คำถามของการทบทวนวรรณกรรม
เราต้องการทราบว่ายากลุ่มหนึ่งที่เรียกว่า anticholinergics สร้างความแตกต่างให้กับผู้ใหญ่ที่มีอาการกระเพาะปัสสาวะไวเกิน (OAB) เมื่อเทียบกับการรักษาด้วยยาหลอก (ของปลอม) หรือไม่ เราทำการเก็บรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลจากงานวิจัยที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเพื่อตอบข้อสงสัย
ความเป็นมา
โรคกระเพาะปัสสาวะไวเกินเป็นปัญหาที่พบบ่อยโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออายุมากขึ้น หมายความว่าจู่ๆ คุณอาจรู้สึกว่าต้องไปห้องน้ำ (เรียกว่า 'เร่งด่วน') หรือจู่ๆ ก็ปัสสาวะเล็ด ภาวะกระเพาะปัสสาวะไวเกินเกิดจากการที่กล้ามเนื้อกระเพาะปัสสาวะสูญเสียการควบคุมโดยไม่คาดคิด บางครั้งเรียกว่า 'กระเพาะปัสสาวะระคายเคือง', 'กระตุ้นการทำงานมากเกินไป', 'กระตุ้นปัสสาวะเล็ด' หรือ 'กลุ่มอาการความถี่เร่งด่วน'
ยา Anticholinergic มักจะให้กับผู้ที่มีภาวะกระเพาะปัสสาวะไวเกิน พวกเขาทำงานโดยการผ่อนคลายกล้ามเนื้อและสามารถช่วยอาการบางอย่างของกระเพาะปัสสาวะไวเกินได้ เช่น ปัสสาวะเล็ดหรือการรู้สึกต้องเข้าห้องน้ำกะทันหัน
การทบทวนวรรณกรรมนี้ทันสมัยแค่ไหน
เราศึกษาหลักฐานที่มีจนถึง 14 มกราคม 2020 เราปรับปรุงการค้นหานี้เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2022 แต่ผลลัพธ์เหล่านี้ยังไม่ได้รับการรวมอย่างสมบูรณ์
ลักษณะการศึกษา
เรารวมการศึกษา 104 ฉบับในการทบทวนวรรณกรรมนี้ การศึกษา 71 ฉบับ เป็นการศึกษาใหม่หรือได้รับการปรับปรุงตั้งแต่ครั้งล่าสุดที่มีการเผยแพร่การทบทวนนี้ในปี 2006
งานวิจัย 12 ฉบับไม่ได้รายงานจำนวนคนที่รวมอยู่ในงานวิจัยของพวกเขา โดยรวมในการศึกษาที่เหลือ 29,682 คนได้รับยา anticholinergic เทียบกับ 17,424 คนที่ได้รับยาหลอก การศึกษาที่เล็กที่สุดประกอบด้วยคน 18 คน ในขณะที่การศึกษาที่ใหญ่ที่สุดมีผู้เข้าร่วม 2334 คน การศึกษาส่วนใหญ่ที่เรารวมไว้ในการทบทวนมีระยะเวลา 12 สัปดาห์ งานวิจัย 1 ฉบับตรวจสอบอาการเฉพาะในผู้ชาย ในขณะที่อีก 9 ฉบับตรวจสอบอาการในผู้หญิง การศึกษาที่เหลือมีทั้งชายและหญิง
เรารวมเฉพาะการศึกษาที่ใช้ยาต้านโคลิเนอร์จิคที่รับประทานทางปาก และเฉพาะในขนาดที่แพทย์สั่งจ่ายให้กับผู้ป่วยตามปกติ ในการศึกษา มียา anticholinergic เก้าชนิด ได้แก่ darifenacin; เฟโซเทอโรดีน; อิมิดาเฟนาซิน; ออกซีบูทีน; โพรเพนเทอลีน; โพรพิวรีน; โซลิเฟนาซิน; โทลเทอโรดีนและโทรสเปียม
แหล่งทุนของการศึกษา
การศึกษา 70 ฉบับที่รวมอยู่ในการทบทวนนี้ได้รับทุนสนับสนุนจากบริษัทที่ผลิตและจำหน่ายยา
ผลลัพธ์ที่สำคัญ
เราพบว่าผู้ที่ใช้ยาต้านโคลิเนอร์จิคสำหรับกระเพาะปัสสาวะไวเกินอาจรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวกในคุณภาพชีวิตของพวกเขา นอกจากนี้ ผลลัพธ์ของเรายังแสดงให้เห็นว่ามีผู้ป่วยจำนวนมากขึ้นที่อาจจะรับรู้ถึงการปรับปรุงหรืออาการของกระเพาะปัสสาวะไวเกินหายเมื่อเทียบกับผู้ที่รับการรักษาด้วยยาหลอก
