การเยี่ยมบ้านในระยะแรกหลังจากการคลอดทารก

เรื่องนี้มีประเด็นอย่างไร

ปัญหาสุขภาพสำหรับแม่และทารกมักเกิดขึ้นหรือปรากฏชัดในช่วงไม่กี่สัปดาห์หลังคลอด สำหรับมารดา ได้แก่ ภาวะตกเลือดหลังคลอด (ทดแทนการสูญเสียเลือดมากเกินไป) มีไข้และติดเชื้อ ปวดท้องและหลัง มีสารคัดหลั่งผิดปกติ (ตกขาวหนักหรือมีกลิ่นเหม็น) ลิ่มเลือดอุดตัน (ลิ่มเลือด) และภาวะแทรกซ้อนทางเดินปัสสาวะ (ไม่สามารถควบคุม กระตุ้นให้ฉี่) รวมทั้งปัญหาสุขภาพจิตและจิตใจ เช่น ภาวะซึมเศร้าหลังคลอด มารดาอาจต้องการการสนับสนุนเพื่อให้สามารถเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้สำเร็จ ทารกมีความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตจากการติดเชื้อ (ทารกอาจได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากการติดเชื้อ) ภาวะขาดอากาศหายใจ (หายใจลำบาก เกิดจากการขาดออกซิเจน) และการคลอดก่อนกำหนด (คลอดก่อนกำหนด)

ทำไมเรื่องนี้จึงมีความสำคัญ

การเยี่ยมบ้านโดยผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพหรือผู้สนับสนุนทั่วไปในช่วงหลังคลอดระยะแรกอาจป้องกันปัญหาสุขภาพไม่ให้เกิดขึ้นในระยะยาว โดยมีผลกระทบต่อสตรี ทารก และครอบครัวของพวกเขา การทบทวนนี้พิจารณาจากตารางการเยี่ยมบ้านต่างๆ ในช่วงหลายสัปดาห์หลังคลอด

เราพบหลักฐานอะไร

เราได้รวบรวมการทดลองแบบสุ่มจำนวน 16 เรื่อง ที่มีข้อมูลจากสตรีมากกว่า 12,080 คน การทดลองบางฉบับเน้นที่การตรวจร่างกายของแม่และเด็กแรกเกิด ในขณะที่การทดลองอื่นๆ ให้การสนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ และการทดลองหนึ่งรวมถึงการให้การสนับสนุนในทางปฏิบัติด้วยการทำงานบ้านและการดูแลเด็ก พวกเขาดำเนินการทั้งในประเทศที่มีทรัพยากรสูงและการตั้งค่าทรัพยากรต่ำซึ่งสตรีที่ได้รับการดูแลตามปกติอาจไม่ได้รับการดูแลหลังคลอดเพิ่มเติมหลังจากออกจากโรงพยาบาลก่อนกำหนด

การทดลองมุ่งเน้นไปที่การเปรียบเทียบในวงกว้างสามประเภท: ตารางที่เกี่ยวข้องกับการเยี่ยมบ้านหลังคลอดมากกว่าและน้อยกว่า (5 การศึกษา) ตารางที่เกี่ยวข้องกับรูปแบบการดูแลที่แตกต่างกัน (3 การศึกษา) และการตรวจสุขภาพหลังคลอดที่บ้านเทียบกับสิ่งอำนวยความสะดวก (8 การศึกษา) ในการศึกษาทั้งหมดยกเว้น 4 การศึกษา ที่มีการดูแลหลังคลอดที่บ้านโดยผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ สำหรับผลลัพธ์ส่วนใหญ่ของเรา มีเพียง 1 หรือ 2 การศึกษาเท่านั้นที่ให้ข้อมูล โดยรวมแล้ว ผลลัพธ์ของเราไม่สอดคล้องกัน

