ใจความสำคัญ
สตรีที่รับอาหารเสริมธาตุเหล็กเป็นประจำทุกวันอาจมีภาวะโลหิตจางและภาวะขาดธาตุเหล็กลดลงเมื่อคลอดบุตรในเวลาที่ใกล้ถึงกำหนดคลอด เมื่อเปรียบเทียบกับการได้รับยาหลอกหรือไม่ได้รับธาตุเหล็กเลย
จากหลักฐานในการทบทวนนี้ เราไม่แน่ใจนักเกี่ยวกับผลกระทบของอาหารเสริมธาตุเหล็กต่อผลลัพธ์อื่นๆ ของคุณแม่และทารกของเธอ
โรคโลหิตจางคืออะไร
โรคโลหิตจางคือภาวะที่มีจำนวนเม็ดเลือดแดงน้อยลงหรือมีฮีโมโกลบินในเม็ดเลือดแดงน้อยกว่าปกติ (สารสีแดงที่พบในเลือดซึ่งรวมกับออกซิเจนและพาไปทั่วร่างกาย) การขาดธาตุเหล็กเป็นสาเหตุหลักของโรคโลหิตจาง ปัจจัยเพิ่มเติม เช่น การขาดธาตุอาหาร เช่น โฟเลต และวิตามินบี 12 ก็ทำให้เกิดโรคโลหิตจางได้เช่นกัน หากสตรีมีครรภ์เกิดภาวะโลหิตจางหรือขาดธาตุเหล็กหรือสารอาหารอื่นๆ พวกเธอจะไม่สามารถส่งธาตุเหล็กไปยังทารกในครรภ์ได้เพียงพอ ระดับธาตุเหล็กและโฟเลตที่ต่ำในสตรีอาจทำให้เกิดภาวะโลหิตจาง ซึ่งอาจทำให้ผู้หญิงรู้สึกเหนื่อยล้า เป็นลม และมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อเพิ่มขึ้น
เราต้องการค้นหาอะไร
เราต้องการทราบว่าการรับประทานอาหารเสริมธาตุเหล็กเป็นประจำทุกวัน (ไม่ว่าจะรับประทานเพียงอย่างเดียวหรือร่วมกับกรดโฟลิกหรือวิตามินและแร่ธาตุอื่นๆ) ในระหว่างการตั้งครรภ์ จะช่วยให้สุขภาพและโภชนาการของสตรีมีครรภ์และทารกดีขึ้นหรือไม่
เราทำอะไรบ้าง
เราค้นหาการศึกษาที่ตรวจสอบผลของการเสริมธาตุเหล็กเป็นประจำทุกวันในระหว่างตั้งครรภ์ (ไม่ว่าจะเสริมธาตุเหล็กเพียงอย่างเดียวหรือทานร่วมกับกรดโฟลิกหรือวิตามินและแร่ธาตุอื่นๆ) เราเปรียบเทียบและสรุปผลการศึกษา และประเมินความเชื่อมั่นของเราต่อหลักฐาน โดยพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ เช่น วิธีการศึกษาและขนาดของการศึกษา
เราค้นพบอะไร
เราได้นำเข้าการทดลอง 57 ฉบับ มีผู้เข้าร่วมผู้หญิงจำนวน 48,971 คนในการทบทวนครั้งนี้ (การศึกษา 40 ฉบับ เกี่ยวกับการทานธาตุเหล็กเสริมรายวันเทียบกับกลุ่มยาหลอก/ไม่เสริมธาตุเหล็ก และ 8 ฉบับ เปรียบเทียบธาตุเหล็กร่วมกับกรดโฟลิกกับกลุ่มยาหลอก/ไม่เสริมธาตุเหล็กร่วมกับกรดโฟลิก)
การศึกษาที่ใหญ่ที่สุดมีผู้เข้าร่วม 18,775 คน และการศึกษาที่เล็กที่สุดมีผู้เข้าร่วมเพียง 13 คน การทดลองได้ดำเนินการใน 27 ประเทศทั่วโลก โดยการศึกษาส่วนใหญ่ดำเนินการในสหราชอาณาจักร (14) และในสหรัฐอเมริกา (8) การศึกษาส่วนใหญ่ได้รับทุนสนับสนุนจากหน่วยงานรัฐบาล มหาวิทยาลัย กระทรวงสาธารณสุขภายในประเทศ และบริษัทยา
การทานธาตุเหล็กเสริมเทียบกับทานยาหลอกหรือไม่ได้รับธาตุเหล็กเลย
ผู้หญิงที่รับอาหารเสริมธาตุเหล็กในระหว่างตั้งครรภ์อาจช่วยลดภาวะโลหิตจาง ภาวะขาดธาตุเหล็กลดลง และอาจมีอาการโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็กลดลงเมื่อคลอดบุตรในเวลาใกล้กำหนดคลอด อาจมีความแตกต่างเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลยในความเสี่ยงของผลลัพธ์อื่นๆ ต่อมารดา รวมถึงการเสียชีวิตของมารดา อย่างไรก็ตาม หลักฐานที่ไม่แน่นอนอย่างมากเกี่ยวกับผลข้างเคียง หรือภาวะโลหิตจางรุนแรงในไตรมาสที่ 2 หรือ 3 ของการตั้งครรภ์ ไม่มีการทดลองใดรายงานโรคมาลาเรียทางคลินิกในมารดาหรือการติดเชื้อระหว่างตั้งครรภ์