การใช้ยาต้านโคลิเนอร์จิคอาจส่งผลให้จำนวนครั้งของความเร่งด่วนและจำนวนครั้งที่ผู้ที่มีภาวะกระเพาะปัสสาวะไวเกินเข้าห้องน้ำในหนึ่งวันลดลงเล็กน้อย
มี 22 คนในทุกๆ 100 คนที่ได้รับยา anticholinergic รู้สึกว่าตนเองมีอาการปากแห้งอันเป็นผลข้างเคียงของยา เทียบกับ 6 ใน 100 คนที่ได้รับยาหลอก การใช้ยาต้านโคลิเนอร์จิกอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการมีอาการปากแห้ง ยาต้านโคลิเนอร์จิคอาจส่งผลให้มีความเสี่ยงในการเกิดปัสสาวะคั่งมากขึ้น น้อยกว่า 2 คนในทุกๆ 100 คนรู้สึกว่าไม่สามารถระบายกระเพาะปัสสาวะได้อย่างสมบูรณ์หลังจากรับประทานยาต้านโคลิเนอร์จิก เทียบกับน้อยกว่า 0.5 คนในทุกๆ 100 คนหลังจากรับประทานยาหลอก
ข้อสรุปของผู้เขียน
เราพบว่ายา anticholinergic อาจส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยแต่สำคัญต่อคุณภาพชีวิตของบุคคลและอาการของกระเพาะปัสสาวะไวเกิน อย่างไรก็ตาม ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้สามารถคงอยู่เป็นระยะเวลานานได้หรือไม่
การใช้ยา anticholinergic โดยผู้ที่มีอาการกระเพาะปัสสาวะไวเกินส่งผลให้อาการดีขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับการรักษาด้วยยาหลอก นอกจากนี้ การศึกษาเมื่อเร็ว ๆ นี้ชี้ให้เห็นว่าสิ่งนี้มักเกี่ยวข้องกับการปรับปรุงคุณภาพชีวิตเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ผลข้างเคียงสูงขึ้นเมื่อใช้ anticholinergics ทั้งหมดเมื่อเทียบกับยาหลอก การถอนตัวออกจากการศึกษาเนื่องจากผลข้างเคียงยังสูงกว่าสำหรับ anticholinergics ทั้งหมดยกเว้น tolterodine ไม่ทราบว่าประโยชน์ของ anticholinergic จะคงอยู่ในระหว่างการรักษาระยะยาวหรือหลังจากหยุดการรักษา
ประมาณ 16% ของผู้ใหญ่มีอาการกระเพาะปัสสาวะไวเกิน (OAB; urgency with frequency และ/หรือ urge incontinence) โดยความชุกจะเพิ่มขึ้นตามอายุ ยาต้านโคลิเนอร์จิกมักใช้เพื่อรักษาภาวะนี้
นี่คือการปรับปรุงของ Cochrane Review ที่เผยแพร่ครั้งแรกในปี 2002 และปรับปรุงครั้งล่าสุดในปี 2006
เพื่อประเมินผลของยาต้านโคลิเนอร์จิคเทียบกับยาหลอกหรือไม่มีการรักษาในการรักษาโรคกระเพาะปัสสาวะไวเกินในผู้ใหญ่
เราค้นหา Cochrane Incontinence Specialized Register ซึ่งมีการทดลองที่ระบุจาก Cochrane Central Register of Controlled Trials (CENTRAL), MEDLINE, MEDLINE In-Process, MEDLINE Epub Ahead of Print, ClinicalTrials.gov, WHO ICTRP และการสืบค้นด้วยมือของวารสารและการดำเนินการประชุม (สืบค้นเมื่อ 14 มกราคม 2022) และรายการอ้างอิงของบทความที่เกี่ยวข้อง เราปรับปรุงการค้นหานี้เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2022 แต่ผลลัพธ์เหล่านี้ยังไม่ได้รับการรวมอย่างสมบูรณ์
เรารวมการทดลองแบบสุ่มหรือกึ่งสุ่มในผู้ใหญ่ที่มีอาการกระเพาะปัสสาวะไวเกิน ซึ่งเปรียบเทียบยาต้านโคลิเนอร์จิกเพียงอย่างเดียวกับการรักษาด้วยยาหลอก
ผู้ทบทวนวรรณกรรม 2 คน ประเมินการศึกษาเพื่อคัดเข้า ดึงข้อมูล และประเมินความเสี่ยงของการมีอคติ อย่างเป็นอิสระต่อกัน เราประเมินความเชื่อมั่นของหลักฐานโดยใช้แนวทาง GRADE เราจัดการขัอมูลตามที่อธิบายไว้ใน Cochrane Handbook for Systematic Reviews of Interventions