หลักฐานมีความไม่แน่นอนอย่างมากว่าการเยี่ยมบ้านลดการเสียชีวิตของทารกแรกเกิดหรือปัญหาสุขภาพร้ายแรงกับมารดาหรือไม่ สุขภาพกายและสุขภาพจิตของสตรีไม่ดีขึ้นด้วยตารางการเยี่ยมบ้านที่เข้มข้นกว่า แม้ว่าการดูแลแบบเป็นรายบุคคลมากขึ้นจะช่วยปรับปรุงสุขภาพจิตของสตรีใน 1 การศึกษา และความพึงพอใจของมารดาดีขึ้นเล็กน้อยใน 2 การศึกษา โดยรวมแล้ว ทารกอาจมีโอกาสน้อยที่จะได้รับการรักษาพยาบาลเพิ่มเติมหากมารดาได้รับการเยี่ยมบ้านหลังคลอดมากขึ้น การเยี่ยมบ้านมากขึ้นอาจสนับสนุนให้สตรีจำนวนมากขึ้นให้นมลูกอย่างเดียว และสตรีจะพึงพอใจกับการดูแลหลังคลอดมากขึ้น ผลลัพธ์ต่างๆ ที่รายงานในการศึกษาต่างๆ วิธีการวัดผลลัพธ์ และความแปรปรวนอย่างมากในเรื่องวิธีการที่ใช้ (intevention) และการควบคุม (control) ในการศึกษาต่างๆ เป็นข้อจำกัดของการทบทวนวรรณกรรมนี้ ความเชื่อมั่นของหลักฐานโดยทั่วไปพบว่าต่ำหรือต่ำมากตามเกณฑ์ของ GRADE

สิ่งนี้หมายความว่าอะไร

การเพิ่มจำนวนการเยี่ยมบ้านหลังคลอดอาจส่งเสริมสุขภาพของทารกและการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียว และการดูแลเป็นรายบุคคลมากขึ้นอาจช่วยปรับปรุงผลลัพธ์สำหรับสตรี จำเป็นต้องมีการวิจัยเพิ่มเติมก่อนที่จะสามารถแนะนำตารางการดูแลหลังคลอดโดยเฉพาะได้

ข้อสรุปของผู้วิจัย: 

หลักฐานมีความไม่แน่นอนอย่างมากเกี่ยวกับผลกระทบของการเยี่ยมบ้านต่อการเสียชีวิตของมารดาและทารกแรกเกิด การดูแลเฉพาะบุคคลซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแพ็คเกจการเยี่ยมบ้านอาจช่วยเพิ่มคะแนนภาวะซึมเศร้าใน 4 เดือน และการเพิ่มความถี่ของการเยี่ยมบ้านอาจช่วยเพิ่มอัตราการให้นมแม่อย่างเดียวและการใช้ประโยชน์ในการดูแลสุขภาพทารก ความพึงพอใจของมารดาอาจดีกว่าการเยี่ยมบ้านเมื่อเทียบกับการตรวจสุขภาพในโรงพยาบาล โดยรวมแล้ว พบว่ามีความเชื่อมั่นของหลักฐานต่ำและผลการวิจัยไม่สอดคล้องกันระหว่างการศึกษาและการเปรียบเทียบ RCT ที่ออกแบบมาอย่างดีเพิ่มเติมเพื่อประเมินวิธีการที่ซับซ้อนนี้จะต้องกำหนดแพ็คเกจที่เหมาะสมที่สุด

อ่านบทคัดย่อฉบับเต็ม
บทนำ: 

ภาวะแทรกซ้อนของมารดา รวมทั้งปัญหาสุขภาพจิต/สุขภาพจิต และการเจ็บป่วยของทารกแรกเกิดมักพบได้บ่อยในช่วงหลังคลอด การเยี่ยมบ้านโดยบุคคลากรด้านสุขภาพ หรือ อาสาสมัคร ภายในระยะเวลาเป็นสัปดาห์หลังคลอดอาจจะป้องกันปัญหาด้านสุขภาพที่อาจเกิดเรื้อรังจากผลกระทบระยะยาวต่อมารดา ทารก และครอบครัวของเขาเหล่านั้น นี่คือการปรับปรุงของการทบทวนวรรณกรรมล่าสุดที่ตีพิมพ์ในปี 2017

วัตถุประสงค์: 

วัตถุประสงค์หลักของการทบทวนนี้คือเพื่อประเมินผลกระทบของตารางการเยี่ยมบ้านต่างๆ ต่อการตายของมารดาและทารกแรกเกิดในช่วงหลังคลอดระยะแรก การทบทวนจะเน้นที่ความถี่ของการเยี่ยมบ้าน (จำนวนการเยี่ยมบ้านทั้งหมด) ระยะเวลา (เมื่อการเยี่ยมเริ่มต้น เช่น ภายใน 48 ชั่วโมงหลังคลอด) ระยะเวลา (เมื่อสิ้นสุดการเยี่ยมบ้าน) ความรุนแรง (จำนวนการเยี่ยมชมต่อสัปดาห์) และการเยี่ยมบ้านประเภทต่างๆ

วิธีการสืบค้น: 

สำหรับการอัปเดตนี้ เราได้ค้นหา Cochrane Pregnancy and Childbirth Group's Trials Register, ClinicalTrials.gov, WHO International Clinical Trials Registry Platform (ICTRP) (19 พฤษภาคม 2021) และตรวจสอบรายการอ้างอิงของการศึกษาที่รวบรวมมาได้