สตรีที่รับอาหารเสริมธาตุเหล็กในระหว่างตั้งครรภ์อาจมีโอกาสกำเนิดทารกที่มีน้ำหนักแรกเกิดต่ำ (น้อยกว่า 2500 กรัม) แต่หลักฐานเกี่ยวกับน้ำหนักแรกเกิดของทารกยังคงไม่ชัดเจนมากนัก อาจมีความแตกต่างเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลยระหว่างกลุ่มที่คลอดก่อนกำหนด และมีความแตกต่างเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลยในเรื่องข้อบกพร่องแต่กำเนิดหรือการเสียชีวิตของทารกในช่วง 28 วันแรกของชีวิต
ธาตุเหล็กร่วมกับกรดโฟลิก เปรียบเทียบกับยาหลอกหรือไม่มีธาตุเหล็กร่วมกับกรดโฟลิก
ผู้หญิงที่รับอาหารเสริมธาตุเหล็กร่วมกับกรดโฟลิกเป็นประจำทุกวันอาจมีภาวะโลหิตจางลดลงหรืออาจมีภาวะขาดธาตุเหล็กลดลงเมื่อคลอดบุตรใกล้เวลากำหนดคลอด อย่างไรก็ตาม มีหลักฐานที่ไม่ชัดเจนมากสำหรับภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็กหรือการเสียชีวิตของมารดา หลักฐานไม่แน่นอนสำหรับผลข้างเคียงใดๆ และหลักฐานไม่แน่นอนอย่างมากสำหรับภาวะโลหิตจางรุนแรงในไตรมาสที่ 2 หรือ 3 ไม่มีรายงานการเสียชีวิตของมารดา และไม่มีการทดลองใดรายงานมาเลเรียทางคลินิกในมารดา
ผู้หญิงที่ได้รับอาหารเสริมธาตุเหล็กร่วมกับกรดโฟลิกในระหว่างตั้งครรภ์อาจมีทารกที่มีน้ำหนักแรกเกิดเพิ่มขึ้น แต่ความแตกต่างในด้านอื่นๆ อาจน้อยมากหรือไม่มีเลยระหว่างกลุ่ม เช่น น้ำหนักแรกเกิดต่ำ (น้อยกว่า 2500 กรัม) คลอดก่อนกำหนด การเสียชีวิตของทารกภายใน 28 วันแรกของชีวิต หรือความผิดปกติแต่กำเนิด
ข้อจำกัดของหลักฐานคืออะไร
การศึกษาวิจัยเพียงไม่กี่ฉบับรายงานผลลัพธ์หลัก เช่น การเสียชีวิตของมารดา ผลข้างเคียง โรคโลหิตจางรุนแรง โรคมาลาเรียในมารดา หรือการติดเชื้อในระหว่างตั้งครรภ์ และผลลัพธ์อื่นๆ ที่เกิดกับทารก เช่น ข้อบกพร่องทางการเกิด สถานะธาตุเหล็กของทารก การเจริญเติบโต และพัฒนาการ นอกจากนี้ การศึกษายังรวมถึงสตรีมีครรภ์ที่มีระดับธาตุเหล็กและอายุครรภ์ต่างกันเมื่อเข้าร่วมการศึกษาที่ได้รับธาตุเหล็กในปริมาณต่างกัน ตลอดจนช่วงเวลาของการประเมินผลลัพธ์ ซึ่งเป็นข้อจำกัดในการเปรียบเทียบหลักฐานสำหรับผลลัพธ์บางประการในสตรีมีครรภ์และเด็ก
หลักฐานนี้เป็นปัจจุบันแค่ไหน
นี่คือการปรับปรุงของการทบทวนก่อนหน้านี้ หลักฐานเป็นปัจจุบัน ณ วันที่ 18 มกราคม 2024
การเสริมธาตุเหล็กชนิดรับประทานเป็นประจำทุกวันในระหว่างตั้งครรภ์อาจช่วยลดภาวะโลหิตจางและภาวะขาดธาตุเหล็กในมารดาเมื่อตั้งครรภ์ครบกำหนดได้ สำหรับผลลัพธ์อื่นๆ ที่เกิดกับมารดาและทารก มีความแตกต่างระหว่างกลุ่มเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลย หรือมีหลักฐานที่ไม่ชัดเจน จำเป็นต้องมีการวิจัยในอนาคตเพื่อตรวจสอบผลของการเสริมธาตุเหล็กต่อผลลัพธ์ด้านสุขภาพอื่นๆ ของมารดาและทารก รวมถึงสถานะระดับธาตุเหล็กของทารก การเจริญเติบโต และพัฒนาการ