เรารวมการศึกษา 104 ฉบับ โดย 71 เรื่องเป็นการศึกษาใหม่หรือปรับปรุงสำหรับการทบทวนฉบับนี้ แม้ว่าการศึกษา 12 ฉบับไม่ได้รายงานจำนวนผู้เข้าร่วม แต่ก็มี 47,106 คนในการศึกษาที่เหลือ การศึกษาส่วนใหญ่มีข้อมูลไม่เพียงพอที่จะตัดสินความเสี่ยงของอคติ และเราตัดสินว่าไม่มีความชัดเจนในทุกโดเมน ยาต้านโคลิเนอร์จิค 9 ชนิดรวมอยู่ในการศึกษาเหล่านี้: ดาริเฟนาซิน; เฟโซเทอโรดีน; อิมิดาเฟนาซิน; ออกซีบูทีน; โพรเพนเทอลีน; โพรพิวรีน; โซลิเฟนาซิน; โทลเทอโรดีนและโทรสเปียม ไม่มีการศึกษาใดที่เปรียบเทียบยาต้านโคลิเนอร์จิกกับการไม่รักษา
เมื่อสิ้นสุดระยะเวลาการรักษา ยาต้านโคลิเนอร์จิกอาจเพิ่มคุณภาพชีวิตเฉพาะสภาวะได้เล็กน้อย (ความแตกต่างของค่าเฉลี่ย (MD) ต่ำกว่า 4.41 ช่วงความเชื่อมั่น 95% (CI) ลดลง 5.28 เป็น 3.54 ต่ำกว่า (ช่วงมาตราส่วน -100 ถึง 0) การศึกษา 12 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 6804 คน หลักฐานมีความเชื่อมั่นต่ำ) ยาต้านโคลิเนอร์จิกน่าจะดีกว่ายาหลอกในแง่ของการรับรู้การักษาหายหรือการปรับปรุงของผู้ป่วย (อัตราส่วนความเสี่ยง (RR) 1.38, 95% CI 1.15 ถึง 1.66; การศึกษา 9 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 8457 คน หลักฐานมีความเชื่อมั่นปานกลาง) และจำนวนเฉลี่ยของจำนวนครั้งที่เกิดความเร่งด่วนในการปัสสาวะต่อ ระยะเวลา 24 ชั่วโมง (MD 0.85 ต่ำกว่า 95% CI 1.03 ต่ำกว่า ถึง 0.67 ต่ำกว่า การศึกษา 23 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 16,875 คน หลักฐานมีความเชื่อมั่นปานกลาง)
เมื่อเทียบกับยาหลอก ยาต้านโคลิเนอร์จิกอาจส่งผลให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์จากอาการปากแห้งเพิ่มขึ้น (RR 3.50, 95% CI 3.26 ถึง 3.75; การศึกษา 66 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 38,368 คน; หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำ) และอาจส่งผลให้เพิ่มความเสี่ยงของอาการปัสสาวะคั่ง (RR 3.52, 95% CI 2.04 ถึง 6.08 การศึกษา 17 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 7862 คน หลักฐานมีความเชื่อมั่นต่ำ) การใช้ยาต้านโคลิเนอร์จิกอาจมีแนวโน้มที่จะทำให้ผู้เข้าร่วมถอนตัวจากการศึกษาเนื่องจากเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ (RR 1.37, 95% CI 1.21 ถึง 1.56; การศึกษา 61 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 36,943 คน; หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำ) อย่างไรก็ตาม การรับประทานยาต้านโคลิเนอร์จิคอาจลดจำนวนเฉลี่ยของการปัสสาวะ (micturitions) ต่อระยะเวลา 24 ชั่วโมงเมื่อเทียบกับยาหลอก (MD 0.85 ต่ำกว่า, 95% CI 0.98 ต่ำกว่่าถึง 0.73 ต่ำกว่า; การศึกษา 30 เรื่อง, ผู้เข้าร่วม 19,395 คน หลักฐานมีความเชื่อมั่นปานกลาง)
แปลโดย พญ.วิลาสินี หน่อแก้ว โรงพยาบาลมะเร็งอุบลราชธานี Edit โดย ผกากรอง 20 พฤศจิกายน 2023