ใจความสำคัญ
• กลุ่มอาการหายใจลำบากเป็นภาวะที่พบบ่อยในทารกคลอดก่อนกำหนด ในขณะที่ประโยชน์ของการรักษาด้วยสารลดแรงตึงผิวที่ได้รับคำแนะนำจากการทดสอบความสมบูรณ์ของปอดยังไม่ชัดเจน
• ไม่มีการศึกษารายงานการเสียชีวิตของทารกแรกเกิด (28 วันแรกของชีวิต) หรือผลลัพธ์ด้านพัฒนาการทางระบบประสาท ไม่แน่ใจว่าการรักษาด้วยสารลดแรงตึงผิวที่ได้รับคำแนะนำโดยการทดสอบความสมบูรณ์ของปอดจะส่งผลต่อการเสียชีวิตก่อนออกจากโรงพยาบาลหรือไม่ การรักษาด้วยสารลดแรงตึงผิวที่ได้รับคำแนะนำจาก rapid tests สำหรับการขาดสารลดแรงตึงผิวอาจส่งผลเล็กน้อยหรือไม่แตกต่างเลยในการเกิดโรคปอดเรื้อรังที่เกิดจากการคลอดก่อนกำหนดหรือที่เรียกว่า bronchopulmonary dysplasia ความต้องการในการรักษาด้วยสารลดแรงตึงผิว หรือภาวะปอดแตก (pneumothorax) ใดๆ ก็ตามที่เป็นปอดยุบแฟบ
• จำเป็นต้องมีการศึกษาเพื่อเปรียบเทียบการรักษาด้วยสารลดแรงตึงผิวโดยการทดสอบ rapid tests สำหรับการขาดสารลดแรงตึงผิว เปรียบเทียบกับการให้สารลดแรงตึงผิวเพื่อป้องกันโรค (การให้สารลดแรงตึงผิวก่อนเริ่มมีอาการ) ในทารกที่มีความเสี่ยงสูงทุกราย
การทดสอบความสมบูรณ์ของปอดคืออะไร
สารลดแรงตึงผิวเป็นส่วนผสมที่ซับซ้อนประกอบด้วยโปรตีนและฟอสโฟลิปิด โปรตีนช่วยในการแพร่กระจายและการดูดซึมที่พื้นผิวของปอด ในขณะที่ไขมันจะช่วยลดแรงตึงผิว และป้องกันการยุบแฟบของปอดเมื่อสิ้นสุดการหายใจออก (นั่นคือตอนที่อากาศออกจากปอด) ทารกคลอดก่อนกำหนดมีความเสี่ยงต่ออาการหายใจลำบากซึ่งเกิดขึ้นเมื่อปอดไม่พัฒนาอย่างเหมาะสม เกิดจากการขาดสารลดแรงตึงผิว ดังนั้น การให้สารลดแรงตึงผิวจึงเป็นสิ่งที่ทำบ่อยในทารกที่คลอดก่อนกำหนด จนถึงขณะนี้ ยังไม่มีความเห็นพ้องต้องกันเกี่ยวกับข้อบ่งชี้และเวลาสำหรับการบำบัดทดแทนด้วยสารลดแรงตึงผิว เมื่อพิจารณาถึงวิธีการให้ซึ่งเป็นหัตถการที่รุกรานและค่าใช้จ่าย จุดมุ่งหมายคือเพื่อให้มีการให้อย่างทันท่วงทีและหลีกเลี่ยงการรักษาที่มากเกินไป การทดสอบความสมบูรณ์ของปอดโดย rapid test (เช่น การทดสอบ click test, lamellar body counts และ stable microbubble test) เป็นการวัดความเข้มข้นของสารลดแรงตึงผิวในปอดในของเหลวใดๆ การทดสอบเหล่านี้สามารถทำได้กับน้ำคร่ำ ซึ่งเป็นของเหลวชนิดแรกที่ดูดจากกระเพาะอาหารหรือหลอดลม (หลอดลม) ทันทีหลังคลอด เพื่อประเมินระดับของการขาดสารลดแรงตึงผิว การใช้ rapid tests อาจเป็นแนวทางในการระบุทารกที่ต้องการใช้สารลดแรงตึงผิว
เราต้องการค้นหาอะไร
เราต้องการทราบว่าการใช้การทดสอบความสมบูรณ์ของปอดในทารกคลอดก่อนกำหนดดีกว่าการให้สารลดแรงตึงผิวก่อนเริ่มมีอาการหายใจลำบาก (การให้สารลดแรงตึงผิวเพื่อป้องกันโรค) ในทารกที่มีความเสี่ยงสูงทั้งหมดหรือการรักษาด้วยสารลดแรงตึงผิวที่ให้กับทารกที่มีอาการหายใจลำบากที่ได้รับการวินิจฉัยทางคลินิก และเกณฑ์ทางรังสีวิทยา