มีการแนะนำให้เสริมธาตุเหล็กและกรดโฟลิกในระหว่างตั้งครรภ์เพื่อป้องกันโรคโลหิตจาง และอาจช่วยเพิ่มผลลัพธ์ที่ดีอื่นๆ ต่อมารดา การตั้งครรภ์ และทารกได้
เพื่อศึกษาผลของการเสริมธาตุเหล็กชนิดรับประทานเป็นประจำทุกวันในระหว่างการตั้งครรภ์ ไม่ว่าจะทานเพียงอย่างเดียวหรือทานร่วมกับกรดโฟลิกหรือวิตามินและแร่ธาตุอื่นๆ ในการดูแลก่อนคลอด
เราได้ค้นหาใน Cochrane Pregnancy and Childbirth Trials Registry เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2024 (รวมทั้ง CENTRAL, MEDLINE, Embase, CINAHL, ClinicalTrials.gov, WHO's International Clinical Trials Registry Platform, เอกสารการประชุม) และค้นหาในรายการอ้างอิงของการศึกษาที่ดึงข้อมูลมา
รวมการทดลองแบบสุ่มหรือแบบกึ่งสุ่มที่ประเมินผลของการเสริมด้วยการทานธาตุเหล็ก ธาตุเหล็กกับกรดโฟลิก หรือธาตุเหล็กกับวิตามินและแร่ธาตุอื่นๆ ในระหว่างการตั้งครรภ์
ผู้วิจัยได้ประเมินการทดลองว่าตรงตามเกณฑ์การนำเข้าหรือไม่ ตรวจสอบความน่าเชื่อถือโดยอิงจากเกณฑ์ที่กำหนดไว้ล่วงหน้า ประเมินความเสี่ยงของอคติ ดึงข้อมูล และทำการตรวจสอบความถูกต้อง โดยอิสระต่อกัน เราใช้แนวทาง GRADE ในการประเมินความเชื่อมั่นของหลักฐานสำหรับผลลัพธ์หลัก
เราคาดว่าจะมีความแตกต่างกันสูงระหว่างการทดลองต่างๆ โดยเราได้รวมผลการทดลองโดยใช้ random-effects model (ผลกระทบจากการรักษาโดยเฉลี่ย)
เรารวมการทดลองทั้งหมด 57 ฉบับ ศึกษาในผู้หญิงจำนวน 48,971 คน การทดลองทั้งหมด 40 ฉบับ ที่เปรียบเทียบผลของการทานธาตุเหล็กเสริมทุกวันกับยาหลอกหรือไม่ได้รับธาตุเหล็ก ส่วนการทดลอง 8 ฉบับ ประเมินผลของการทานธาตุเหล็กกับกรดโฟลิก (iron + folic acid) เมื่อเปรียบเทียบกับยาหลอกหรือไม่ได้รับธาตุเหล็กกับกรดโฟลิก (placebo หรือไม่มี iron + folic acid)
การทานธาตุเหล็กเสริมเทียบกับยาหลอกหรือไม่ได้รับธาตุเหล็ก
ผลลัพธ์ต่อมารดา: การเสริมธาตุเหล็กในระหว่างตั้งครรภ์อาจช่วยลดภาวะโลหิตจางในมารดา (4.0% เทียบกับ 7.4%; อัตราส่วนความเสี่ยง (RR) 0.30, ช่วงความเชื่อมั่น 95% (95% CI) 0.20 ถึง 0.47; การทดลอง 14 ฉบับ, สตรี 13,543 ราย; หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำ) และภาวะขาดธาตุเหล็กเมื่อตั้งครรภ์ครบกำหนด (44.0% เทียบกับ 66.0%; RR 0.51, 95% CI 0.38 ถึง 0.68; การทดลอง 8 ฉบับ, สตรี 2873 ราย; หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำ) และอาจช่วยลดภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็กในมารดาเมื่อตั้งครรภ์ครบกำหนด (5.0% เทียบกับ 18.4%; RR 0.41, 95% CI 0.26 ถึง 0.63; การทดลอง 7 ฉบับ, สตรี 2704 ราย; หลักฐานความเชื่อมั่นปานกลาง) เมื่อเปรียบเทียบกับการได้รับยาหลอกหรือการไม่ได้รับอาหารเสริมธาตุเหล็ก