เกณฑ์การคัดเลือก: 

การทดลองแบบสุ่มที่มีกลุ่มเปรียบเทียบ (RCTs) (รวมถึง cluster-, quasi-RCTs และการศึกษาที่มีอยู่เป็นบทคัดย่อเท่านั้น) เปรียบเทียบวิธีการเยี่ยมบ้านแบบต่างๆ ที่ผู้เข้าร่วมลงทะเบียนในช่วงหลังคลอดช่วงแรก (สูงสุด 42 วันหลังคลอด) เป็นไปตามเกณฑ์การคัดเข้า เราไม่รวมการศึกษาที่สตรีลงทะเบียนและได้มีการเยี่ยมบ้านโดยบุคคลากรด้านสุขภาพ ในช่วงฝากครรภ์ (แม้ว่าการเยี่ยมบ้านโดยบุคคลากรด้านสุขภาพ จะดำเนินต่อไปจนถึงช่วงหลังคลอด) และการศึกษาที่คัดเลือกเฉพาะสตรีจากกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงเฉพาะ (เช่น สตรีที่มีปัญหาเรื่องแอลกอฮอล์หรือยาเสพติด)

การรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล: 

ผู้ประพันธ์การทบทวนวรรณกรรม 2 คน ประเมินการศึกษาเพื่อนำเข้า ตรวจสอบการมีอคติ ดึงข้อมูล และตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลที่รวบรวมได้อย่างเป็นอิสระต่อกัน เราใช้วิธีการ GRADE เพื่อประเมินความเชื่อมั่นของหลักฐาน

ผลการวิจัย: 

เราได้รวบรวมการทดลองแบบสุ่มจำนวน 16 เรื่อง ที่มีข้อมูลจากสตรีมากกว่า 12,080 คน การทดลองดำเนินการในประเทศต่างๆ ทั่วโลก ทั้งในประเทศที่มีรายได้สูงและต่ำ ในกลุ่มสตรีที่มีการสนับสนุนด้านทรัพยากรต่ำ สตรีที่ได้รับการดูแลตามปกติอาจไม่ได้รับการดูแลหลังคลอดเพิ่มเติมหลังจากออกจากโรงพยาบาล

กลุ่มที่มีการเยี่ยมบ้านโดยบุคคลากรด้านสุขภาพ และกลุ่มการควบคุมแตกต่างกันอย่างมากในแต่ละการศึกษา การทดลองมุ่งเน้นไปที่การเปรียบเทียบกว้างๆ 3 ประเภทดังรายละเอียดด้านล่าง ในการศึกษาทั้งหมด ยกเว้น 4 การศึกษา ที่มีการดูแลหลังคลอดที่บ้านโดยบุคคลาการทางด้านสุขภาพ เป้าหมายของการเยี่ยมบ้านโดยบุคคลากรด้านสุขภาพทั้งหมดคือ เพื่อประเมินความเป็นอยู่ที่ดีของมารดาและทารก ตลอดจนให้การศึกษาและการสนับสนุน อย่างไรก็ตาม การเยี่ยมบ้านโดยบุคคลากรด้านสุขภาพบางอย่างมีเป้าหมายเฉพาะเจาะจงมากขึ้น เช่น เพื่อส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ หรือเพื่อให้การสนับสนุนในทางปฏิบัติ

สำหรับผลลัพธ์ส่วนใหญ่ของเรา มีเพียง 1 หรือ 2 การศึกษาที่ให้ข้อมูล และผลลัพธ์โดยรวมไม่สอดคล้องกัน การศึกษาทั้งหมดมีหลายประเด็นที่มีความเสี่ยงของอคติสูงหรือไม่ชัดเจน

เยี่ยมบ้านมากกว่าและน้อยกว่า (5 การศึกษา, สตรี 2102 คน)