นอกจากนี้เรายังต้องการค้นหาว่าการใช้สารลดแรงตึงผิวตามการทดสอบการเจริญเติบโตของปอดในทารกคลอดก่อนกำหนดมีความสัมพันธ์กับการลดลงของผลลัพธ์เชิงลบหรือไม่ เช่น การเสียชีวิต โรคปอดเรื้อรังที่เกิดจากการคลอดก่อนกำหนด หรือปอดยุบแฟบใด ๆ หรือไม่ โรคปอดเรื้อรังจากการคลอดก่อนกำหนดเป็นปัญหาสำคัญสำหรับทารกคลอดก่อนกำหนด ซึ่งสัมพันธ์กับอัตราการเสียชีวิตที่สูงขึ้นและผลลัพธ์ที่แย่ลงในกลุ่มผู้รอดชีวิต การอักเสบของปอดเรื้อรังเนื่องจากการใช้เครื่องช่วยหายใจเป็นเวลานานเพื่อการหายใจเป็นสาเหตุที่เป็นไปได้มากที่สุด การให้สารลดแรงตึงผิวสามารถช่วยในการเลิกจากการช่วยหายใจ และด้วยเหตุนี้จึงป้องกันทารกแรกเกิดไม่ให้เป็นโรคปอดเรื้อรังที่เกิดจากการคลอดก่อนกำหนด
เราทำอะไร
เราค้นหาการศึกษาที่ศึกษาการรักษาด้วยสารลดแรงตึงผิวซึ่งมีคำแนะนำจาก rapid test ประเภทต่างๆ สำหรับการเจริญเติบโตของปอด เปรียบเทียบกับการให้สารลดแรงตึงผิวเพื่อป้องกันในทารกที่มีความเสี่ยงสูงทั้งหมดหรือการรักษาด้วยสารลดแรงตึงผิวที่ให้กับทารกที่มีอาการหายใจลำบากที่ได้รับการวินิจฉัยตามเกณฑ์ทางคลินิกและรังสีวิทยา
เราเปรียบเทียบและสรุปผลการศึกษาและให้คะแนนความเชื่อมั่นของหลักฐาน โดยพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ เช่น วิธีการศึกษาและขนาดการศึกษา
เราพบอะไร
เราพบการศึกษา 3 ฉบับที่เกี่ยวข้องกับทารกคลอดก่อนกำหนด 562 ราย ที่ได้รับการรักษาด้วยสารลดแรงตึงผิวตามคำแนะนำของ rapid tests หรือตามหลักเกณฑ์ทางคลินิกและภาพเอ็กซ์เรย์หรืออัลตราซาวนด์
ผลลัพธ์หลักของการทบทวนนี้แสดงให้เห็นว่า ยังไม่แน่ใจอย่างมากว่าการรักษาด้วยสารลดแรงตึงผิวที่ได้รับคำแนะนำโดย rapid tests เพื่อประเมินการขาดสารลดแรงตึงผิวเมื่อเปรียบเทียบกับการบำบัดด้วยสารลดแรงตึงผิวที่ให้แก่ทารกที่มีอาการหายใจลำบากที่ได้รับการวินิจฉัยตามเกณฑ์ทางคลินิกและรังสีวิทยา มีผลต่อการเสียชีวิตก่อนออกจากโรงพยาบาลหรือไม่
การรักษาด้วยสารลดแรงตึงผิวที่ได้รับคำแนะนำจากการตรจ rapid tests สำหรับการขาดสารลดแรงตึงผิวอาจส่งผลแตกต่างกันเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลยในการเกิดโรคปอดเรื้อรังจากการเกิดก่อนกำหนด ความต้องการสารลดแรงตึงผิว และปอดแฟบ
มีการศึกษาที่กำลังดำเนินอยู่ขนาดใหญ่สองเรื่องที่ประเมินการใฃ้อัลตราซาวนด์ช่วยในการให้สารลดแรงตึงผิวด้วย(การศึกษา 1 ฉบับ) และการประเมินการทำงานของปอดร่วมกับการประเมินทางคลินิกสำหรับการรักษาด้วยสารลดแรงตึงผิว (การศึกษา 1 ฉบับ)
ข้อจำกัดของหลักฐานคืออะไร
