเทียบระหว่าง UTND ร่วมกับการให้ gonadotropins กับ gonadotropins เพียงอย่างเดียว คุณภาพของหลักฐานการศึกษาอยู่ในระดับต่ำถึงต่ำมาก ข้อจำกัดหลักคือความเสี่ยงร้ายแรงของการมีอคติเนื่องจากการรายงานวิธีการศึกษาที่ไม่ดี ความไม่สอดคล้องกันซึ่งเป็นผลมาจาก heterogeneity ความไม่แม่นยำ (imprecision) ที่เกิดจากขนาดตัวอย่างที่จำกัดและขาดการรายงานผลที่เกี่ยวข้องทางคลินิกเช่น การเกิดมีชีพและภาวะแทรกซ้อนของการผ่าตัด

UTND เปรียบเทียบกับ LOD

ไม่มีการศึกษารายงานเกี่ยวกับผลลัพธ์เรื่องการเกิดมีชีพ การศึกษาหนึ่งฉบับรายงานเกี่ยวกับภาวะแทรกซ้อนของการผ่าตัด อย่างไรก็ตามหลักฐานสำหรับผลที่ได้คือมีคุณภาพต่ำมากเพราะผลมาจากการศึกษาเดียวที่มีขนาดตัวอย่างเล็กและไม่มีเหตุการณ์ใดๆในทั้งสองกลุ่มการทดลอง ดังนั้นเราจึงไม่แน่ใจว่ามีความแตกต่างในภาวะแทรกซ้อนของการผ่าตัดระหว่าง UTND และ LOD หรือไม่

นอกจากนี้เรายังไม่แน่ใจว่ามีความแตกต่างในอัตราการตั้งครรภ์เมื่อเปรียบเทียบ UTND กับ LOD (OR 0.54, 95% CI 0.28 to 1.03; I2 = 56%; 3 RCTs, n = 473; หลักฐานมีคุณภาพต่ำมาก) UTND อาจนำไปสู่การลดลงเล็กน้อยในอัตราการตกไข่เมื่อเทียบกับ LOD (OR 0.66, 95% CI 0.45 to 0.97; I2 = 0%; 3 RCTs, n = 473; หลักฐานมีคุณภาพต่ำ) ดังนั้นหลักฐานที่มีคุณภาพต่ำแสดงให้เห็นว่าในหมู่สตรีทีมี PCOS ที่ดื้อต่อ clomiphene ที่ใช้ LOD มีอัตราการตกไข่ที่คาดไว้คือ 69.5% อัตราการตกไข่ในหมู่สตรีที่ใช้ UTND อาจจะอยู่ระหว่าง 50.6% และ 68.8%

ไม่มีการศึกษารายงานเกี่ยวกับผลลัพธ์ OHSS และการตั้งครรภแฝด นอกจากนี้ยังมีหลักฐานไม่เพียงพอที่จะสรุปเกี่ยวกับการแท้ง เนื่องจากมีเพียงหนึ่งการศึกษาซึ่งมีคุณภาพต่ำมาก

UTND ร่วมกับ gonadotropins เปรียบเทียบกับ gonadotropins อย่างเดียว

ไม่มีการศึกษารายงานเกี่ยวกับผลลัพธ์หลักที่เกิดขึ้นและอุบัติการณ์ของภาวะแทรกซ้อนของการผ่าตัด หลักฐานสำหรับผลลัพธ์ OHSS การตั้งครรภ์ การตกไข่ การแท้งและการตั้งครรภ์แฝดในการเปรียบเทียบนี้มีคุณภาพต่ำมาก ดังนั้นเราจึงไม่แน่ใจว่ามีความแตกต่างใดๆในผลลัพธ์เหล่านี้สำหรับสตรีที่มี PCOS ดื้อต่อ clomiphene ที่ใช้ UTND ร่วมกับ gonadotropins เมื่อเทียบกับ gonadotropins

บันทึกการแปล: 

ผู้แปล นพ.เจน โสธรวิทย์ ภาควิชาสูติศาสตร์และนรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น Cochrane Thailand วันที่ 23 กันยายน 2019 Cochrane Thailand