หลักฐานมีความไม่แน่นอนอย่างมาก ว่าการเยี่ยมบ้านมีผลกระทบต่อการเสียชีวิตของมารดาและทารกแรกเกิดหรือไม่ (หลักฐานมีความเชื่อมั่นต่ำมาก) คะแนนภาวะซึมเศร้าหลังคลอดเฉลี่ยที่วัดด้วย Edinburgh Postnatal Depression Scale (EPDS) อาจสูงขึ้นเล็กน้อย (แย่ลง) เมื่อไปเยี่ยมบ้านมากขึ้น แม้ว่าความแตกต่างในคะแนนจะไม่มีความหมายทางคลินิก (ความแตกต่างเฉลี่ย (MD) 1.02, ช่วงความเชื่อมั่น 95% (CI) ) 0.25 ถึง 1.79; 2 การศึกษา, สตรี 767 คน; หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำ) การวิเคราะห์ 2 ครั้งแยกกัน พบผลลัพธ์ที่ขัดแย้งกันสำหรับความพึงพอใจของมารดา (หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำ ในทั้งสองการวิเคราะห์) ข้อมูลหนึ่งพบว่าอาจมีประโยชน์หากเข้ารับการตรวจเยี่ยมน้อยลง แม้ว่า 95% CI คร่อมเส้นที่ไม่มีผลกระทบ (อัตราส่วนความเสี่ยง (RR) 0.96, 95% CI 0.90 ถึง 1.02; 2 การศึกษา, สตรี 862 คน) อย่างไรก็ตาม ในการศึกษาอื่น การสนับสนุนเพิ่มเติมจากผู้มาเยี่ยมด้านสุขภาพมีความสัมพันธ์กับคะแนนความพึงพอใจเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้น (MD 14.70, 95% CI 8.43 ถึง 20.97; 1 การศึกษา, สตรี 280 คน; หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำ) การใช้ประโยชน์ด้านสุขอนามัยสำหรับทารกอาจลดลงเมื่อมีการเยี่ยมบ้านมากขึ้น (RR 0.48, 95% CI 0.36 ถึง 0.64; 4 การศึกษา, ทารก 1365 คน) และการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวใน 6 สัปดาห์อาจเพิ่มขึ้น (RR 1.17, 95% CI 1.01 ถึง 1.36; 3 การศึกษา, สตรี 960 คน; หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำ) ไม่มีรายงานการเจ็บป่วยของทารกแรกเกิดที่ร้ายแรงถึงหกเดือนในการทดลองใดๆ

รูปแบบการดูแลหลังคลอดแบบต่างๆ (3 การศึกษา, สตรี 4394 คน)

ในการศึกษาแบบ cluster-RCT ที่เปรียบเทียบการดูแลตามปกติกับการดูแลเป็นรายบุคคลโดยผดุงครรภ์ ขยายเวลาไปถึง 3 เดือนหลังคลอด อาจมีความแตกต่างเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลยในการเสียชีวิตของทารกแรกเกิด (RR 0.97, 95% CI 0.85 ถึง 1.12; 1 การศึกษา, ทารก 696 คน) สัดส่วนของสตรีที่มีคะแนน EPDS ≥ 13 ใน 4 เดือนอาจลดลงด้วยการดูแลเป็นรายบุคคล (RR 0.68, 95% CI 0.53 ถึง 0.86; 1 การศึกษา, สตรี 1295 คน) การศึกษาหนึ่งชี้ให้เห็นว่าการเยี่ยมบ้านและการคัดกรองทางโทรศัพท์ในการเจ็บป่วยของทารกแรกเกิดจนถึง 28 วันอาจมีความแตกต่างเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลย (RR 0.97, 95% CI 0.85 ถึง 1.12; 1 การศึกษา, สตรี 696 คน) ในการศึกษาที่ต่างกัน ไม่มีความแตกต่างระหว่างการส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่และการมาเยี่ยมตามปกติของอัตราการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวที่ 6 เดือน (RR 1.47, 95% CI 0.81 ถึง 2.69; 1 การศึกษา, สตรี 656 คน)

การดูแลหลังคลอดที่บ้านกับสิ่งอำนวยความสะดวก (8 การศึกษา, สตรี 5179 คน)

หลักฐานบ่งชี้ว่าอัตราภาวะซึมเศร้าหลังคลอดอาจมีความแตกต่างเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลยในช่วงหลังคลอด 42 วัน และเมื่อวัดในระดับ EPDS ที่ 60 วัน ความพึงพอใจของมารดากับการดูแลหลังคลอดอาจดีขึ้นเมื่อไปเยี่ยมบ้าน (RR 1.36, 95% CI 1.14 ถึง 1.62; 3 การศึกษา , สตรี 2368 คน) อาจมีความแตกต่างเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลยในการเข้ารับการรักษาพยาบาลฉุกเฉินสำหรับทารกหรือการกลับเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลทารก (RR 1.15, 95% CI 0.95 ถึง 1.38; 3 การศึกษา, สตรี 3257 คน) หรือในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวใน 2 สัปดาห์ (RR 1.05, 95% CI 0.93 ถึง 1.18; 1 การศึกษา, สตรี 513 คน)

บันทึกการแปล: 

แปลโดย พญ.วิลาสินี หน่อแก้ว

Tools
Information