เราไม่มั่นใจในหลักฐานเนื่องจากมีการศึกษาไม่เพียงพอที่จะแน่ใจเกี่ยวกับผลของผลลัพธ์ของเรา สุดท้ายนี่ ไม่ใช่ทุกการศึกษาที่ให้ข้อมูลในสิ่งที่เราสนใจ
หลักฐานนี้เป็นปัจจุบันแค่ไหน
หลักฐานเป็นปัจจุบันถึงเดือนตุลาคม 2022
ไม่มีการศึกษาเปรียบเทียบการรักษาด้วยสารลดแรงตึงผิวจากการตรวจ rapid tests สำหรับการขาดสารลดแรงตึงผิว เทียบกับการให้สารลดแรงตึงผิวเพื่อป้องกันกับทารกที่มีความเสี่ยงสูงทุกคน มีหลักฐานความเชื่อมั่นต่ำถึงต่ำมากจากการศึกษา 3 ฉบับเกี่ยวกับการบำบัดด้วยสารลดแรงตึงผิว โดยพิจารณาจากการตรวจ rapid tests สำหรับการขาดสารลดแรงตึงผิว เทียบกับการบำบัดด้วยสารลดแรงตึงผิวที่ให้กับทารกที่มี RDS ที่ได้รับการวินิจฉัยตามเกณฑ์ทางคลินิกและรังสีวิทยา ไม่มีการศึกษาที่รายงานการเสียชีวิตของทารกแรกเกิด ผลลัพธ์เชิงประกอบ 'โรคปอดเรื้อรังจากการคลอดก่อนกำหนดหรือการเสียชีวิต' หรือผลลัพธ์ด้านพัฒนาการทางระบบประสาท เมื่อเปรียบเทียบกับการบำบัดด้วยสารลดแรงตึงผิวที่ให้แก่ทารกที่มี RDS ที่ได้รับการวินิจฉัยตามเกณฑ์ทางคลินิกและรังสีวิทยา หลักฐานมีความไม่แน่นอนอย่างมากเกี่ยวกับผลของการรักษาด้วยสารลดแรงตึงผิว โดยได้รับคำแนะนำจากการตรวจ rapid test สำหรับการขาดสารลดแรงตึงผิวต่อการเสียชีวิตก่อนออกจากโรงพยาบาล: การรักษาด้วยสารลดแรงตึงผิวที่ได้รับคำแนะนำจากการตรจ rapid tests สำหรับการขาดสารลดแรงตึงผิวอาจส่งผลให้เกิดโรคปอดเรื้อรังจากการเกิดก่อนกำหนด การใฃ้สารลดแรงตึงผิว และปอดแตก แตกต่างกันเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลย
ข้อค้นพบของการทดลองขนาดใหญ่ที่กำลังดำเนินอยู่ทั้งสองรายการที่พบในการทบทวนนี้มีแนวโน้มที่จะมีผลกระทบสำคัญต่อการสร้างผลกระทบของการรักษาด้วยสารลดแรงตึงผิว โดยได้รับคำแนะนำจากการรวจ rapid tests สำหรับการขาดสารลดแรงตึงผิวในทารกที่คลอดก่อนกำหนด
การบริหารการให้สารลดแรงตึงผิวจากภายนอกหลายชนิดแสดงให้เห็นว่าลดการบาดเจ็บของปอดและอาการปอดแตก และเพิ่มการรอดชีวิตในทารกคลอดก่อนกำหนดที่มีภาวะการหายใจลำบาก (RDS) ไม่มีความเห็นที่ตรงกันเกี่ยวกับเกณฑ์ขั้นต่ำสำหรับการให้สารลดแรงตึงผิว เพื่อให้สารลดแรงตึงผิวได้ทันท่วงทีและหลีกเลี่ยงการรักษาที่มากเกินไป รวมถึงพิจารณาถึงความรุกล้ำของการให้และค่าใช้จ่ายด้วย การทดสอบอย่างรวดเร็วเพื่อประเมินการเจริญเติบโตของปอด ซึ่งรวมถึง click test, lamellar body counts และ stable mocrobubble test อาจใช้เพื่อระบุทารกที่ต้องการใช้สารลดแรงตึงผิว
เพื่อประเมินผลของการรักษาด้วยสารลดแรงตึงผิวโดยการทดสอบอย่างรวดเร็วสำหรับการขาดสารลดแรงตึงผิวในทารกคลอดก่อนกำหนดที่มีความเสี่ยงหรือมี RDS