อาจมีความแตกต่างของการเสียชีวิตของมารดาเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลย (เหตุการณ์ 2 เหตุการณ์เทียบกับ 4 เหตุการณ์, RR 0.57, 95% CI 0.12 ถึง 2.69; การทดลอง 3 ฉบับ, ผู้หญิง 14,060 ราย; หลักฐานความเชื่อมั่นปานกลาง) หลักฐานมีความไม่แน่นอนอย่างมากสำหรับผลข้างเคียง (21.6% เทียบกับ 18.0%; RR 1.29, 95% CI 0.83 ถึง 2.02; การทดลอง 12 ฉบับ ผู้หญิง 2423 คน; หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำมาก) และ ภาวะโลหิตจางรุนแรง (Hb < 70 g/L) ในไตรมาสที่ 2/3 (< 1% เทียบกับ 3.6%; RR 0.22, 95% CI 0.01 ถึง 3.20; การทดลอง 8 ฉบับ สตรี 1398 ราย; หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำมาก) ไม่มีการทดลองใดรายงานโรคมาเลเรียทางคลินิกหรือการติดเชื้อในระหว่างตั้งครรภ์
ผลลัพธ์ของทารก สตรีที่รับอาหารเสริมธาตุเหล็กมีโอกาสที่จะมีทารกที่มีน้ำหนักแรกเกิดต่ำน้อยกว่า(5.2% เทียบกับ 6.1%; RR 0.84, 95% CI 0.72 ถึง 0.99; การทดลอง 12 ฉบับ ทารก 18,290 ราย; หลักฐานความเชื่อมั่นปานกลาง) เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มที่ได้รับยาหลอกหรือไม่ได้รับอาหารเสริมธาตุเหล็ก อย่างไรก็ตาม หลักฐานมีความไม่แน่นอนอย่างมากสำหรับน้ำหนักแรกเกิดของทารก (MD 24.9 กรัม, 95% CI -125.81 ถึง 175.60; การทดลอง 16 ฉบับ ทารก 18,554 คน; หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำมาก) อาจมีความแตกต่างเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลยในกรณีการคลอดก่อนกำหนด (7.6% เทียบกับ 8.2%; RR 0.93, 95% CI 0.84 ถึง 1.02; การทดลอง 11 ฉบับ ทารก 18,827 ราย; หลักฐานความเชื่อมั่นปานกลาง) และอาจมีความแตกต่างเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลยในกรณีการเสียชีวิตของทารกแรกเกิด (1.4% เทียบกับ 1.5%, RR 0.98, 95% CI 0.77 ถึง 1.24; การทดลอง 4 ฉบับ ทารก 17,243 ราย; หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำ) หรือความผิดปกติแต่กำเนิด รวมทั้งข้อบกพร่องของท่อประสาทของทารก (neural tube defects) (41เหตุการณ์ เทียบกับ 48 เหตุการณ์; RR 0.88, 95% CI 0.58 ถึง 1.33; การทดลอง 4 ฉบับ, ทารก 14,377 ราย; หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำ)
การเสริมธาตุเหล็กร่วมกับโฟลิกเทียบกับยาหลอกหรือไม่ได้รับธาตุเหล็กร่วมกับกรดโฟลิก
ผลลัพธ์ต่อมารดา: การเสริมธาตุเหล็กร่วมกับกรดโฟลิกแบบรับประทาเป็นประจำทุกวันอาจช่วยลดภาวะโลหิตจางในมารดาเมื่อตั้งครรภ์ครบกำหนด (12.1% เทียบกับ 25.5%; RR 0.44, 95% CI 0.30 ถึง 0.64; การทดลอง 4 ฉบับ สตรี 1962 คน; หลักฐานความเชื่อมั่นปานกลาง) และอาจลดภาวะขาดธาตุเหล็กในมารดาเมื่อตั้งครรภ์ครบกำหนด (3.6% เทียบกับ 15%; RR 0.24, 95% CI 0.06 ถึง 0.99; การทดลอง 1 ฉบับ สตรี 131 