การเปรียบเทียบ 1: ในทารกคลอดก่อนกำหนดที่มีความเสี่ยงต่อ RDS การรักษาด้วยสารลดแรงตึงผิวที่พิจารณาจากการทดสอบอย่างรวดเร็ว (Rapid test) สำหรับการขาดสารลดแรงตึงผิว เมื่อเปรียบเทียบกับการให้สารลดแรงตึงผิวเชิงป้องกันแก่ทารกที่มีความเสี่ยงสูงทุกคนจะช่วยลดความจำเป็นในการรักษาด้วยสารลดแรงตึงผิว และป้องกันโรคปอดเรื้อรังในทารกเกิดก่อนกำหนด (bronchopulmonary dysplasia) และการเสียชีวิตหรือไม่
การเปรียบเทียบ 2: ในทารกคลอดก่อนกำหนดที่ต้องการการช่วยหายใจตั้งแต่เนิ่นๆ การรักษาด้วยสารลดแรงตึงผิวที่พิจารณาจาก rapid test สำหรับการขาดสารลดแรงตึงผิว เมื่อเปรียบเทียบกับการรักษาด้วยสารลดแรงตึงผิวที่ให้กับทารกที่มี RDS ที่ได้รับการวินิจฉัยตามเกณฑ์ทางคลินิกและรังสีวิทยา ช่วยลดความจำเป็นในการรักษาด้วยสารลดแรงตึงผิว และป้องกันภาวะปอดเรื้อรังในทารกเกิดก่อนกำหนด (bronchopulmonary dysplasia) และการเสียชีวิตหรือไม่
เราสืบค้นจาก CENTRAL, PubMed, Embase และทะเบียนการทดลองเพิ่มเติมอีก 3 แหล่ง ในเดือนตุลาคม 2022 นอกจากนี้เรายังคัดกรองจากรายการอ้างอิงของการศึกษาที่รวบรวมไว้และจากการทบทวนวรรณกรรมอย่างเป็นระบบที่เกี่ยวข้องสำหรับการศึกษาที่ไม่สามารถพบได้จากการค้นหาฐานข้อมูล
เรารวมการทดลองแบบสุ่มที่มีกลุ่มควบคุม (randomized controlled trials; RCTs) และ quasi-RCTs ที่ประเมิน rapid test หลังคลอดเพื่อประเมินการขาดสารลดแรงตึงผิวในทารกที่มีความเสี่ยงสูงต่อ RDS หรือต้องการการช่วยหายใจ
มีการเปรียบเทียบ 2 รายการ: 1) การรักษาด้วยสารลดแรงตึงผิวที่แนะนำโดยการทดสอบอย่างรวดเร็วสำหรับการขาดสารลดแรงตึงผิว เทียบกับการให้สารลดแรงตึงผิวเชิงป้องกันแก่ทารกที่มีความเสี่ยงสูงทุกรายที่คลอดก่อนกำหนดมากมาก (ตั้งครรภ์น้อยกว่า 28 สัปดาห์) และคลอดก่อนกำหนดมาก (ตั้งครรภ์ 28 ถึง 32 สัปดาห์) 2) การรักษาด้วยสารลดแรงตึงผิวเมื่อการตรวจ rapid tests แล้วพบว่าขาดสารลดแรงตึงผิว เทียบกับการรักษาด้วยสารลดแรงตึงผิวสำหรับทารกที่คลอดก่อนกำหนดทุกราย (อายุครรภ์น้อยกว่า 37 สัปดาห์) โดยมีการวินิจฉัย RDS ตามเกณฑ์ทางคลินิกและรังสีวิทยา
เราใช้วิธีตามมาตรฐานของ Cochrane เราใช้แบบจำลองผลกระทบคงที่ที่มีอัตราส่วนความเสี่ยง (risk ratio; RR) และส่วนต่างความเสี่ยง (risk difference; RD) โดยมีช่วงความเชื่อมั่น 95% (confidence intervals; CIs) สำหรับข้อมูลแบบสองทางเลือก ผลลัพธ์หลักของเราคือ การเสียชีวิตของทารกแรกเกิด, การเสียชีวิตก่อนออกจากโรงพยาบาล, BPD และรวมถึงการเสียชีวิตจาก BPD เราใช้ GRADE เพื่อประเมินความเชื่อมั่นของหลักฐาน
เรารวบรวม RCTs 3 ฉบับที่ลงทะเบียนทารกแรกเกิด 562 คนในการทบทวนวรรณกรรมครั้งนี้
ไม่มีการศึกษาเปรียบเทียบการรักษาด้วยสารลดแรงตึงผิวโดยการทดสอบอย่างรวดเร็วสำหรับการขาดสารลดแรงตึงผิว เทียบกับการให้สารลดแรงตึงผิวเพื่อป้องกันกับทารกที่มีความเสี่ยงสูงทุกคน
การเปรียบเทียบการรักษาด้วยสารลดแรงตึงผิวที่ได้รับคำแนะนำโดยการทดสอบอย่างรวดเร็วสำหรับการขาดสารลดแรงตึงผิวกับการรักษาด้วยสารลดแรงตึงผิวที่มอบให้กับทารกที่มี RDS ที่ได้รับการวินิจฉัยตามเกณฑ์ทางคลินิกและรังสีวิทยา
ไม่มีการศึกษารายงานการเสียชีวิตของทารกแรกเกิด เมื่อเปรียบเทียบกับการบำบัดด้วยสารลดแรงตึงผิวที่ให้แก่ทารกที่มี RDS ที่ได้รับการวินิจฉัยตามเกณฑ์ทางคลินิกและรังสีวิทยา หลักฐานมีความไม่แน่นอนอย่างมากเกี่ยวกับผลของการรักษาด้วยสารลดแรงตึงผิว โดยใช้การทดสอบอย่างรวดเร็วสำหรับการขาดสารลดแรงตึงผิวต่อการเสียชีวิตก่อนออกจากโรงพยาบาล: RR 1.25, 95% CI 0.65 ถึง 2.41, RD 0.01, 95% CI -0.03 ถึง 0.05, ผู้เข้าร่วม 562 คน, การศึกษา 3 ฉบับ; I² สำหรับ RR และ RD = 75% และ 43% ตามลำดับ; หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำมาก การบำบัดด้วยสารลดแรงตึงผิวที่ได้รับคำแนะนำโดยการทดสอบอย่างรวดเร็วสำหรับการขาดสารลดแรงตึงผิวอาจส่งผลให้เกิดโรคปอดเรื้อรังในทารกเกิดก่อนกำหนดต่างกันเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลย: RR 0.90, 95% CI 0.61 ถึง 1.32, RD -0.02, 95% CI -0.08 ถึง 0.04, ผู้เข้าร่วม 562 คน, การศึกษา 3 ฉบับ; I² สำหรับ RR และ RD = 0%; หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำ ไม่มีการศึกษารายงานผลรวมของโรคปอดเรื้อรังในทารกเกิดก่อนกำหนดหรือการเสียชีวิต การรักษาด้วยสารลดแรงตึงผิวที่ใฃ้การตรวจ rapid tests เพื่อประเมินการขาดสารลดแรงตึงผิวอาจส่งผลให้การใช้สารลดแรงตึงผิวมีความแตกต่างเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีความแตกต่างเลย (RR 0.97, 95% CI 0.85 ถึง 1.11, RD -0.02, 95% CI -0.10 ถึง 0.06, ผู้เข้าร่วม 562 คน, การศึกษา 3 ฉบับ, I² สำหรับ RR และ RD = 63% และ 65% ตามลำดับ หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำ) และ pneumothorax ใดๆ (RR 0.53, 95% CI 0.15 ถึง 1.92, RD -0.01, 95% CI -0.04 ถึง 0.01, ผู้เข้าร่วม 506 คน, การศึกษา 2 ฉบับ, I² สำหรับ RR และ RD = 0% หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำ) เปรียบเทียบกับการรักษาด้วยสารลดแรงตึงผิวที่ให้แก่ทารกที่มี RDS ที่ได้รับการวินิจฉัยตามเกณฑ์ทางคลินิกและรังสีวิทยา ไม่มีการศึกษารายงานความบกพร่องทางพัฒนาการทางระบบประสาทปานกลางถึงรุนแรง
เราพบ RCT ขนาดใหญ่ 2 ฉบับที่กำลังดำเนินอยู่
แปลโดย พญ.วิลาสินี หน่อแก้ว โรงพยาบาลมะเร็งอุบลราชธานี Edit โดย พ.ญ. ผกากรอง ลุมพิกานนท์ 25 กันยายน 2024