คน; หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำ) เมื่อเปรียบเทียบกับยาหลอกหรือไม่ได้รับธาตุเหล็กร่วมกับกรดโฟลิก หลักฐานมีความไม่แน่นอนอย่างมากเกี่ยวกับผลของธาตุเหล็กร่วมกับกรดโฟลิกต่อภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็กในมารดา (10.8% เทียบกับ 25%; RR 0.43, 95% CI 0.17 ถึง 1.09; การทดลอง 1 ฉบับ สตรี 131 ราย; หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำมาก) หรือการเสียชีวิตของมารดา (ไม่มีเหตุการณ์; การทดลอง 1 ฉบับ; หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำมาก) หลักฐานไม่แน่นอนสำหรับผลข้างเคียง (21.0% เทียบกับ 0.0%; RR 44.32, 95% CI 2.77 ถึง 709.09; การทดลอง 1 ครั้ง, สตรี 456 ราย; หลักฐานความแน่นอนต่ำ) และหลักฐานมีความไม่แน่นอนมากสำหรับภาวะโลหิตจางรุนแรงในไตรมาสที่ 2 หรือ 3 (< 1% เทียบกับ 5.6%; RR 0.12, 95% CI 0.02 ถึง 0.63; การทดลอง 4 ครั้ง, สตรี 506 ราย; หลักฐานความแน่นอนต่ำมาก) เมื่อเทียบกับ ยาหลอกหรือไม่มีธาตุเหล็กร่วมกับกรดโฟลิก
ผลลัพธ์ของทารก อาจมีความแตกต่างเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลยในทารกที่มีน้ำหนักแรกเกิดต่ำ (33.4% เทียบกับ 40.2%; RR 1.07, 95% CI 0.31 ถึง 3.74; การทดลอง 2 ฉบับ ทารก 1311 คน; หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำ) โดยเปรียบเทียบการเสริมธาตุเหล็กร่วมกับกรดโฟลิกกับการได้รับยาหลอกหรือการไม่เสริมธาตุเหล็กร่วมกับกรดโฟลิกเลย ทารกที่เกิดจากสตรีที่ได้รับธาตุเหล็กร่วมกับกรดโฟลิกในระหว่างตั้งครรภ์ อาจมีน้ำหนักแรกเกิดสูงกว่า (MD 57.73 กรัม, 95% CI 7.66 ถึง 107.79; การทดลอง 2 ฉบับ ทารก 1365 คน; หลักฐานความเชื่อมั่นปานกลาง) เมื่อเปรียบเทียบกับการได้รับยาหลอกหรือไม่ได้รับธาตุเหล็กร่วมกับกรดโฟลิก ผลลัพธ์อื่นๆ ที่เกิดกับทารกอาจมีความแตกต่างเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลย เช่น การคลอดก่อนกำหนด (19.4% เทียบกับ 19.2%; RR 1.55, 95% CI 0.40 ถึง 6.00; การทดลอง 3 ฉบับ, ทารก 1497 ราย; หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำ) การเสียชีวิตของทารกแรกเกิด (3.4% เทียบกับ 4.2%; RR 0.81, 95% CI 0.51 ถึง 1.30; การทดลอง 1 ฉบับ, ทารก 1793 ราย; หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำ) หรือความผิดปกติแต่กำเนิด (1.7% เทียบกับ 2.4; RR 0.70, 95% CI 0.35 ถึง 1.40; การทดลอง 1 ฉบับ, ทารก 1652 ราย; หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำ) โดยเปรียบเทียบการเสริมธาตุเหล็กร่วมกับกรดโฟลิกกับยาหลอกหรือการไม่เสริมธาตุเหล็กร่วมกับกรดโฟลิก
มีการทดลองทั้งหมด 19 ฉบับ ในประเทศที่มีโรคมาลาเรียระบาด หรือในสภาพแวดล้อมที่มีความเสี่ยงบางประการต่อโรคมาลาเรีย ไม่มีการศึกษาที่รายงานเกี่ยวกับมาเลเรียทางคลินิกในมารดา แต่มีการศึกษา 1 ฉบับ ที่รายงานข้อมูลเกี่ยวกับมาเลเรียในรก
ผู้แปล แพทย์หญิงชุติมา ชุณหะวิจิตร วันที่ 31 สิงหาคม 2024